BMW MINI 5 DOOR
รถแฮทช์แบคสุดหรูซูเพอร์จิ๋ว เดือนตุลาคมปีม้าพยศจะเริ่มขายในเมืองแม่
อังกฤษ/เยอรมนี-ค่าย มีนี สร้างปรากฏการณ์เขย่าตลาดรถหรูขนาดเล็ก เปิดเผยโฉมหน้าและรายละเอียดของ MINI 5 DOOR ซึ่งเป็นรถเก๋งแฮทช์แบคขนาดซูเพอร์จิ๋วแบบแรกของค่ายที่มีประตูข้างรวม 4 ประตู พร้อมยืนยันว่าจะเริ่มการจำหน่ายในเดือนตุลาคม 2014 โดยมีรถให้เลือกใช้รวม 4 โมเดล ทั้งรถเบนซิน และดีเซล
นับเป็นตัวถังแบบที่ 2 ของรถ มีนี "เจเนอเรชันใหม่" รุ่นที่ 3 ซึ่งเพิ่งเปิดตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานมหกรรมยานยนต์โตเกียวเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2013 และเป็นตัวถังแบบใหม่ที่ผู้ผลิตมั่นใจว่าน่าจะมียอดขายเป็น 3 เท่าของตัวถัง 3 ประตู คือ อยู่ที่ระดับ 150,000 คัน/ปี เป็นตัวถังยาว 3.982-4.005 ม. กว้าง 1.727 ม. และสูง 1.425 ม. ซึ่งมีช่วงฐานล้อยาว 2.567 ม. และมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ 0.30-0.33 เมื่อเทียบกับรถตัวถัง 3 ประตู ก็จะพบว่า ขนาดความยาวเพิ่มขึ้นถึง 16.1 ซม. ขนาดความสูงเพิ่มขึ้น 1.1 ซม. ช่วงฐานล้อยาวขึ้น 7.2 ซม. แต่ขนาดความกว้างคงเดิม
หน้าตาและรูปทรงองค์เอวของตัวถังแบบใหม่นี้ ส่วนครึ่งหน้าเหมือนหลุดออกมาจากพิมพ์เดียวกันกับรถ 3 ประตู แต่ส่วนครึ่งหลังแตกต่างกันพอสังเกตเห็นได้ โดยเฉพาะเมื่อมองจากด้านข้าง รูปทรงองค์เอวโดยรวมวิจารณ์กันในเมืองผู้ดีว่าดูสมดุลและลงตัวกว่าตัวถัง 3 ประตู แถมมีจุดเด่นที่น่าจะเป็นจุดขายสำคัญด้วย คือ ห้องเก็บของท้ายรถที่จุถึง 278 ลิตร คือ จุกว่าตัวถัง 3 ประตู ถึง 72 ลิตร และจะเพิ่มเป็น 941 ลิตร เมื่อพับเบาะหลังที่แบ่งพนักพิงในลักษณะ 60:40
เมื่อออกโชว์รูมตอนปลายปีดังที่กล่าวข้างต้น จะมีรถให้เลือก 4 โมเดล คือ MINI COOPER 5 DOOR (เครื่องเทอร์โบเบนซินฉีดตรง DOHC 3 สูบเรียง 1,499 ซีซี 100 กิโลวัตต์/136 แรงม้า) MINI COOPER S 5 DOOR (เครื่องเทอร์โบเบนซินฉีดตรง DOHC 4 สูบเรียง 1,998 ซีซี 141 กิโลวัตต์/192 แรงม้า) MINI COOPER D 5 DOOR (เครื่องเทอร์โบดีเซลฉีดตรง DOHC 3 สูบเรียง 1,496 ซีซี 85 กิโลวัตต์/116 แรงม้า) และ MINI COOPER SD 5 DOOR (เครื่องเทอร์โบดีเซลฉีดตรง DOHC 4 สูบเรียง 1,995 ซีซี 125 กิโลวัตต์/170 แรงม้า) ทุกโมเดลมีระบบเกียร์ให้เลือก 2 แบบ คือ เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ กับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ STEPTRONIC
ตามตัวเลขของผู้ผลิต โมเดลหัวกะทิ คือ MINI COOPER S 5 DOOR ซึ่งติดตั้งเกียร์ธรรมดา อัตราเร่ง 0-100 กม. ทำได้ใน 6.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 232 กม./ชม. มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 5.9 ลิตร/100 กม. หรือ 16.9 กม./ลิตร และปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 136-139 กรัม/กม. แต่เมื่อใช้เกียร์อัตโนมัติตัวเลขจะเปลี่ยนเป็น 6.8 วินาที 230 กม./ชม. 5.4 ลิตร/100 กม. หรือ 18.5 กม./ลิตร และ 125-128 กรัม/กม.
ยังไม่มีการระบุค่าตัว แต่คาดกันว่าจะแพงกว่ารถ 3 ประตู ประมาณ 600 ปอนด์อังกฤษ หรือเท่ากับประมาณ 33,000 บาทไทย
MINI SUPERLEGGERA VISION
รถแนวคิด 2 สายพันธุ์ อวดโฉมในงานแสดงรถโบราณของเมืองมะกะโรนี
เยอรมนี/อิตาลี-ทั้ง 3 ภาพข้างบน คือ รถแนวคิดติดป้ายชื่อ มีนี ซูเพอร์เลกเกรา วิชัน (MINI SUPERLEGGERA VISION) ที่ยอดผู้ผลิตรถจิ๋วของเมืองผู้ดีเพิ่งนำออกแสดงในงาน CONCORSO D'ELEGANZA ซึ่งเป็นงานแสดงรถโบราณที่มีขึ้นในอิตาลีเป็นประจำทุกปีนับแต่ปี 1929 เป็นผลงานจากความร่วมมือของค่ายมีนีกับค่าย ทัวริง ซูเพอร์เลกเกรา (TOURING SUPERLEGGERA)
ผู้ชำนัญการด้านออกแบบตัวถังของเมืองมะกะโรนี โดยที่ทีมออกแบบของฝ่ายแรกซึ่งมีฐานปฏิบัติการอยู่ในเมืองมิวนิคของเยอรมนี รับผิดชอบการออกแบบรูปทรงองค์เอว และทีมงานของฝ่ายหลังจัดการสร้างตัวรถขึ้นเพียงคันเดียวด้วยมือ เป็นรถแนวคิดที่ทำขึ้นเพื่อบ่งบอกทิศทางและความเป็นไปได้ของรถเปิดประทุน 2 ที่นั่งแบบใหม่ ที่ค่ายนี้จะบรรจุเข้าสู่สายการผลิตแทนที่รถรุ่นปัจจุบัน 2 รุ่น คือ มีนี คูเป (MINI COUPE) กับ มีนี โรดสเตอร์ (MINI ROADSTER) มีรายละเอียดในหลายจุดที่เห็นได้ชัดว่าได้มาจากรถ มีนี แฮทช์แบค รุ่นล่าสุด เช่น แผงกระจังหน้าและไฟหน้า
MERCEDES-BENZ C-KLASSE T-MODELL
เปิดตัวแล้วที่โรงงานในเมืองเบียร์ จะเริ่มออกโชว์รูมเดือนกันยายนปีนี้
เยอรมนี-ยอดผู้ผลิตรถหรูของเมืองเบียร์ใช้โรงงานเก่าแก่ที่เมืองบเรเมน (BREMEN) ซึ่งเปิดใช้งานมาตั้งแต่ปี 1938 เป็นที่เปิดตัวรถตรวจการณ์ เมร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาสส์ รุ่นใหม่ ซึ่งติดป้ายชื่อในภาษาเยอรมันว่า MERCEDES-BENZ C-KLASSE T-MODELL แต่จะเปลี่ยนชื่อเป็น MERCEDES-BENZ C-CLASS ESTATE เมื่อใช้ภาษาอังกฤษ พร้อมยืนยันว่าต้องรอจนถึงเดือนกันยายนของปีม้าพยศนั่นแหละ รถตรวจการณ์สุดหรูรุ่นใหม่นี้จึงจะเริ่มออกโชว์รูมในเมืองเบียร์
เป็นรถตรวจการณ์ขนาดเล็กกะทัดรัด ซึ่งพัฒนาจากรถซีดาน เมร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาสส์ รุ่นล่าสุดซึ่งเป็นรถรุ่นที่ 4 และเพิ่งปรากฏตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานมหกรรมยานยนต์ดีทรอยท์ครั้งล่าสุดเมื่อเดือนมกราคม 2014 ตัวถังซึ่งยาว 4.702 ม. และกว้าง 1.810 ม. คือ ยาวและกว้างกว่าตัวถังซีดาน 9.6 และ 4.0 ซม. ตามลำดับ มีส่วนครึ่งหน้าที่แทบไม่แตกต่างอะไรเลยกับรถซึ่งเป็นที่มา แต่ส่วนครึ่งหลังคือ ตั้งแต่ B-PILLARS หรือเสาค้ำยันหลังคาคู่กลางเป็นต้นไป ซึ่งเป็นส่วนที่ออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมด ค่ายดาวสามแฉกให้ข้อมูลว่า ชิ้นส่วนตัวถังของรถตรวจการณ์รุ่นใหม่นี้ ประมาณร้อยละ 50 ทำจากอลูมิเนียม และยังบอกด้วยว่าการต่อชิ้นส่วนอลูมิเนียมเหล่านี้เข้ากับชิ้นส่วนเหล็กกล้าไม่ได้ใช้วิธีเชื่อม เนื่องจากเหล็กกล้า และอลูมิเนียมเชื่อมเข้าด้วยกันไม่ได้ แต่ต้องใช้กรรมวิธี IMPACT JOINING PROCESS ที่ค่ายนี้นำมาใช้เป็นรายแรกในโลก
ขนาดความยาวที่เพิ่มขึ้นมากส่งผลดีในหลายเรื่อง ที่เห็นชัดมาก คือ ผู้โดยสารบนเบาะหลังมีพื้นที่วางขาเพิ่มขึ้นถึง 4.5 ซม. กับห้องเก็บของท้ายรถที่จุกว่ารถรุ่นเดิมประมาณ 5 ลิตร คือ จุถึง 490 ลิตรในสภาพปกติ และเพิ่มเป็น 1,510 ลิตร เมื่อพับเบาะหลังที่แบ่งสัดส่วน 40:20:40 ไม่ใช่ 60:40 เหมือนรถรุ่นก่อน เมื่อเทียบกับคู่ต่อสู้โดยตรง คือ รถตรวจการณ์ บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์-3 ทัวริง (BMW 3-SERIES TOURING) ซึ่งมีห้องเก็บของจุ 495/1,500 ลิตรแล้ว ก็เห็นได้ว่าค่ายดาวสามแฉกเป็นต่ออยู่นิดหน่อย
นับเป็นรถตรวจการณ์สุดหรูที่มีอุปกรณ์พิเศษเสนอเป็นออพชันให้เลือกใช้มากมาย ตัวอย่างหนึ่ง คือระบบเปิดประตูท้ายซึ่งมีชื่อในภาษาอังกฤษว่า HAND-FREE ACCESS เมื่อติดตั้งระบบนี้แล้วการเปิดหรือปิดประตูบานท้ายจะทำได้อย่างง่ายๆ โดยเพียงแต่ส่ายปลายเท้าไปมาใต้กันชนหลัง
รถที่จะเริ่มจำหน่ายตอนปลายปีม้าพยศดังที่กล่าวข้างต้น จะมีทั้งรถเบนซินที่ให้กำลังสูงสุด 116 กิโลวัตต์/156 แรงม้า ถึง 245 กิโลวัตต์/333 แรงม้า และเครื่องดีเซลที่ให้กำลังสูงสุด 85 กิโลวัตต์/115 แรงม้า ถึง 150 กิโลวัตต์/204 แรงม้า รวมทั้งจะมีรถไฮบริดให้เลือกใช้อีก 1 โมเดล คือ MERCEDES-BENZ C300 BLUETEC HYBRID ซึ่งใช้เครื่องเทอร์โบดีเซลฉีดตรง 150 กิโลวัตต์/204 แรงม้า ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 20 กิโลวัตต์/27 แรงม้า มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่น่าทึ่งมาก คือ แค่ 3.8 ลิตร/100 กม. หรือ 26.3 กม./ลิตร และปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 99 กรัม/กม.
BENTLEY CONTINENTAL GT3-R
รถตีนไฟของผู้ผลิตรถสปอร์ทเมืองผู้ดี ผลิตขายเพียง 300 คัน
อังกฤษ-เพิ่งเปิดเผยโฉมหน้าเมื่อกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา คือ เบนท์ลีย์ คอนทิเนนทัล จีที 3-อาร์ (BENTLEY CONTINENTAL GT3-R) ที่ผู้ผลิตยืนยันว่าเป็นรถตลาดที่มีอัตราเร่งเยี่ยมยอดที่สุดในประวัติศาสตร์เกือบ 1 ศตวรรษของค่าย คือ สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาแค่ 3.8 วินาที แต่ตัวเลขความเร็วสูงสุดกลับไม่น่าประทับใจนัก คือ 273 กม./ชม. ไม่ใช่รถที่ออกแบบขึ้นใหม่ทั้งคัน หากพัฒนาจากรถ เบนท์ลีย์ คอนทิเนนทัล จีที วี 8 (BENTLEY CONTINENTAL GT V8) ซึ่งอยู่ในตลาดมาตั้งแต่ปี 2012 เป็นการพัฒนาโดยได้แรงบันดาลใจจากรถแข่ง เบนท์ลีย์ คอนทิเนนทัล จีที 3 (BENTLEY CONTINENTAL GT3) ที่ผู้ชื่นชอบกีฬาความเร็วในเมืองผู้ดีรู้จักกันดี เครื่องยนต์ที่ใช้เป็นเครื่องบลอคเดิม คือ เครื่องทวินเทอร์โบเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC วี 8 สูบ 3,933 ซีซี แต่ปรับแต่งจนกำลังสูงสุดพุ่งขึ้นเป็น 426 กิโลวัตต์/580 แรงม้า เป็นรถที่จำกัดจำนวนผลิตไว้เพียง 300 คัน และขณะนี้ยังไม่ระบุค่าตัว
MERCEDES-BENZ CLS-CLASS
รุ่นผ่านการปรับปรุงแบบ "ยกหน้า" เริ่มจำหน่ายเดือนกันยายนปีม้าพยศเช่นกัน
เยอรมนี-ผลงานใหม่อีกชิ้นหนึ่งของค่ายดาวสามแฉก ซึ่งเพิ่งเปิดตัวเมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาและมีกำหนดออกโชว์รูมในเดือนกันยายน 2014 คือ รถเก๋งขนาดกลางระดับสุดหรูติดป้ายชื่อ เมร์เซเดส-เบนซ์ ซีแอลเอส-คลาสส์ (MERCEDES-BENZ CLS-CLASS) ซึ่งมีให้เลือกใช้ทั้งตัวถัง 4 ประตูคูเป และตัวถัง 5 ประตูตรวจการณ์ซึ่งมีชื่อเฉพาะว่า SHOOTING BRAKE
ไม่ใช่รถรุ่นใหม่ที่ออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมด แต่เป็นรถรุ่นที่ 2 ที่เริ่มจำหน่ายในเมืองเบียร์เมื่อต้นปี 2011 และเพิ่งได้รับการปรับปรุงแบบ FACELIFT หรือ "ยกหน้า" อันเป็นเรื่องปกติที่ผู้ผลิตรถยนต์แทบทุกรายนิยมกระทำกันในช่วง MID-LIFE หรือ "ครึ่งอายุ" ของรถแต่ละรุ่น ในส่วนของตัวถังทั้งภายนอกและภายใน มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยอย่างที่เรียกขานกันในภาษาอังกฤษว่า SUBTLE MID-LIFE CHANGES ตัวอย่างเช่น เปลี่ยนกันชนหน้า เพิ่มขนาดของท่อดักลม ปรับรูปโฉมของแผงกระจัง เปลี่ยนดวงโคมไฟท้าย พวงมาลัยแบบ 3 แฉกออกแบบใหม่หมด ปรับอุปกรณ์ที่ติดตั้งในคอนโซลกลางให้ใช้งานได้ง่ายกว่าเดิม ฯลฯ
อย่างไรก็ตามจุดที่น่าจะกล่าวถึงมากที่สุด คือ การติดตั้งดวงโคมไฟหน้าชุดใหม่ เป็นไฟแอลอีดีที่ค่ายนี้เพิ่งออกแบบขึ้นใหม่ และมีชื่อเรียกในภาษาอังกฤษว่า MULTIBEAM LED HEADLAMPS เป็นไฟแอลอีดีที่ทำงานในลักษณะอัจฉริยะ สามารถให้ความเข้มและการกระจายของแสงที่สอดรับกับทุกสภาพการขับขี่และสถานการณ์ มีการคำนวณหารูปแบบการส่องแสงที่เหมาะสมอย่างถี่ยิบถึง 100 ครั้ง/วินาที และไฟแอลอีดีสมรรถนะสูงแต่ละตัว ซึ่งมีอยู่รวม 24 ตัว สามารถปรับแสงได้มากถึง 255 ระดับ
ส่วนความเปลี่ยนแปลงในด้านเครื่องยนต์กลไก ในระยะแรก รถรุ่นใหม่ซึ่งมีทั้งแบบขับล้อหลังและขับทุกล้อนี้จะมีเครื่องยนต์ให้เลือกรวม 6 ขนาด ทั้งเครื่องเบนซินและดีเซล เครื่องยนต์ขนาดเล็กที่สุดเป็นเครื่องเทอร์โบดีเซลฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC 4 สูบเรียง 2,143 ซีซี 125 กิโลวัตต์/170 แรงม้า ซึ่งติดตั้งในรถโมเดลเริ่มต้น คือ MERCEDES-BENZ CLS 220 BLUETEC ส่วนเครื่องขนาดใหญ่ที่สุดและแรงที่สุดคือเครื่องไบเทอร์โบเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC วี 8 สูบ 5,461 ซีซี 430 กิโลวัตต์/585 แรงม้า ซึ่งติดตั้งในรถโมเดลหัวกะทิ คือ MERCEDES-BENZ CLS 63 AMG 4MATIC ในส่วนของระบบเกียร์เพื่อส่งทอดกำลังจากเครื่องยนต์สู่ล้อ จุดที่ต้องกล่าวถึง คือ นี่เป็นครั้งแรกที่รถหรูอนุกรมนี้มีระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ 9G-TRONIC ให้เลือกใช้ด้วย
BMW I3
คว้ารางวัลการออกแบบห้องโดยสาร เพราะใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
เยอรมนี-ที่เห็นในทั้ง 3 ภาพนี้ คือ ห้องโดยสารของรถไฟฟ้าติดป้ายชื่อ บีเอมดับเบิลยู ไอ 3 (BMW I3) ที่เพิ่งคว้ารางวัล PRODUCTION INTERIOR VEHICLE DESIGN อันเป็นรางวัลสำหรับการออกแบบห้องโดยสารรถยนต์ และเป็นส่วนหนึ่งของการมอบรางวัล AUTOMOTIVE INTERIOR EXPO AWARD 2014 ซึ่งมีขึ้นในงานมหกรรมยานยนต์ AUTOMOTIVE INTERIOR EXPO ที่เมืองชตุทท์การ์ทในเยอรมนีเมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา คณะกรรมการผู้ตัดสินซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบรถยนต์จากนานาชาติให้เหตุผลที่มอบรางวัลนี้แก่ บีเอมดับเบิลยู ไอ 3 ไว้หลายข้อ ตัวอย่าง คือ ในบรรดาพลาสติคที่ใช้ในห้องโดยสารของรถไฟฟ้าแบบนี้ มีอยู่ถึงร้อยละ 25 (โดยน้ำหนัก) ที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ ในขณะที่ผ้าหุ้มเบาะและผนังล้วนทำจากเส้นใยที่ผ่านการรีไซเคิลมาแล้ว ฯลฯ บีเอมดับเบิลยู ไอ 3 เป็นรถไฟฟ้าเพียงแบบเดียวที่ยักษ์ใหญ่ของเมืองเบียร์ทำขายในขณะนี้ เป็นรถขับล้อหลังที่ทำความเร็วสูงสุด 150 กม./ชม.
เรื่องโดย : ชูศักดิ์ ชมจินดา/บริษัทผู้ผลิต formula@autoinfo.co.th
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน สิงหาคม ปี 2557
คอลัมน์ Online : ทั่วไป
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/33549