ทดสอบ
ตัวเล็กใจใหญ่ เมื่อขนาดตัวสวนทางกับสมรรถนะ น้องใหม่ที่มาต่อยอดความสำเร็จของพี่ใหญ่ กาเยนน์ ถึงจะตัวเล็กกว่า...แต่ความแสบไม่เป็นรอง
12 ปีก่อน โพร์เช เปิดตัว กาเยนน์ ในฐานะ รถสปอร์ทที่ลุยได้" คันเดียวของค่าย และฉายเดี่ยวในตระกูล จากนั้นเป็นต้นมาเรียกได้ว่าเป็นสปอร์ท เอสยูวี รุ่นบุกเบิกยุคแรกๆ และประสบความสำเร็จในการสร้างตลาดใหม่นี้จนหลายค่ายอดไม่ได้ที่ต้องทำตาม ปัจจุบันค่ายไหนยังไม่มีรถแบบนี้ในสายการผลิต เรียกได้ว่าแทบจะ เอาท์ ไปเลยทีเดียว
ครั้งนี้ถึงคราวแตกหน่อขยายไลน์ ปั้นสปอร์ท เอสยูวี ขนาดเล็ก ออกมาเขย่าตลาดอีกครั้ง เป้าหมายท้าชิง คงหนีไม่พ้นเพื่อนร่วมสัญชาติเดียวกันอย่าง บีเอมดับเบิลยู เอกซ์ 4 เมร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลเค คลาสส์ และพี่น้องเครือญาติเดียวกันอย่าง เอาดี คิว 5 โดยมีดีกรีรถสปอร์ทแท้ เป็นเครื่องการันตีความเก๋า
แรกเริ่มเดิมทีมีการคาดเดาว่า โพร์เช จะใช้ชื่อรถรุ่นนี้ว่า กาจัน (CAJUN) แต่สุดท้ายพลิกลอค ตัดสินใจเรียกมันว่า มากัน (MACAN) คำนี้มีรากศัพท์มาจากภาษายาวี (อินโดนีเซีย) แปลว่า เสือ" เปิดตัวอย่างเป็นทางการต่อสาธารณชนในงานมหกรรมยานยนต์ลอสแองเจลีส ปลายปี 2013 ผลิตที่โรงงานในเมืองไลพ์ซิก (LEIPZIG) นับเป็นการลงทุนครั้งประวัติศาสตร์ของ โพร์เช เพราะทุ่มงบไปกว่า 2 หมื่นล้านบาท (500 ล้านยูโร) ขยายโรงงานเพื่อรองรับการผลิตสปอร์ท เอสยูวี ขนาดเล็กรุ่นนี้ โดยตั้งเป้ายอดขายไว้ปีละ 50,000 คัน และเนื่องจาก โพร์เช และ เอาดี ต่างอยู่ภายใต้ร่มเงากลุ่ม โฟล์คสวาเกน เหมือนกัน จึงมีเทคโนโลยีบางส่วน ที่หยิบยืมจากเครือญาติอย่าง คิว 5 แบบเนียนๆ ชนิดไม่บอกก็ไม่มีทางรู้
หมายเชิญทดลองขับครั้งนี้ โพร์เช พาเราขับรถจากเมืองเกาสง (KAOHSIUNG) มุ่งหน้าสู่อุทยานแห่งชาติ เคนทิง (KENTING) ทางตอนใต้สุดของประเทศไต้หวัน ที่อุดมไปด้วยถนนคดเคี้ยว ป่าเขา และชายทะเล
พูดอย่างไม่เขินอายเลยว่า แวบแรกที่เห็นด้านหน้ารถ ผมแทบจะแยกไม่ออกว่าคันไหนคันพี่ คันไหนคันน้อง เพราะมันช่างเหมือนกันอย่างกับแกะ แต่เมื่อได้เอี้ยวตัวมามองด้านข้างขณะจอดติดกัน จึงเริ่มเข้าใจทีมออกแบบมากขึ้น ขนาดตัวของ มากัน เล็กกว่าทุกมิติ ยิ่งในส่วนบั้นท้ายนี่เรียกได้ว่า "ถอดรหัสดีเอนเอ ต้นตระกูล โพร์เช และคัดสำเนามาครบถ้วน (ชัดเจนกว่ารุ่นพี่ กาเยนน์) โดยเฉพาะองศาของเสาซี และรูปทรงของไฟท้ายนั้น บอกได้เลยว่าเซกซีกว่ารุ่นพี่อย่างไม่ต้องสืบ !
ภายในหน้าปัดหลังพวงมาลัยมีเข็มวัดรอบขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง ตามใจนักขับที่อยากเห็นรอบเครื่องชัดเจนเพื่อความแม่นยำในการเปลี่ยนเกียร์ เพราะเรื่องของความเร็วในรถแบบนี้ใช้ประสาทสัมผัสส่วนอื่นรับรู้ก็เพียงพอแล้ว
แผงคอนโซลมีปุ่มควบคุมเรียงรายขนาบคู่คันเกียร์ทั้ง 2 ข้าง ละลานตาเหมือนในห้องนักบิน ใช้ปรับแต่งได้สารพัดเรื่อง เช่น ปุ่ม COMFORT/SPORT/SPORT PLUS/OFF ROAD ปรับระดับการตอบสนองของพวงมาลัย เกียร์ ระบบรองรับ ระดับความสูงของตัวถัง และระบบขับเคลื่อน นอกจากนั้นยังมีปุ่มปรับอุณหภูมิภายในห้องโดยสารแยกซ้าย/ขวา รวมถึงปุ่ม PORSCHE HILL CONTROL (PHC) ซึ่งน่าจะวางไว้ใกล้ๆ กับปุ่ม OFF ROAD เพราะ 2 ปุ่มนี้ มักใช้คู่กัน แต่กลับเอาไปซุกไว้หลังคันเกียร์ คนละทิศคนละทาง
เบาะนั่งปรับกระชับลำตัว สบายทุกที่นั่ง ด้านหลังองศาเอนกำลังดี พับได้แบบ 40:20:40 เมื่อปรับเบาะลงทั้งหมด จะเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระจาก 500 เป็น 1,500 ลิตร แม้ว่าหลังคาลาดต่ำสไตล์คูเป แต่พื้นที่ภายในห้องโดยสารก็ยังกว้างขวางกว่ารถคูเป เอสยูวี อีกหลายคัน หลังคาเพดานแก้วเป็นกระจกเปิดรับแสงและลมได้
มากัน มีเครื่องยนต์ให้เลือก 3 รุ่น เป็นเบนซิน 2 และดีเซล 1 โดยเครื่องยนต์ 6 สูบ ทั้ง 3 ตัวนี้ ทำงานร่วมกับระบบเกียร์ 7 จังหวะคลัทช์คู่ PDK และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา PTM กระจายแรงบิดอย่างเหมาะสม เสริมความมั่นใจในการขับขี่ขณะวิ่งด้วยความเร็วสูง เพื่อความคล่องตัว ควบคุมง่าย และคาดเดาได้ ในรุ่นจัดเต็ม ได้แก่ มากัน เทอร์โบ เบนซิน วี 6 สูบ 3.6 ลิตร เทอร์โบคู่ 400 แรงม้า 0-100 กม./ชม. ใน 4.6 วินาที รุ่นรองลงมา มากัน เอส เบนซิน วี 6 สูบ 3.0 ลิตร เทอร์โบคู่ 340 แรงม้า 0-100 กม./ชม. ใน 5.2 วินาที และรุ่นดีเซลเน้นแรงบิดและความประหยัด มากัน เอส ดีเซล วี 6 สูบ 3.0 ลิตร เทอร์โบดีเซล 258 แรงม้า แต่แรงบิดสูงถึง 580 นิวตัว-เมตร (59.1 กก.-ม.) 0-100 กม./ชม. ใน 6.1 วินาที
ไม่ต้องหาปุ่มกดสตาร์ทในรถคันนี้ เพราะเขายังอนุรักษ์กุญแจเอกลักษณ์ทรงเรือนร่าง โพร์เช เอาไว้เหมือนเดิม เมื่อเราบิดกุญแจสตาร์ท จะได้ยินเสียงเครื่องยนต์หนักแน่น ขึงขัง เอาจริงเอาจัง ราวกับเป็นเครื่องจักรขนาดใหญ่ ส่งเสียงคำรามต่างจากสปอร์ทค่ายอิตาลีที่มักจะมีเสียงอ่อนหวานเหมือนสิ่งมีชีวิต และเซกซีกว่า
ระบบสตาร์ท-สตอพรุ่นใหม่ พัฒนาให้เริ่มทำงานตั้งแต่รถยังหยุดไม่สนิท (2 กม./ชม.) เพื่อช่วยลดอัตราสิ้นเปลืองขณะวิ่งในเส้นทางจราจรหนาแน่น และเครื่องยนต์จะสตาร์ทกลับขึ้นมาใหม่ทันทีที่แตะคันเร่ง เราแทบจะไม่รู้สึกถึงการทำงานของมันเลย
ผมไม่ผิดหวังเมื่อได้ลองเกียร์ 7 จังหวะ คลัทช์คู่ PDK อันเลื่องชื่อของ โพร์เช เปลี่ยนเกียร์ได้เร็ว ชิด ทันใจ ขับสนุก สมคำเล่าลือ สอดสัมพันธ์กับแรงม้าและแรงบิดจากเครื่องยนต์ วี 6 สูบ เป็นอย่างดี ปรับเปลี่ยนได้ไวพอๆ กัน ทั้งที่แป้นหลังพวงมาลัย และด้ามเกียร์ การเปลี่ยนเกียร์ตั้งแต่ช่วงเกียร์ 3 ขึ้นไปไล่ยาวไปจนถึงเกียร์สุดท้าย แทบจะไร้รอยต่อ และรู้สึกเหมือนกันเมื่อเปลี่ยนเกียร์ลงในทางตรงกันข้าม แต่ถ้าหวังจะให้เกิดอาการหน่วงรั้ง เพื่อลดความเร็วก่อนเข้าโค้ง (เอนจินเบรค) ผมว่าอาจจำเป็นต้องดึงลงมากกว่าปกติอีกสัก 2-3 เกียร์ ถึงจะเริ่มรู้สึกอาการนั้น
เมื่อกดปุ่ม SPORT PLUS มันจะปรับเปลี่ยนนิสัยรถในทันที เพิ่มความสปอร์ท แค่แตะคันเร่งเพียงนิดเดียว เสียงเครื่องหนักแน่นตอบสนองทันที เข้มแข็ง ไม่อิดออด ขยับรอบเดินเบา ขยายเส้นขีดแดง ลากเกียร์ได้ยาวขึ้น ช่วงรอยต่อระหว่างเกียร์นั้นกระชับ และชิดมาก กระชากรวดเร็วทันใจ
ข้อมูลจากโรงงานแจ้งว่า หากเปิดระบบ LAUNCH CONTROL จะทำให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เร็วขึ้นอีก 0.2 วินาที เท่ากันในทุกรุ่น ปรับระดับช่วงล่างให้เตี้ยลง 10 มม. (ระยะห่างใต้ท้องลดเหลือ 180 มม.) พวงมาลัยไวขึ้น คมกริบและเชื่องมือ แต่เมื่อปรับเข้าสู่โหมด COMFORT ช่วงล่าง แน่น นุ่ม ขับสบาย กลายร่างเป็นสปอร์ท เอสยูวี ชั้นดี สามารถปรับระดับความแข็ง/อ่อน และสูง/ต่ำของระบบรองรับได้ ในรุ่นที่มีระบบรองรับแบบถุงลม มันจะเตี้ยลง 15 มม. จากรุ่นมาตรฐาน เมื่อปรับระดับความสูง HIGH LEVEL I หรือ OFF ROAD จะสูงขึ้น +40 มม. เพิ่มระยะห่างใต้ท้องเป็น 230 มม. ในโหมด OFF ROAD จะทำงานที่ความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชม. เน้นการถ่ายกำลังระหว่างล้อคู่หน้ากับคู่หลัง เพื่อความสะดวกในการปีนป่ายในเส้นทางทุรกันดาร ใช้งานร่วมกับปุ่ม PHC เพื่อหน่วงรั้งขณะลงเขา ซึ่งจะทำงานขณะวิ่งด้วยความเร็วไม่เกิน 30 กม./ชม.
มีข่าวแว่วมาว่าในอนาคต โพร์เช มีแผนจับเครื่องยนต์ 4 สูบ 2.0 ลิตร มาใส่ใน มากัน กลยุทธ์ ทอพดาวน์มาร์เกทิง บี้เจ้าตลาดเดิมๆ ใครที่บแรนด์ยังไม่แข็ง...เตรียมกระจุย ! ซึ่งน่าจะเป็นไม้เด็ด หมัดนอค ที่จะดันให้ยอดขายทะลุ 50,000 คัน ได้ไม่ยาก ถ้าราคามาถูกที่ถูกทาง
รับรองว่า เป้าหมายนี้ไม่ไกลเกินเอื้อมครับ
เรื่องโดย : ชลัทชัย ปภัสร์พงษ์ chalatchai@imc.co.th
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน กรกฏาคม ปี 2557
คอลัมน์ Online : ทดสอบ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/33444