DJANGO UNCHAINED
"เมื่อทาสเป็นไท แล้วใครจะเป็นเชลย"
มีเรื่องเล่ากล่าวขานบอกต่อกันมา ถึงเหตุที่ว่าทำไมเชือกล่ามช้างเส้นนิดเดียว ถึงจองจำช้างร่างใหญ่เอาไว้ได้ คำตอบก็คือ เมื่อตอนที่มันยังตัวเล็กๆ เขาล่ามมันไว้ด้วยโซ่ตรวนแน่นหนา ช้างเด็กต่อให้ดื้อรั้นดิ้นรนอย่างไรก็หาได้หลุดพ้นไม่ รังแต่จะเพิ่มความเจ็บปวดให้แก่ข้อเท้าจนกลายเป็นเจ็บจำ ภายหลังพอมันโตขึ้น เขาเอาเชือกกล้วยบางๆ ผูกไว้ มันก็ไม่คิดหนีจากพันธนาการนั้นแล้ว
นี่คือทฤษฎีหยาบๆ ที่มีคนกล่าวไว้ใช้กับช้าง แต่กับคนเล่า ? เขาใช้สิ่งใดเป็นโซ่ล่ามอิสรภาพ ?
ย้อนกลับไปเมื่อปี 1858 ทางตอนใต้ของสหรัฐอเมริกา ในยุคที่คนดำยังเป็นทาส เป็นของซื้อขาย ใช้เงินซื้อมาทำงานได้ ชำเราได้ และฆ่าได้เมื่อทำผิดกฎที่ผู้เป็นนายตราขึ้น ยุคที่กฎหมายบังคับใช้โดยกฎหมู่ ปืนเป็นคำตอบที่ถูกทุกข้อ ม้า คือ เท้าของคาวบอย โจร นายอำเภอ และใครก็ได้ แต่ไม่ใช่สำหรับคนเป็นทาส !
จนเมื่อดอคเตอร์ชุลท์ซ์ หมอฟันชาวเยอรมัน ผู้เป็นนักล่าค่าหัวตามกฎหมายของรัฐ ได้มาพบกับ "จังโก" ทาสผิวดำ ผู้สามารถชี้เป้าอาชญากรตามหมายจับได้ จังโก จึงได้รับอิสรภาพและสามารถขึ้นขี่ม้าได้ เลือกเสื้อผ้าของตนเองได้ และด้วยสัญชาตญาณและความไวอันยอดเยี่ยม สุดท้ายเขาจึงสามารถพกปืนและยิงใส่คนขาวได้
นี่คือหนังเรื่องล่าสุดโดยผู้กำกับซาดิสต์ เควนทิน ทารันทิโน ต่อจาก INGLOURIOUS BASTARDS ยุทธการเดือดเชือดนาซี เรื่องก่อนเขาให้กลุ่มมือดีอเมริกันออกสังหารตามเก็บนาซีโหดที่ไล่ล่าเข่นฆ่าชาวยิว มาคราวนี้เขาให้คนเยอรมันจับมือร่วมกับคนดำ ออกทวงความยุติธรรมให้กับคนดำผู้เป็นทาส ถือเป็นการชำระประวัติศาสตร์โลก และชำระความป่าเถื่อนของตัวเขาเอง ซึ่งเขาได้มอบมันไว้ให้กับคนเยอรมัน ในหนังเรื่องก่อน เพราะคนชาติไหนประเทศใดก็ตามแต่ ย่อมมีดีเลวปะปนกันไป มีคนที่สมควรตาย และมีคนที่สมควรอยู่ เหมือนดอคเตอร์ชุลท์ซ์ และบุคคลอื่นๆ ในเรื่องนี้
และแน่นอนว่าในที่ๆ หนึ่ง เมืองหนึ่ง หรือประเทศหนึ่ง ย่อมมีคนที่อ่อนแอจนถูกกดขี่ข่มเหง และในที่เดียวกัน ก็ย่อมมีคนที่หาญกล้าปลดพันธนาการนั้นออกมา กับคำถามที่ว่าคนเราใช้สิ่งใดพันธนาการกันเพื่อจองจำอิสรภาพ คำตอบใดก็คงไม่สำคัญเท่ากับคำตอบที่ได้จากหนังเรื่องนี้
บางคนอาจตอบว่าคนเรากักขังหน่วงเหนี่ยวกันด้วยการกีดกันโอกาส หรือล่ามกันไว้ด้วยการถูกกระทำให้โง่เขลา บิดเบือนความจริงของชีวิต แล้วสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้น่าเกรงขาม กระทั่งน่ากราบไหว้บูชา ก็มีให้เห็นบ่อยๆ รวมถึงเหตุอื่นๆ อีกมากมายที่จะมาตอบว่า ทำไมคนเราถึงยอมรับพันธนาการนั้น ทั้งๆ ที่เราฉลาดกว่าช้าง และเรียนรู้ที่จะสู้เพื่ออิสรภาพด้วยการรวมกลุ่ม อย่างไรก็ตาม สำหรับหนังเรื่องนี้ เควนทิน ได้ฝากคำตอบให้คนดำ (ที่เป็นทาส) ไปตอบในหนังแล้วว่า อะไรคือพันธนาการแท้จริงของมนุษย์ ?
ศิลปิน : BIG BROTHER & THE HOLDING COMPANY
อัลบัม : CHEAP THRILLS
แนวดนตรี : PSYCEDELIC ROCK
โปรย : "เอาหูไปไว้ที่ไหนมา !"
ถือเป็นบุญของผู้เขียนอย่างยิ่ง ที่ชะตาชีวิตขีดเขียนให้มาพบกับยอดวงดนตรีในตำนาน ซึ่งเป็นตำนานเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังตำนานอันยิ่งใหญ่ ด้วยเหตุนี้ เมื่อได้สดับรับฟังในครั้งแรก จึงถึงกับตบเข่าแล้วบ่นกับตัวเองว่า เอาหูไปจมไว้ที่ไหน ถึงได้ไม่รู้จักวงดนตรีดีๆ เช่นนี้
BIG BROTHER & THE HOLDING COMPANY คือ วงที่ว่ากันว่าเป็น PSYCEDELIC ROCK ผู้บุกเบิกรอคแนวหลอนประสาท มาพร้อมๆ กับวง THE DOORS, JEFFERSON AIRPLANE หรือ THE GREATFUL DEAD วงที่ถูกจัดให้เป็นพวก SAN FRANCISCO SOUND เหมือนกัน กระทั่งแฟนเดนตายของวงนี้ยังจัดให้พวกเขามาก่อน JIMI HENDRIX เสียด้วยซ้ำ
แต่ที่ทำให้วงนี้ดังไม่ถึงครึ่งของวงอื่นๆ ที่เอ่ยชื่อมาทั้งหมด ก็คงเพราะความโชคร้ายในโชคดีของวง โดยเริ่มแรกก่อนที่พวกเขาจะมีอัลบัมแผ่นเสียงเป็นของตนเองนั้น พวกเขาก็มีชื่อเสียงว่าเป็นวงที่มีฝีมือในการแสดงสดอยู่แล้ว แต่กระนั้นก็ยังเป็นแค่วงที่ "ดังในบ้าน" จนเมื่อพวกเขาพบกับ JANIS JOPLIN ตำนานบทแรกของพวกเขาจึงเริ่มบรรเลงขึ้น
JANIS JOPLIN นั้น ในปัจจุบันจัดว่าเป็นนักร้องและศิลปินที่มีเสียงหาใครเสมอเหมือน ด้วยเอกลักษณ์น้ำเสียงแหบหยาบ แต่มีเรนจ์ที่กว้าง ขนาดที่ว่ากันว่า เธอร้องเพลงไม่รู้โนทด้วยซ้ำ แต่มันกลับเติมเต็มในทุกช่องว่างของเสียงดนตรีได้อย่างน่าอัศจรรย์
โดยส่วนตัวแล้วผู้เขียนไม่รู้สึกอะไรเป็นพิเศษกับน้ำเสียงที่หยาบแต่เปี่ยมเสน่ห์ของ JANIS JOPLIN หญิงสาวที่ผู้คนนำฉายา THE GREAT WHITE BLUES มาใส่พานให้ หลังจากเธอเสียชีวิตในวัย 27 ปี แล้วกลายเป็นหนึ่งในตำนานว่าด้วยเรื่องเกี่ยวกับ CLUB 27 เลขอาถรรพ์ที่นำพาลมหายใจของศิลปินชื่อก้องโลกหลายคนจากไป (ขอบคุณสวรรค์ที่อย่างน้อยก็ปล่อยให้พวกเขาได้หายใจใส่ไมค์ก่อนจะตาย)
เพราะเพลงแรกที่ชักนำผู้เขียนมาสู่ทุกๆ เพลงของวงนี้ ก็คือ BALL AND CHAIN เพลงของ BIG MAMA THORNTON ที่วงนี้นำมาเล่นใหม่ท่ามกลางผู้ชมมากมาย แล้วบันทึกเสียงลงในอัลบัม CHEAP THRILLS ด้วยการตีความเพลงนี้ในแบบฉบับพวกเขา เสียงกีตาร์ของ JAMES GURLEY ต่างหาก ที่สะกดผู้เขียนให้หลงเข้าสู่เกือบ 10 นาทีของมหากาพย์บทนี้ โดยเฉพาะท่อนโซโลกีตาร์ตอนช่วงกลางเพลง ยิ่งขัดให้เพลงนี้เปล่งประกายแวววาว และดึงดูดใจเหลือเกิน
พอได้ฟังเพลง I NEED A MAN TO LOVE ผู้เขียนจึงเทใจให้กับวงๆ นี้ เริ่มสืบเสาะหาเพลงอื่นๆ มาฟัง จาก 1 อัลบัม เป็น 2, 3 และ 4 ตามมา จากฟังวันละครั้งก็เป็นฟังทั้งวัน หมุนเวียนกันไปอย่างไม่รู้เบื่อ ระหว่างนั้นก็เริ่มศึกษาความเป็นมาเป็นไป แต่ก็พอใจจะตามรู้อย่างผิวเผิน เพราะเบื่อที่หลายสื่อพร่ำพรรณาถึงแต่ความสามารถของ JANIS JOPLIN โดยละเลยถึงฝีไม้ลายมือของกีตาร์ กลอง เบสส์ ที่เล่นกันได้เข้าขา และมีจังหวะจะโคนดี จนน่าเขกหัวตัวเองว่าเอาหูไปฟังอะไรมา ถึงได้เพิ่งมาเจอวงนี้ ?
เรื่องโดย : ปัญญ์ carstereo@autoinfo.co.th
นิตยสาร Carstereo ฉบับเดือน กรกฏาคม ปี 2556
คอลัมน์ Online : คอลัมน์ประจำ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/32209