ทั่วไป
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ ประจำเดือนเมษายน ปี '56 กับ '55
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ ประจำเดือนเมษายน ปี '56 กับ '55
ตลาดโดยรวม + 24.9 %
รถยนต์นั่ง + 24.6 %
กระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ + 33.4 %
กระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ - 12.2 %
รถขับเคลื่อน 4 ล้อ + 13.8 %
รถเอมพีวี - 0.9 %
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ ประจำเดือนมกราคม-เมษายน ปี '56 กับ '55
ตลาดโดยรวม + 42.5 %
รถยนต์นั่ง + 80.2 %
กระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ + 21.8 %
กระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ - 23.5 %
รถขับเคลื่อน 4 ล้อ + 40.8 %
รถเอมพีวี + 15.0 %
ผู้คนที่จากถิ่นฐานบ้านเกิดมาทำมาหากินในเมืองใหญ่ ส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับเดือนเมษายนเป็นพิเศษ เพราะเป็นเดือนที่มีวันหยุดราชการยาวต่อเนื่อง ในเทศกาลสงกรานต์ เป็นช่วงเวลาที่พวกเขาส่วนใหญ่จะพากันเดินทางกลับบ้าน เพื่อปฏิบัติภารกิจที่
เป็นขนบธรรมเนียมประเพณีที่ยึดถือมายาวนานจากรุ่นสู่รุ่น หรือบ้างก็กลับไปเพื่อพบปะเพื่อนสนิทมิตรสหายที่เติบโตมาด้วยกัน แต่แยกจากกันชั่วคราวตามความจำเป็นของชีวิต หรือเพื่ออะไรก็แล้วแต่ แต่สิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้สภาพการจราจรในเมืองใหญ่อย่าง
กรุงเทพ ฯ โล่งโปร่งไม่ติดขัดเหมือนเช่นปกติ สำหรับผู้คนที่จำเป็นต้องใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวงในช่วงเทศกาลสำคัญเยี่ยงนี้ คนน้อยลง รถน้อยลง น่าจะส่งผลให้การจับจ่ายใช้สอยซื้อหาปัจจัยที่ 5 ลดน้อยลงไปด้วย แต่ไม่ได้เป็นเช่นนั้นในเดือนเมษายนของปี
2556 นี้
เดือนเมษายน เป็นเดือนแรกของวงจรธุรกิจไตรมาสที่ 2 ของปี การซื้อขายรถยนต์ใหม่ในประเทศยังเต็มไปด้วยความคึกคักมีชีวิตชีวา ไม่หวั่นแม้มีวันหยุดมาก ยักษ์ใหญ่ระดับหัวแถวของรถยนต์ในแต่ละเซกเมนท์ ทำยอดจำหน่ายไล่บี้กันอย่างสนุกสนาน เข้มข้นจนยากที่จะคาดเดาได้ว่า เมื่อวันปิดยอดจำหน่ายประจำปีมาถึง ใครจะยืนอยู่ในตำแหน่งสูงสุด โดยเฉพาะตลาดที่มีการแข่งขันสูงอย่างตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคล หรือรถพิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 2 ล้อ ซึ่ง 2 ตลาดนี้มีส่วนแบ่งการตลาดสูงที่สุดในตลาดรถยนต์รวมทุกประเภท ใครได้เป็นแชมพ์มียอดจำหน่ายสูงสุดเป็นอันดับ 1 ผู้คนในองค์กรก็ยิ้มแย้มแจ่มใส ฝันถึงตัวเลขโบนัสปลายปีสวยๆ เอาไปปลดหนี้กันได้หลายอยู่ ขณะที่ฝ่ายการตลาดก็เอาไว้โฆษณาประชาสัมพันธ์ได้นี่แหละแชมพ์ยอดจำหน่ายสูงสุดสร้างความเชื่อมั่นให้กับอนุชนรุ่นหลังที่กำลังเติบโตขึ้น พร้อมกับความคิดความฝันที่จะมีรถยนต์ใหม่ป้ายแดงเป็นของตัวเองสักคัน ตอกย้ำกันบ่อยๆ ถึงเวลาซื้อรถใหม่จริง แน่นอนว่าต้องเป็นตัวเลือกลำดับต้นๆ ในใจของพวกเขาอย่างหนีไม่พ้น
ใครต่อใครบอกว่าปี 2556 มันเลยช่วงพีคของธุรกิจยานยนต์ในประเทศไปแล้ว ไม่มีผู้ใหญ่ใจดียอมเฉือนรายได้ของประเทศมาอุดหนุนให้ผู้คนมีรถใหม่ป้ายแดงเหมือนปีที่ผ่านมา เป็นปีที่ตนต้องเป็นที่พึ่งแห่งตน ยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่คงไม่หวือหวาเหมือนปี 2555 แต่ที่ผ่านมา 4 เดือนยังไม่เห็นแวว มีแต่ตัวเลขที่ปรับตัวสูงขึ้นกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว แสดงว่าความต้องการใช้รถใหม่ยังอยู่ในระดับสูง จะว่าเป็นผลจากยอดค้างส่งมอบจากปีที่ผ่านมาก็ใช่ที ใครจะกินบุญเก่าไปได้ตลอด รถยนต์บางยี่ห้อ บางโมเดล ที่ไม่เข้าข่ายกติกาของผู้ใหญ่ใจดี ก็ยังมียอดจำหน่ายในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา สูงขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นรถหรูค่าย บีเอมดับเบิลยู หรือ เมร์เซเดส-เบนซ์ ยังไม่รวมไปถึงรถหรูราคาแพงที่นำเข้าโดยผู้นำเข้าอิสระ ที่ถูกต้องตามขั้นตอนกฎหมาย และไม่ถูกต้อง
ยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่ในประเทศ เดือนเมษายน พุ่งขึ้นไปสูงเกินกว่า 100,000 คัน/เดือนอีกแล้ว โดยผู้ค้ารถยนต์ใหม่ทั้งหมดมียอดจำหน่ายรวมกันถึง 109,580 คัน ปรับตัวสูงขึ้นกว่าเดือนเมษายน ปีที่แล้วถึง 24.9 % ส่งผลให้ยอดรวมตั้งแต่ต้นปีมาสูงถึง 522,992 คัน สูงกว่าในช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีที่แล้วถึง 42.5 % เพียง 4 เดือนเกินครึ่งล้านคันไปแล้ว แชมพ์ยอดจำหน่ายรวมสูงสุด เดือนเมษายน ยังเป็น โตโยตา แต่เมื่อลึกลงไปในแต่ละตลาด ปรากฏว่าบางตลาด โตโยตา ยังเป็นผู้ตามอยู่ก็มี ขณะที่บางตลาดถึงแม้ โตโยตา เป็นผู้นำอยู่ แต่คู่แข่งที่ตามมาเป็นอันดับ 2 หายใจรดต้นคอเข้ามาทุกที ยังสบายใจได้อยู่บ้าง เมื่อในส่วนของยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีที่ดูแล้วคงยากที่จะมีใครไล่ตามทัน เฉพาะเดือนเมษายน โตโยตา มียอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่ทั้งหมด 35,942 คัน คิดเป็น 32.8 % ของตลาดทั้งหมด ขณะที่ยอดรวมตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 160,962 คัน คิดเป็น 30.8 % ของตลาดทั้งหมด ที่ทำยอดจำหน่ายได้มากเป็นอันดับ 2 ได้แก่ อีซูซุ 21,314 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 19.5 % แต่ยอดรวม อีซูซุ ยังอยู่ในอันดับที่ 3 ด้วยยอด 84,071 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 16.1 % อันดับที่ 2 เป็น ฮอนดา ยอดรวม 4 เดือน 92,404 คัน ส่วนแบ่งตลาด 17.7 % สำหรับยอดจำหน่ายเดือนเมษายน อยู่ในอันดับที่ 3 จำหน่ายได้ 20,202 คัน ส่วนแบ่งตลาด 18.4 % อันดับที่ 4 และ 5 มียอดจำหน่ายที่ปรับตัวลดลงจากเดือนเมษายน ปีที่แล้วเล็กน้อย โดย มิตซูบิชิ อันดับที่ 4 จำหน่ายได้ 7,323 คัน ปรับตัวลดลง 0.8 % ส่วนแบ่งตลาด 6.7 % และอันดับ 5 เชฟโรเลต์ จำหน่ายได้ 4,617 คัน ลดลง 15.1 % ส่วนแบ่งตลาด 4.2 % แต่สำหรับ เชฟโรเลต์ ยอดจำหน่ายรวมตั้งแต่ต้นปียังไม่ติดอยู่ใน 5 อันดับแรก เพราะยอดจำหน่ายรวม 4 เดือนสูงสุดอันดับที่ 4 เป็นของ นิสสัน ด้วยยอด 45,968 คัน ส่วนแบ่งตลาด 8.8 % และอันดับที่ 5 มิตซูบิชิ ยอดรวม 44,206 คัน ส่วนแบ่งตลาด 8.5 % เชฟโรเลต์ อยู่ในอันดับ 6 ยอดจำหน่ายรวม 4 เดือนยังห่างจากอันดับที่ 5 อีกเยอะเอาการทีเดียวเชียว
ในเดือนเมษายน มีการเปลี่ยนผู้นำหัวแถวของตลาดรถพิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 2 ล้อเกิดขึ้น เพราะ อีซูซุ สามารถเบียดแชมพ์เก่า เข้าป้ายเป็นพิคอัพยอดนิยมอันดับ 1 ได้บ้างแล้ว โดยมียอดจำหน่ายทั้งสิ้น 18,274 คัน มีส่วนแบ่งการตลาดที่ 40.3 % จากยอดจำหน่ายรวมที่มีทั้งสิ้น 45,348 คัน ซึ่งปรับตัวสูงขึ้นกว่าเดือนเมษายนปีที่แล้ว 33.4 % สำหรับ โตโยตา ทำได้เพียงอันดับที่ 2 เพราะมียอดจำหน่าย 17,211 คัน ส่วนแบ่งตลาด 38.0 % ขณะที่อันดับ 3, 4 และ 5 ต่างก็พร้อมใจกันทำยอดจำหน่ายที่ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับตัวเลขยอดจำหน่ายที่เคยทำได้ในเดือนเมษายน ปีที่แล้ว โดยอันดับที่ 3 มิตซูบิชิ จำหน่ายได้ 3,007 คัน ลดลง 30.5 % คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 6.6 % อันดับที่ 4 มาซดา 1,756 คัน ลดลง 5.0 % ส่วนแบ่งตลาด 3.9 % และอันดับที่ 5 เชฟโรเลต์ 1,748 คัน ลดลง 45.7 % ส่วนแบ่งตลาด 3.9 %
และตั้งแต่เดือนมกราคม จนถึงเดือนเมษายน ตลาดพิคอัพประเภทนี้จำหน่ายไปแล้วรวมทั้งสิ้น 197,448 คัน เพิ่มขึ้นกว่าช่วงระยะเดียวกันของปี 2555 ที่ 21.8 % โตโยตา มียอดจำหน่ายรวมอยู่ในอันดับที่ 1 แบบเสียวๆ ต้องมีลุ้นเพราะห่างจากอันดับ 2 อีซูซุ เพียง 300 กว่าคันเท่านั้น โดยยอดจำหน่ายของ โตโยตา อยู่ที่ 70,392 คัน มีส่วนแบ่งตลาดที่ 35.7 % ส่วน อีซูซุ อยู่ที่ 70,080 คัน ส่วนแบ่งตลาด 35.5 % ประมาทไม่ได้สำหรับ โตโยตา ในการรักษาตำแหน่งแชมพ์ยอดจำหน่ายประจำปีสูงสุด ส่วนอันดับที่ 3 ยังเป็นของ มิตซูบิชิ อยู่เช่นเดิม มียอดจำหน่ายรวมที่ 17,499 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 8.9 % เป็นยอดรวมที่ลดลงไป 13.8 % เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว อันดับที่ 4 เป็น นิสสัน 9,194 คัน ส่วนแบ่งตลาด 4.7 % อันดับ 5 มาซดา 9,056 คัน ส่วนแบ่งตลาด 4.6 % แต่ก็ประมาท เชฟโรเลต์ ไม่ได้เหมือนกัน ถึงแม้จะมียอดจำหน่ายที่ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 15.2 % แต่ยอดจำหน่าย 4 เดือนของปีนี้ยังพอมีลุ้นในอันดับที่ 4 หรือ 5 ยอดรวมขณะนี้อยู่ที่ 9,035 คัน ส่วนแบ่งตลาด 4.6 %
สำหรับพิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 4 ล้อ ไม่น่ามีปัญหาสำหรับ โตโยตา จากยอดจำหน่ายรวมเดือนเมษายน 3,479 คัน ซึ่งลดลงจากเดือนเมษายนปีที่แล้ว 12.2 % เป็นยอดจำหน่ายของ โตโยตา 1,929 คัน ครองส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 55.4 % ขณะที่อันดับ 2 อีซูซุ มียอดจำหน่าย 973 คัน ส่วนแบ่งตลาด 28.0 % ฟอร์ด อยู่ในอันดับที่ 3 ด้วยยอด 275 คัน ส่วนแบ่งตลาด 7.9 % เชฟโรเลต์ อันดับที่ 4 จำหน่ายได้ 108 คัน ส่วนแบ่งตลาด 3.1 % และอันดับที่ 5 เป็น มาซดา 87 คัน ส่วนแบ่งตลาด 2.5 % ยอดรวม 4 เดือน 13,644 คัน ลดลงจาก 4 เดือนแรกของปีที่แล้ว 23.5 % โตโยตา 6,340 คัน ลดลง 34.1 % ส่วนแบ่งตลาด 46.5 % อีซูซุ 4,705 คัน ลดลง 19.2 % ส่วนแบ่งตลาด 34.5 % อันดับ 3 ฟอร์ด 1,073 คัน ส่วนแบ่งตลาด 7.9 % อันดับที่ 4 มิตซูบิชิ 544 คัน ลดลง 14.3 % ส่วนแบ่งตลาด 4.0 % และอันดับที่ 5 เชฟโรเลต์ 439 คัน ลดลง 37.0 % ส่วนแบ่งตลาด 3.2 %
รถเอสยูวี อันดับ 1 กลับมาเป็นของ โตโยตา อีกครั้งหนึ่ง พร้อมทั้งขยับไล่จี้อันดับ 1 ของ ฮอนดา สำหรับยอดจำหน่ายรวมตั้งแต่ต้นปีเข้าไปใกล้ชิดมากขึ้น เดือนเมษายนมียอดจำหน่ายรวมทั้งหมด 7,197 คัน เพิ่มขึ้นจากเมษายน ปีที่แล้ว 13.8 % โตโยตา กลับมาสู่ตำแหน่งหัวแถวด้วยยอดจำหน่าย 2,696 คัน ส่วนแบ่งตลาด 37.5 % ฮอนดา โดนเบียดหล่นมาอยู่ในอันดับที่ 2 ทำยอดจำหน่ายได้ 1,444 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 20.1 % อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 1,351 คัน ลดลงจากเมษายน ปีที่แล้ว 35.8 % มีส่วนแบ่งตลาด 18.8 % อันดับที่ 4 เชฟโรเลต์ 1,074 คัน ส่วนแบ่งตลาด 14.9 % และอันดับที่ 5 ตกเป็นของ อีซูซุ ด้วยยอด 204 คัน ลดลง 55.4 % ส่วนแบ่งตลาด 2.8 %
ยอดจำหน่ายรวม 4 เดือนอยู่ที่ 37,261 คัน เพิ่มขึ้น 40.8 % อันดับ 1 ฮอนดา มีส่วนแบ่งการตลาด 30.6 % จากยอดจำหน่าย 11,417 คัน ตามมาแบบหนึ่งมิตรชิดใกล้สำหรับ โตโยตา 11,388 คัน สัดส่วนการตลาดจุดทศนิยม 1 ตำแหน่งเท่ากับ ฮอนดา เลย ส่วนอันดับที่ 3 เป็นของ มิตซูบิชิ 7,174 คัน ลดลงอีกตลาดหนึ่งแล้วสำหรับ มิตซูบิชิ โดยปรับตัวลดลง 16.9 % สำหรับส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 19.3 % เชฟโรเลต์ อยู่ในอันดับที่ 4 ด้วยยอด 4,926 คัน ส่วนแบ่งตลาด 13.2 % และอันดับที่ 5 เป็นของ อีซูซุ 948 คัน ปรับตัวลดลง 34.2 % ส่วนแบ่งตลาด 2.5 %
รถเอมพีวี เดือนเมษายนยอดจำหน่ายอยู่ที่ 2,325 คัน ลดลงเล็กน้อย 0.9 % เป็นอีกตลาดหนึ่งที่ โตโยตา เต็งหามตำแหน่งแชมพ์ เก็บเกี่ยวยอดจำหน่ายได้ 1,324 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 56.9 % อันดับ 2 ฮอนดา มียอดจำหน่ายที่ลดลง 7.9 % จากยอด 915 คัน ส่วนแบ่งตลาด 39.4 % อันดับ 3 เป็นของ ปโรตอน จากแดนเสือเหลือง 35 คัน ลดลงถึง 80.8 % ส่วนแบ่งตลาด 1.5 % อันดับที่ 4 ซังยง มียอดจำหน่าย 21 คัน ลดลง 25.0 % ส่วนแบ่งตลาด 0.9 % และอันดับที่ 5 เกีย 19 คัน ส่วนแบ่งตลาด 0.8 %
รวม 4 เดือนตลาดนี้มียอดรวม 8,021 คัน เพิ่มขึ้นจาก 4 เดือนแรกปีที่แล้ว 15.0 % อันดับ 1 ถึง 5 ไม่เปลี่ยนแปลง โตโยตา, ฮอนดา, ปโรตอน, ซังยง และเกีย ยอดจำหน่ายและส่วนแบ่งตลาด 4,764 คัน 59.4 %, 2,830 คัน 35.3 %, 259 คัน 3.2 %, 56 คัน 0.7 % และ 52 คัน 0.6 % ตามลำดับ
เรื่องโดย : ขุนสัญจร 4wheels@autoinfo.co.th
นิตยสาร 4wheels ฉบับเดือน สิงหาคม ปี 2556
คอลัมน์ Online : ทั่วไป
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/32247