หลังจากสภาพทางการเมืองว้าวุ่นกันมานาน คสช. ก็เป็นพระเอกขี่ม้าขาว เข้ามาดูแลภาพรวมของทั้งประเทศ แต่ยอดการขายรถยนต์ของเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา ยังอยู่ในช่วงขาลงเช่นเดิม ยอดขายเดือนเดียว ตกลง 38.2 %ขายได้ 68,263 คัน เพราะ คสช. เพิ่งเข้ามาเมื่อวันที่ 22 ยังไม่หมดเดือน ก็ยังเชื่อกันอยู่ว่า ยอดขายของเดือนมิถุนายน น่าจะไม่ถึงกับเลวร้ายสักเท่าไร เพราะสภาวะทางเศรษฐกิจโดยรวมค่อนข้างปราศจากปัญหาทางการเมือง การทำมาค้าขายของผู้สุจริตก็ดำเนินไปตามปกติ ยอดขายรถยนต์ ก็น่าจะเรื่อยๆ มาเรียงๆ พอควร

เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนพฤษภาคม ปี '57 กับ '56 ตลาดโดยรวม - 37.7 % รถยนต์นั่ง - 44.1 % รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) 4.3 % รถอเนกประสงค์ (MPV) - 40.3 % กระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ - 36.3 % กระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ - 34.0 % อื่นๆ - 45.7 % เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนมกราคม-พฤษภาคม ปี '57 กับ '56 ตลาดโดยรวม - 42.2 % รถยนต์นั่ง - 50.5 % รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) - 9.0 % รถอเนกประสงค์ (MPV) - 35.2 % กระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ - 38.3 % กระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ - 37.3 % อื่นๆ - 47.5 % หลังจากสภาพทางการเมืองว้าวุ่นกันมานาน คสช. ก็เป็นพระเอกขี่ม้าขาว เข้ามาดูแลภาพรวมของทั้งประเทศ แต่ยอดการขายรถยนต์ของเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา ยังอยู่ในช่วงขาลงเช่นเดิม ยอดขายเดือนเดียว ตกลง 38.2 %ขายได้ 68,263 คัน เพราะ คสช. เพิ่งเข้ามาเมื่อวันที่ 22 ยังไม่หมดเดือน ก็ยังเชื่อกันอยู่ว่า ยอดขายของเดือนมิถุนายน น่าจะไม่ถึงกับเลวร้ายสักเท่าไร เพราะสภาวะทางเศรษฐกิจโดยรวมค่อนข้างปราศจากปัญหาทางการเมือง การทำมาค้าขายของผู้สุจริตก็ดำเนินไปตามปกติ ยอดขายรถยนต์ ก็น่าจะเรื่อยๆ มาเรียงๆ พอควร แต่สิ่งที่น่าจับตามอง ในช่วงกระบวนการเปลี่ยนถ่ายอำนาจ เพื่อก้าวไปสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปลายปีหน้า คือ การวางแผนงานในเรื่องที่เกี่ยวข้อง หนนี้ เลยอยากคุยให้ฟังเรื่อง ท่าเรือน้ำลึกทวาย ที่ยังค้างเติ่งอยู่หลายประเด็น โครงการนี้ คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ ฯ ถือว่าเป็นเรื่องเร่งด่วน และนำเสนอ คสช. ให้พิจารณา ท่าเรือน้ำลึกทวาย จะเชื่อมโยงการค้า การลงทุนระหว่างเอเชียตะวันออก กับฝั่งมหาสมุทรอินเดีย ตะวันออกกลาง แอฟริกา และยุโรป โดยที่เรือเดินสมุทร ไม่จำเป็นต้องเดินทางอ้อมลงปลายแหลมมลายู ให้เสียเวลา สามารถขนถ่ายสินค้า และใช้การขนส่งทางบก ขนถ่ายสินค้าได้ทันที และเดินทางแค่ 135 กม. ก็ถึงชายแดนไทย-พม่า แล้ว ส่วนฝั่งทะเลด้านตะวันออก บ้านเราก็มีโครงการอีสเทิร์น ซีบอร์ด คอยรองรับอีกด้านอยู่แล้ว เดิมที ฝ่ายญี่ปุ่น ก็ให้ความสนใจที่จะร่วมลงทุนในการก่อสร้างท่าเรือแห่งนี้ แต่ติดขัดที่รัฐบาลรักษาการ ไม่สามารถตัดสินใจใดๆ ได้ แต่มีการประชุมระดับคณะทำงานร่วม ไทย-เมียนมาร์ เมื่อต้นเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา เตรียมจัดทำร่างเงื่อนไข ทีโออาร์ เพื่อประมูลหานักลงทุนที่จะมาพัฒนาโครงการระยะแรก ที่จริง ก็มีผู้ให้ความสนใจนอกเหนือจากนักลงทุนจากญี่ปุ่น ก็ยังมี อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเม้นท์ ฯ เจ้าของสัมปทาน ที่ได้ลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานไปบ้างแล้วบางส่วน แต่พอสภาพทางการเมืองบ้านเราเปลี่ยนแปลงไป กลุ่มซัมซุง จากเกาหลี และกลุ่มนิคมอมตะ ก็สนใจที่จะเสนอตัวเข้าร่วมประมูล ขณะที่ ที่ปรึกษาก็มีความเห็นว่า ควรลงทุนสร้างถนน ท่าเรือ นิคมอุตสาหกรรม ให้เป็นโครงการขนาดใหญ่ น่าจะคุ้มค่ากว่า และจะนำเสนอประธานร่วมฝ่ายเมียนมาร์ ให้ตัดสินใจอีกครั้ง คาดว่าจะสามารถเปิดประมูลได้ราวเดือนตุลาคมนี้ ขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่น ก็เริ่มให้การสนับสนุนการจัดทำแผนแม่บท พร้อมงบศึกษาความเป็นไปได้ขอโครงการถนนลาดยาง ที่ อิตาเลียนไทย ฯ วางพื้นฐานถนน 2 เลน ให้เพิ่มเป็น 4 เลน ผ่านทาง ไจกา ฯเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องดูกันต่อไป ว่าโครงการขนาดใหญ่ ที่จะทำให้ระบบลอจิสติคส์บ้านเรา ก้าวไปสู่ตำแหน่งผู้นำในประชาคมเศรษฐกิจในอนาคต จะมีความเป็นไปได้มากน้อยขนาดไหน ได้แต่เอาใจช่วยครับ