ทั่วไป
เยอรมนี/สหรัฐอเมริกา-ยอดผู้ผลิตรถหรูของเมืองเบียร์ใช้งานมหกรรมยานยนต์นิวยอร์คครั้งล่าสุดซึ่งมีขึ้นเมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา เป็นที่เปิดตัวรถอนุกรมใหม่ติดป้ายชื่อ บีเอมดับเบิลยู เอกซ์ 4 (BMW X4) ซึ่งนับเป็นรถกิจกรรมกลางแจ้งแบบที่ 5 ของค่ายนี้ ถัดจากรถ บีเอมดับเบิลยู เอกซ์ 1 (BMW X1) บีเอมดับเบิลยู เอกซ์ 3 (BMW X3) บีเอมดับเบิลยู เอกซ์ 5 (BMW X5) และ บีเอมดับเบิลยู เอกซ์ 6 (BMW X6) ซึ่งเริ่มจำหน่ายเมื่อปี 2009, 2004, 1999 และ 2008 ตามลำดับ
BMW
X4
เอสยูวี แบบที่ 5 ของค่ายใบพัดเครื่องบิน
เปิดตัวแล้วที่งานมหกรรมยานยนต์ในสหรัฐอเมริกา
เยอรมนี/สหรัฐอเมริกา-ยอดผู้ผลิตรถหรูของเมืองเบียร์ใช้งานมหกรรมยานยนต์นิวยอร์คครั้งล่าสุดซึ่งมีขึ้นเมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา เป็นที่เปิดตัวรถอนุกรมใหม่ติดป้ายชื่อ บีเอมดับเบิลยู เอกซ์ 4 (BMW X4) ซึ่งนับเป็นรถกิจกรรมกลางแจ้งแบบที่ 5 ของค่ายนี้ ถัดจากรถ บีเอมดับเบิลยู เอกซ์ 1 (BMW X1) บีเอมดับเบิลยู เอกซ์ 3 (BMW X3) บีเอมดับเบิลยู เอกซ์ 5 (BMW X5) และ บีเอมดับเบิลยู เอกซ์ 6 (BMW X6) ซึ่งเริ่มจำหน่ายเมื่อปี 2009, 2004, 1999 และ 2008 ตามลำดับ
เป็นรถกิจกรรมกลางแจ้งที่มีโครงสร้างตัวถังแบบรถเก๋งอย่างที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า CROSSOVER SUV ตัวถังยาว 4.671 ม. กว้าง 1.881 ม. และสูง 1.624 ม. ซึ่งมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ 0.33-0.35 มีรูปทรงองค์เอวที่เห็นได้ชัดว่า เป็นผลลัพธ์ของการออกแบบที่ได้รับอิทธิพลเป็นอย่างมากจากรถอนุกรมพี่ที่ขายดีมาก คือ บีเอมดับเบิลยู เอกซ์ 6 ส่วนภายในห้องโดยสารที่ออกแบบให้
นั่งได้รวม 5 คน โดยติดตั้งเก้าอี้ที่นั่ง 2 แถว และแถวหลังแบ่งส่วนพนักพิงในลักษณะ 40:20:40 กลับมีลักษณะการออกแบบคล้ายคลึงกับรถอนุกรมน้อง คือ บีเอมดับเบิลยู เอกซ์ 3 ที่เห็นได้ชัดเจนมาก คือ แผงหน้าปัดอุปกรณ์
ในระยะแรกจะมีรถให้เลือกใช้ตามรสนิยมรวม 6 โมเดล แยกเป็นรถเบนซิน 3 โมเดล คือ BMW X4 XDRIVE20I ติดตั้งเครื่องยนต์เทอร์โบฉีดตรง DOHC 4 สูบเรียง 1,997 ซีซี 135 กิโลวัตต์/184 แรงม้า BMW X4 XDRIVE28I ติดตั้งเครื่องเทอร์โบฉีดตรง DOHC 4 สูบเรียง 1,997 ซีซี 180 กิโลวัตต์/245 แรงม้า และ BMW X4 XDRIVE35I ติดตั้งเครื่องเทอร์โบฉีดตรง DOHC 6 สูบเรียง 2,979 ซีซี 225 กิโลวัตต์/306 แรงม้า ทุกโมเดลเป็นรถขับทุกล้อถ่ายทอดกำลังสู่ล้อคู่หน้า และคู่หลัง ผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ STEPTRONIC
กับเป็นรถดีเซล 3 โมเดล คือ BMW X4 XDRIVE20D ติดตั้งเครื่องเทอร์โบฉีดตรง DOHC 4 สูบเรียง 1,995 ซีซี 140 กิโลวัตต์/190 แรงม้า ทำงานร่วมกับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ หรือเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ STEPTRONIC BMW X4 XDRIVE30D ติดตั้งเครื่องเทอร์โบฉีดตรง DOHC 6 สูบเรียง 2,993 ซีซี 190 กิโลวัตต์/258 แรงม้า ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ STEPTRONIC และ BMW X4 XDRIVE35D ติดตั้งเครื่องเทอร์โบฉีดตรง DOHC 6 สูบเรียง 2,993 ซีซี 230 กิโลวัตต์/313 แรงม้า ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ STEPTRONIC
ในเมืองแม่ โมเดลพื้นฐาน คือ BMW X4 XDRIVE20I ซึ่งทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 8.1 วินาที ทำความเร็วสูงสุด 212 กม./ชม. และปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 168 กรัม/กม. ติดป้ายค่าตัว 46,100 ยูโร หรือ ประมาณ 2,075,000 บาทไทย ส่วนทอพโมเดล คือ BMW X4 XDRIVE35D ซึ่งทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 5.2 วินาที ทำความเร็วสูงสุด 247 กม./ชม. และปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 157 กรัม/กม.ติดป้ายค่าตัว 60,100 ยูโร หรือประมาณ 2,705,000 บาทไทย
ตัวถัง 5 ประตู/5 ที่นั่ง ขนาด 4.671x1.881x1.624 ม. # ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ 0.33-0.35 # รถเบนซิน 3 โมเดล 184-306 แรงม้า # รถดีเซล 3 โมเดล 190-313 แรงม้า # ค่าตัวในเยอรมนี 46,100-60,100 ยูโร
MERCEDES-BENZ
S63 AMG
COUPE
สุดยอดรถหรูและแรงของค่ายดาวสามแฉก
เริ่มจำหน่ายในเยอรมนีเดือนกันยายนปีม้าพยศ
เยอรมนี/สหรัฐอเมริกา-เปิดตัวที่งานมหกรรมยานยนต์นิวยอร์คครั้งล่าสุดเมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมาเช่นกัน คือ เมร์เซเดส-เบนซ์ เอส 63 เอเอมจี คูเป (MERCEDES-BENZ S63 AMG COUPE) รถคูเปสุดหรู สุดแรง และแสนเร็วของค่ายดาวสามแฉก ที่ต้องรอจนถึงเดือนกันยายนของปีม้าพยศ รถคันแรกจึงจะส่งถึงมือลูกค้าผู้สั่งจอง
ไม่ใช่รถใหม่ที่ออกแบบ/พัฒนาขึ้นใหม่ทั้งคัน หากเป็นรถแรงโมเดลหัวกะทิที่พัฒนาจากรถรุ่นสามัญ คือ เมร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาสส์ คูเป (MERCEDES-BENZ S-CLASS COUPE) ซึ่งเพิ่งปรากฏตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานมหกรรมยานยนต์เจนีวาครั้งที่ 84 เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และนับเป็นผลงานชิ้นล่าสุดของสำนัก เอเอมจี (AMG) หน่วยงานผู้รับผิดชอบการออกแบบ/พัฒนารถแรงของค่ายนี้ เป็นรถคูเปขนาดใหญ่ในตัวถังอลูมิเนียมที่เพียบไปด้วยอุปกรณ์ไฮเทควิลิศมาหราซึ่งช่วยเพิ่มพูนสมรรถนะการขับขี่ และความปลอดภัย รวมทั้งระบบควบคุม MAGIC BODY CONTROL SYSTEM ซึ่งมีกลไกในระบบรองรับ ที่ทำให้รถสามารถเอียงตัวเหมือนรถจักรยานยนต์ขณะวิ่งเข้าโค้ง เมื่อใช้ความเร็วระหว่าง 30-180 กม./ชม.
จะมีรถให้ลูกค้าเงินถุงเงินถังสตางค์ล้นแบงค์เลือกใช้รวม 2 โมเดล คือ MERCEDES-BENZ S63 AMG COUPE ซึ่งเป็นรถขับล้อหลัง กับ MERCEDES-BENZ S63 AMG COUPE 4MATIC ซึ่งเป็นรถขับทุกล้อ ทั้ง 2 โมเดล ติดตั้งเครื่องยนต์บลอคเดียวกัน คือ เครื่องไบเทอร์โบเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC วี 8 สูบ 5,461 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 430 กิโลวัตต์/585 แรงม้า ที่ 5,500 รตน. และแรงบิดสูงสุด 900 นิวตัน-เมตร/91.8 กก.-ม. ที่ 2,250-3,750 รตน. ส่วนระบบเกียร์เพื่อส่งทอดกำลังสู่ล้อคู่หลัง หรือทั้งคู่หน้าและคู่หลังแล้วแต่กรณี เป็นเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ AMG SPEEDSHIFT MCT 7
ตัวเลขสมรรถนะความเร็วตามข้อมูลของผู้ผลิต อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. รุ่นขับล้อหลังทำได้ใน เวลา 4.3 วินาที รุ่นขับทุกล้อลดเหลือแค่ 3.9 วินาที ความเร็วสูงสุด ทั้ง 2 รุ่นจำกัดไว้ที่ 250 กม./ชม. ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย ส่วนอัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากปลายท่อไอเสีย รุ่นขับล้อหลังมีค่าเฉลี่ย 237 กรัม/กม. รุ่นขับทุกล้อตัวเลขสูงขึ้นนิดหน่อยเป็น 242 กรัม/กม.
สนนราคาค่าตัวที่ซื้อขายกันในเมืองแม่ รุ่นขับทุกล้อซึ่งมีแต่รถพวงมาลัยซ้าย ประกาศยืนยันไปแล้วเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมาว่าจะติดป้ายค่าตัว 170,586 ยูโร หรือเท่ากับประมาณ 7,680,000 บาทไทย เป็นราคาที่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 19 ไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนรุ่นขับล้อหลังซึ่งจะมีทั้งรถพวงมาลัยซ้าย และรถพวงมาลัยขวา ต้องรอจนถึงเดือนกรกฎาคมนั่นแหละ จึงจะเคาะราคาค่าตัว
รถคูเปขนาดใหญ่ที่สุดของค่ายดาวสามแฉก # เปิดตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" ที่นิวยอร์คเมื่อปลายเดือนเมษายนปีม้าพยศ # เครื่องยนต์ไบเทอร์โบเบนซินฉีดตรง วี 8 สูบ 5,461 ซีซี 585 แรงม้า # 0-100 กม./ชม. ใน 3.9 วินาที #
TOYOTA
I-ROAD
รถไฟฟ้าซูเพอร์จิ๋ว 3 ล้อ/ที่นั่งเดียว
ทดลองวิ่งใช้งานในกรุงโตเกียวก่อนทำขาย
ญี่ปุ่น-โตโยตา มอเตอร์ คอร์พอเรชัน (TOYOTA MOTOR CORPORATION) ผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของเมืองยุ่น ประกาศโครงการทดลองใช้รถไฟฟ้าในกรุงโตเกียว และพื้นที่ข้างเคียง โดยทำรถขึ้นรวม 10 คัน และมีผู้ทดลองใช้งานรถจำนวนนี้ประมาณ 20 คน
โครงการดังกล่าวเริ่มต้นเมื่อวันจันทร์ที่ 24 มีนาคม 2014 และจะสิ้นสุดตอนต้นเดือนมิถุนายน ผู้เข้าร่วมโครงการจำนวนประมาณ 20 คน ดังที่กล่าวข้างต้น ส่วนหนึ่งเป็นประชาชนทั่วไปที่สนใจรถประเภทนี้ และอีกส่วนหนึ่งเป็นผู้ชำนัญงานด้านรถยนต์ ส่วนรถที่นำมาทดลองใช้งานตามโครงการนี้ คือ รถไฟฟ้าติดป้ายชื่อ โตโยตา ไอ-โรด (TOYOTA I-ROAD) ซึ่งพัฒนาจากรถแนวคิดชื่อเดียวกัน ที่ปรากฏตัวให้เห็นมาแล้วหลายครั้งในงานมหกรรมยานยนต์รายการต่างๆ ครั้งล่าสุด คือ งานมหกรรมยานยนต์โตเกียวเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2013 ยักษ์ใหญ่ของเมืองยุ่นให้อรรถาธิบายว่า โครงการทดลองดังกล่าวนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อรวบรวมข้อมูลต่างๆ จากการใช้งานจริง ทั้งด้านความรู้สึกในการบังคับขับขี่ ความพึงพอใจของผู้ขับ ความยากง่ายเมื่อใช้งานในเขตเมือง และผลกระทบต่อการเลือกจุดหมายปลายทาง
รถไฟฟ้า โตโยตา ไอ-โรด ที่ยักษ์ใหญ่ของเมืองยุ่นทำขึ้นรวม 10 คัน ในตัวถังรวม 5 สี คือ สีขาว สีเขียว สีชมพู สีเหลือง และสีฟ้า เป็นรถ 3 ล้อ/ที่นั่งเดียว ที่ประสมประสานความแคล่วคล่องว่องไวของจักรยานยนต์เข้ากับความสะดวกสบายและเสถียรภาพของรถเก๋ง มีตัวถังยาว 2.345 ม. กว้าง 0.870 ม. และสูง 1.455 ม. มีน้ำหนักตัวเปล่า 300 กก. และมีรัศมีวงเลี้ยวที่แคบเพียง 3.00 ม. เป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้าด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ โดยใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ชุด ทำงานร่วมกับแบทเตอรี ลิเธียม-ไอออน (LITHIUM-ION) สามารถทำความเร็วสูงสุด 60 กม./ชม. และตั้งเป้าหมายไว้ว่า การประจุไฟเต็มหม้อแต่ละครั้ง และวิ่งด้วยความเร็วคงที่ 30 กม./ชม. น่าจะไปได้ไกล 50 กม.
ปัจจุบัน โตโยตา (TOYOTA) และรถยนต์นั่งอีก 3 ยี่ห้อ ที่อยู่ในเครือข่าย คือ ไดฮัทสุ (DAIHATSU) เลกซัส (LEXUS) และ ไซออน (SCION) ยังไม่มีรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ให้ลูกค้าเลือกใช้ มีก็แต่รถไฮบริดประหยัดเชื้อเพลิงที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า
โครงการขอยืมมือลูกค้าทดสอบรถไฟฟ้า # 20 คน ใช้งานจริงรถ 10 คัน ในช่วงเวลา 3 เดือน
รถไฟฟ้า 3 ล้อ/ที่นั่งเดียว ขนาดตัวถัง 2.345x0.870x1.455 ม. # ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ชุด
ความเร็วสูงสุด 60 กม./ชม. #
BMW M4 CABRIOLET
รถเปิดประทุนรุ่นทอพ เครื่องทวินเทอร์โบเบนซินฉีดตรง 431 แรงม้า
เยอรมนี-ค่ายใบพัดเครื่องบินเอาใจคนรักรถแรงและชอบขับรถกินลมชมวิว โดยเพิ่มรถเปิดประทุน ซีรีส์-4 ให้เลือกใช้อีก 1 โมเดล คือ บีเอมดับเบิลยู เอม 4 กาบริโอเลต์ (BMW M4 CABRIOLET) ที่เห็นใน 3 ภาพบน เช่นเดียวกับรถอนุกรมเดียวกันโมเดลอื่นๆ รถโมเดลนี้ติดตั้งประทุนหลังคาแบบแข็ง เปิด/ปิดโดยการกดปุ่มโดยใช้เวลาไม่ถึง 20 วินาที ที่พิเศษกว่าโมเดลอื่นๆ คือ เครื่องยนต์ที่ซ่อนตัวอยู่ภายใต้ฝากระโปรงหน้า ซึ่งเป็นเครื่องบลอคเดียวกับที่เคยเห็นกันมาแล้วในรถ บีเอมดับเบิลยู เอม 3 ซีดาน (BMW M3 SEDAN)/บีเอมดับเบิลยู เอม 4 คูเป (BMW M4 COUPE) คือ เครื่องทวินเทอร์โบเบนซินฉีดเชื้อเพลิงตรง DOHC 6 สูบเรียง 2,979 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 317 กิโลวัตต์/431 แรงม้า ที่ 5,500-7,300 รตน. และส่งกำลังสู่ล้อคู่หลังผ่านเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ หรือเกียร์คลัทช์คู่ 7 จังหวะ
AUDI/BMW/MERCEDES-BENZ
ยอดขายในตลาดทั่วโลกแข่งขันกันอย่างคู่คี่สูสี
ยุโรป-นิตยสารรถยนต์ชั้นนำฉบับหนึ่งของทวีปยุโรป รวบรวมยอดขายทั่วโลกของผู้ผลิตรถยนต์ระดับ "พรีเมียม" สัญชาติเยอรมัน 3 ราย คือ เอาดี (AUDI) บีเอมดับเบิลยู (BMW) เมร์เซเดส-เบนซ์ (MERCEDES-BENZ) และสรุปผลว่า ในรอบปีงูเล็กที่เพิ่งผ่านพ้นไปนี้ ค่าย บีเอมดับเบิลยู ซึ่งมีรถอยู่ในสังกัดรวม 3 ยี่ห้อ คว้าตำแหน่งแชมพ์ไปครองด้วยยอดขายรวม 1,963,798 คัน แยกเป็นรถติดยี่ห้อบีเอมดับเบิลยู (BMW) 1,655,138 คัน มีนี (MINI) 305,030 คัน และ โรลล์ส-รอยศ์ (ROLLS-ROYCE) 3,630 คัน ตามมาด้วยค่าย เอาดี ซึ่งมีรถในสังกัด 2 ยี่ห้อ และขายได้รวม 1,577,601 คัน แยกเป็นรถ เอาดี (AUDI) 1.575,480 คัน และ ลัมโบร์กินี (LAMBORGHINI) 2,121 คัน ส่วนรั้งท้าย คือ ค่าย เมร์เซเดส-เบนซ์ ซึ่งมีรถในสังกัด 2 ยี่ห้อ และขายได้รวม 1,562,382 คัน แยกออกเป็นรถ เมร์เซเดส-เบนซ์ (MERCEDES-BENZ) 1,461,680 คัน และ สมาร์ท (SMART) 100,702 คัน เมื่อแยกตามรุ่นของรถก็พบว่ารถที่ขายได้มากที่สุด คือ BMW 3-SERIES ซึ่งมียอดขายทั่วโลกสูงถึง 500,332 คัน ถัดไป คือ MERCEDES-BENZ E-CLASS 372,625 คัน MERCEDES-BENZ A-CLASS/B-CLASS/CLA-CLASS 371,399 คัน BMW 5-SERIES 366,992 คัน AUDI A4 340,439 คัน
PORSCHE BOXSTER GTS/CAYMAN GTS
รถแรงโมเดลหัวกะทิเปิดตัวที่งานมหกรรมยานยนต์ปักกิ่ง
เยอรมนี/สาธารณรัฐประชาชนจีน-ยอดผู้ผลิตรถสปอ์ทเมืองเบียร์นำรถใหม่รวม 2 โมเดลออกอวดตัวเป็นครั้งแรกที่งานมหกรรมยานยนต์ปักกิ่งเมื่อปลายเดือนเมษายน ก่อนนำออกสู่โชว์รูมในเดือนถัดมา โมเดลแรก คือ รถเปิดประทุน โพร์เช บอกซ์สเตอร์ จีทีเอส (PORSCHE BOXSTER GTS) ใน 2 ภาพบน เป็นรถโมเดลหัวกะทิที่พัฒนาจากรถ โพร์เช บอกซ์สเตอร์ เอส ซึ่งเริ่มจำหน่ายเมื่อกลางปี 2012 โดยเปลี่ยนแปลงรายละเอียดมากมาย รวมทั้งการปรับแต่งเครื่องยนต์เบนซินฉีดตรง DOHC 6 สูบ นอนยัน 3,436 ซีซี จนกำลังสูงสุดพุ่งจาก 232 กิโลวัตต์/315 แรงม้า เป็น 243 กิโลวัตต์/330 แรงม้า สามารถทำความเร็วสูงสุด 281 กม./ชม. เมื่อติดตั้งเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และลดเป็น 279 กม./ชม. เมื่อใช้เกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 7 จังหวะ ค่าตัวในเยอรมนีเริ่มต้นที่ 66,949 ยูโร ส่วนอีกโมเดล คือ รถคูเป โพร์เช เคย์แมน จีทีเอส (PORSCHE CAYMAN GTS) ในภาพล่าง เป็นรถโมเดลหัวกะทิที่ผ่านการพัฒนาในลักษณะเดียวกันกับโมเดลแรก และมีค่าตัวสูงกว่า คือ เริ่มต้นที่ระดับ 73,757 ยูโร
เรื่องโดย : ชูศักดิ์ ชมจินดา/บริษัทผู้ผลิต chusak@autoinfo.co.th
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน มิถุนายน ปี 2557
คอลัมน์ Online : ทั่วไป
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/33340