เมื่อไม่นานมานี้ผู้เกี่ยวข้องโดยตรงกับอุตสาหกรรมรถยนต์ในสหรัฐอเมริกาในยุโรปและในญี่ปุ่น 2 คน ให้ความเห็นเกี่ยวกับอนาคตของรถไฟฟ้าไว้อย่างน่าฟังและน่าเชื่อ เพราะทั้งคู่ล้วนเป็นผู้นำของบริษัทรถยนต์ยักษ์เล็กและยักษ์ใหญ่ ที่กำลังผลิตรถไฟฟ้าออกขายอยู่ในขณะนี้

เมื่อไม่นานมานี้ผู้เกี่ยวข้องโดยตรงกับอุตสาหกรรมรถยนต์ในสหรัฐอเมริกาในยุโรปและในญี่ปุ่น 2 คน ให้ความเห็นเกี่ยวกับอนาคตของรถไฟฟ้าไว้อย่างน่าฟังและน่าเชื่อ เพราะทั้งคู่ล้วนเป็นผู้นำของบริษัทรถยนต์ยักษ์เล็กและยักษ์ใหญ่ ที่กำลังผลิตรถไฟฟ้าออกขายอยู่ในขณะนี้ คนแรก คือ ดีอาร์มุด โอ'คอนเนลล์ (DIARMUID O'CONNELL) รองประธานพัฒนาธุรกิจของ เทสลา มอเตอร์ส (TESLA MOTORS) บริษัทผู้ผลิตรถไฟฟ้าชื่อดังของเมืองมะกันพยากรณ์ว่า เมื่อถึงปี 2020 ร้อยละ 30 ของรถยนต์ที่วิ่งอยู่ตามท้องถนนจะเป็นรถไฟฟ้าที่ได้พลังไฟจากแบทเตอรี หรือรถไฮบริดชนิดที่ต้องมีการเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ คนที่ 2 คือ นาย การ์โลส โกส์น (CARLOS GHOSN) ซีอีโอชื่อก้องโลกของค่าย เรอโนลต์/นิสสัน (RENAULT/NISSAN) ให้ความเห็นว่า ภายในปี 2020 ในบรรดารถยนต์จำนวน 10 คันที่วิ่งอยู่บนพื้นโลก 1 คันจะเป็นรถที่วิ่งด้วยพลังไฟจากแบทเตอรีเพียงอย่างเดียว หากเป็นจริงตามที่ 2 คนนี้คาดการณ์ไว้ บรรยากาศเหนือพื้นผิวโลกก็คงจะดีกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ปัญหาเกี่ยวกับ "โลกร้อน" น่าจะผ่อนคลายลงบ้าง เพราะอัตราการปล่อยแกสคาร์บอนไดออกไซด์จากท่อไอเสียของรถยนต์คงจะลดลง อย่างไรก็ตาม คงไม่มีใครกล้ารับประกันว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมเมืองฟ้าอมรของนายกรัฐมนตรีคนสวยแต่รูปอีกแล้ว รถขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้าแบบสุดท้ายที่เลือกมานำเสนอในเดือนนี้ เป็นรถจิ๋วติดป้ายชื่อ เกีย เรย์ อีวี (KIA RAY EV) ผลงานใหม่ที่น่าสนใจ และรถไฟฟ้าแบบแรกของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 2 ของเมืองโสม เป็นรถที่ออกแบบสำหรับผู้ใช้รถในเมืองโสมขาวโดยเฉพาะ ยังไม่มีโครงการแน่นอนที่ส่งออกสู่ตลาดในต่างประเทศ และก็เช่นเดียวกับรถไฟฟ้าอีกหลายคันที่เพิ่งผ่านตาไป เกีย เรย์ อีวี ไม่ใช่รถที่ออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมด หากเป็นรถไฟฟ้าที่พัฒนาจากรถเบนซินติดป้ายชื่อ เกีย เรย์ (KIA RAY) รถแบบใหม่ซึ่งเริ่มจำหน่ายในเกาหลีใต้เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2011 ตัวถังทรง 2 กล่อง ยาว 3.593 ม. กว้าง 1.595 ม. และสูง 1.700 ม. ที่ออกแบบให้นั่งได้รวม 5 คน มีหน้าตาและรูปทรงองค์เอวที่แทบไม่มีอะไรผิดแผกจากรถซึ่งเป็นที่มา ความแตกต่างเป็นสิ่งที่มองไม่เห็นเมื่อไม่ยังเปิดฝากระโปรงหน้า นั่นคือ การทดแทนระบบขับล้อหน้าด้วยพลังของเครื่องยนต์เบนซิน DOHC 3 สูบเรียง 998 ซีซี 57 กิโลวัตต์/78 แรงม้า หรือเครื่องเทอร์โบเบนซิน DOHC 3 สูบเรียง 998 ซีซี 78 กิโลวัตต์/106 แรงม้า ด้วยระบบขับล้อหน้าด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ไม่มีเครื่องยนต์ เป็นระบบขับด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 50 กิโลวัตต์/68 แรงม้า ที่ให้แรงบิดสูงสุด 167 นิวตัน-เมตร/17.0 กก.-ม. ตั้งแต่รอบแรกของการหมุน และได้พลังไฟจากแบทเตอรี ลิเธียม ไอออน โพลิเมอร์ (LITHIUM ION POLYMER) ขนาด 330 โวลท์ 16.4 กิโลวัตต์ชั่วโมง ที่ออกแบบและพัฒนาเพื่อให้มีอายุการใช้งานที่ยืนยาวไม่น้อยกว่า 10 ปี เป็นแบทเตอรีประสิทธิภาพสูงที่ใช้เวลายาวนานถึง 6 ชั่วโมง เมื่อประจุไฟด้วยไฟบ้าน 220 โวลท์ แต่จะลดเหลือเพียงประมาณ 25 นาที เมื่อใช้วิธี FAST-CHARGE หรือ"ประจุเร็ว"ซึ่งได้ปริมาณไฟไม่เต็ม คือ แค่ร้อยละ 80 การประจุไฟเต็มหม้อแต่ละครั้ง รถจะวิ่งได้ไกลประมาณ 139 กม. ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าผู้ขับกดปุ่มเลือกการทำงานของระบบส่งกำลังในลักษณะ DRIVE หรือ ECO อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.สามารถทำได้ในเวลา 15.9 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุด คือ 130 กม./ชม. ที่น่าสนใจและน่าจะเป็นกรณีศึกษาให้แก่ผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นก็คือ เกีย เรย์ อีวี ที่เห็นอยู่นี้ เป็นรถไฟฟ้าแบบแรกของโลก ที่ผลิตในสายการผลิตเดียวกันกับรถเครื่องยนต์สันดาปภายใน