เชฟโรเลต ประเทศไทย ฯ เชิญสื่อมวลชนพิสูจน์สมรรถนะ เชฟโรเลต์ ครูซ รถคอมแพคท์ซีดานโฉมใหม่ รุ่น 1.8 แอลทีเซด เครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร ฟเลกซ์-ฟิวล์ (FLEX-FUEL) ที่สามารถรองรับการใช้น้ำมันตั้งแต่ เบนซิน 95 ไปจนถึง แกสโซฮอล อี 85 โดยครั้งนี้ ใช้เส้นทางกรุงเทพ ฯ-สุพรรณบุรี และเยี่ยมชมโรงงานมิตรผล ไบโอฟูเอล

เชฟโรเลต ประเทศไทย ฯ เชิญสื่อมวลชนพิสูจน์สมรรถนะ เชฟโรเลต์ ครูซ รถคอมแพคท์ซีดานโฉมใหม่ รุ่น 1.8 แอลทีเซด เครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร ฟเลกซ์-ฟิวล์ (FLEX-FUEL) ที่สามารถรองรับการใช้น้ำมันตั้งแต่ เบนซิน 95 ไปจนถึง แกสโซฮอล อี 85 โดยครั้งนี้ ใช้เส้นทางกรุงเทพ ฯ-สุพรรณบุรี และเยี่ยมชมโรงงานมิตรผล ไบโอฟูเอล เชฟโรเลต์ ครูซ โฉมใหม่ ด้านหน้าสปอร์ทดุดัน ด้วยกระจังหน้าลายรังผึ้งสีดำ และกันชนหน้าดีไซจ์นใหม่ ไฟตัดหมอกทรงกลมในกรอบที่โฉบเฉี่ยวกว่ารุ่นเดิม ภายในรุ่น แอลทีเซด ตกแต่งด้วยหนังสีทูโทน น้ำตาลชอโคแลท/ดำ ดูหรู กว่าสีส้มในรุ่นเดิม เข้ากันกับสีอลูมิเนียมที่คอนโซลกลาง ชุดมาตรวัดทรงกลม ทันสมัยด้วยไฟส่องสว่างสีฟ้าและจอแสดงผลอยู่ตรงกลางมากกว่า อุปกรณ์มาตรฐานครบ ทั้งระบบกุญแจพกพา (KEYLESS ENTRY) เปิด/ปิดประตู พร้อมปุ่มสตาร์ทเครื่องโดยไม่ต้องใช้กุญแจ ครูสคอนทโรล และหน้าจอแสดงข้อมูลการขับ รวมถึงระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ ระบบไฟหน้าอัตโนมัติ และเซนเซอร์ถอยหลัง เบาะหลังมีพื้นที่วางขาค่อนข้างมาก ส่วนหนึ่งเพราะฐานล้อยาว เบาะนั่งไม่สั้นเกินไป รองรับช่วงต้นขาได้อย่างพอดี ที่เท้าแขนตรงกลางพับเก็บได้ ตำแหน่งกลางเบาะหลังนั่งสบายกว่ารถหลายรุ่น แต่พนักพิงเบาะหลังตั้งชันไปหน่อย สามารถแยกพับได้ 60:40 ห้องเก็บสัมภาระด้านท้ายมีความจุ 400 ลิตร ลึกพอสมควร เครื่องยนต์เบนซินแบบ 4 สูบ 1.8 ลิตร พร้อมระบบวาล์วแปรผันคู่ (DOUBLE CVC) ที่ช่วยปรับจังหวะการเปิด/ปิดลิ้นไอดี และไอเสียตามรอบการทำงานของเครื่องยนต์ ให้กำลังสูงสุด 141 แรงม้า ที่ผ่านการปรับเปลี่ยนซอฟท์แวร์และกล่องควบคุมอีซียู (ELECTRONIC CONTROL UNIT) ให้สามารถใช้กับน้ำมันเบนซิน (E ) ไปจนถึงแกสโซฮอล อี 85 ที่มีส่วนผสมเอธานอลสูง และระบบส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ (DSC: DRIVER SHIFT CONTROL) มีโหมด บวก (+)/ลบ (-) และขับเคลื่อนล้อหน้า ตอบสนองคันเร่งดี ส่วนอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง เส้นทางกรุงเทพ ฯ-สุพรรณบุรี พบว่าอยู่ที่ 12 กม./ลิตร ก็พอใช้ได้ แม้จะไม่ใช่ตัวเลขที่คาดหวังไว้ ครูซ 1.8 แอลทีเซด ใหม่ ประหยัดค่าใช้จ่ายกว่าเดิม แม้ว่าเอธานอลจะต้องถูกใช้ในปริมาณมากกว่าเพื่อที่จะผลิตพลังงานให้เทียบเท่าน้ำมันเบนซิน อัตราบริโภคน้ำมันของเอธานอลจึงสูง กินน้ำมันมาก และต้องเติมบ่อยกว่า แต่ผู้ใช้ อี 85 ก็ยังมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าเมื่อเทียบกับเบนซินทั่วไป และ อี10 (E10) พร้อมกับช่วยลดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม