นิสสัน ซิลฟี 1.8 วี เบนซิน 4 สูบ 1.8 ลิตร 131 แรงม้า ราคา 899,000 บาท
คู่แข่ง
เชฟโรเลต์ ครูซ 1.8 แอลที เบนซิน 4 สูบ 1.8 ลิตร 122 แรงม้า ราคา 919,000 บาท
โตโยตา อัลทิส 1.8 จี เบนซิน 4 สูบ 1.8 ลิตร 139 แรงม้า ราคา 899,000 บาท
มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอกซ์ 1.8 จีแอลเอส ลิมิเทด 139 แรงม้า ราคา 899,000 บาท
ฮอนดา ซีวิค 1.8 อี เบนซิน 4 สูบ 1.8 ลิตร 141 แรงม้า ราคา 909,000 บาท
จุดเด่น
- รูปทรงแบบรถหรู ขนาดตัวใหญ่โต
- พื้นที่ห้องโดยสารกว้างขวางกว่าคู่แข่ง
- ช่วงล่างนุ่มนวล ซับแรงจากพื้นผิวถนนได้ดี
จุดด้อย
- อุปกรณ์ใช้สอยน้อยไปหน่อย
- น่าจะเปลี่ยนมาใช้ยางที่เน้นความนุ่มเงียบ
- ไม่รองรับน้ำมันแกสโซฮอล อี 85 เหมือนคู่แข่ง
สรุป
- ซี เซกเมนท์ ที่ตอบโจทย์ด้านความหรู และความสะดวกสบาย
ตลาดรถ ซี เซกเมนท์ มีการแข่งขันที่เข้มข้นมาแต่ไหนแต่ไร ล่าสุดทาง นิสสัน (NISSAN) ก็ร่วมวงกับเขาด้วย กับซีดาน ซิลฟี (SYLPHY) โดยเรานำรุ่นเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร มาทดสอบ มาดูกันว่ารถรุ่นนี้จะมีความแตกต่าง และทีเด็ดอะไรมาต่อกรกับบรรดาคู่แข่งระดับเดียวกันบ้าง
ภายนอก 4 ดาว
มาดหรู ดูภูมิฐาน
ความแตกต่างจากบรรดาคู่แข่งอย่างแรกของ ซิลฟี คือ รูปทรงภายนอก หากสังเกตแล้วจะพบว่ารถระดับ ซี เซกเมนท์ หลายรุ่นจะออกแบบตัวรถมีความสปอร์ท ปราดเรียว แต่ซีดานจากทาง นิสสัน ออกแบบรถคันนี้ ให้ความรู้สึกภูมิฐาน เน้นเส้นโค้งเว้า แลดูลื่นไหล เสริมความเข้มด้วยเส้นด้านข้างที่เฉียบคม ระยิบระยับดั่งอัญมณี ด้วยการติดตั้งไฟแอลอีดีที่ไฟหน้า และไฟท้าย รวมกันเป็นจำนวนถึง 54 ดวง ขณะที่กระจังหน้า กรอบโครเมียม และไฟท้ายแนวนอน รูปทรงเพรียว เป็นเอกลักษณ์ที่ นิสสัน นำมาใช้กับรถในสายการผลิตที่จะทยอยเปิดตัวในอนาคต ทั้งแฮทช์แบค พัลซาร์ (PULZAR) และซีดานหรู เทอานา (TEANA) รุ่นใหม่
ไม่ใช่ความใหญ่โตทางสายตาเท่านั้น เมื่อพิจารณามิติตัวถังแล้ว ซิลฟี มีทั้ง ความยาว และ ความสูง ที่ 4,615 และ 1,495 มม. ถือว่ามากที่สุดเมื่อเทียบกับรถระดับเดียวกัน (ฮอนดา ซีวิค 4,525/1,434 มม. และ ฟอร์ด โฟคัส 4,535/1,484 มม.) ส่วนระยะฐานล้อถึง 2,700 มม. ถือว่ามากที่สุดร่วมกับ ฮันเด เอลันทรา มีเพียงความกว้างเท่านั้นเพียง 1,760 มม. (รถที่มีความกว้างมากที่สุด คือ ฟอร์ด โฟคัส ที่ 1,823 มม.)
ในแง่ความหรูหรา ภูมิฐาน และใหญ่โต ของรูปทรงภายนอก นิสสัน ซิลฟี ให้มาเต็มที่ อีกทั้งขนาดตัวถังดังที่กล่าวมา เท่ากันทั้งรุ่น 1.6 และ 1.8 อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 รุ่น ใช้ยางขนาดเท่ากัน คือ 195/60 R16 เรามีความรู้สึกว่ารุ่น 1.8 ลิตร ราคาสูงกว่า น่าจะใช้ล้อแมกที่มีขนาดใหญ่กว่านี้ รวมไปถึงชุดแต่งภายนอก สร้างความแตกต่างจากรุ่น 1.6 ลิตร ชัดเจนกว่านี้
ภายใน 3 ดาว
กว้างสบายกว่าใคร แต่ลูกเล่นน้อย
ลักษณะของการออกแบบภายใน ยังเป็นไปในทิศทางเดียวกับเส้นสายภายนอก เน้นเส้นโค้งที่ไหลลื่นตลอดทั่วทั้งห้องโดยสาร โดยเฉพาะบริเวณคอนโซลหน้า เสริมลายไม้บริเวณรอบคอนโซลเกียร์ สีที่ใช้เน้นโทนนุ่มนวล ด้วยวัสดุสีเทา สลับกับสีเบจ เบาะหุ้มหนัง สลับวัสดุสังเคราะห์ รวมถึงพวงมาลัยหุ้มหนังแท้ จับกระชับมือ ขณะที่ความกว้างขวางถือเป็นจุดเด่นของ ซิลฟี เลยก็ว่าได้ ทั้งส่วนของผู้โดยสารด้านหน้าที่ให้ความรู้สึกราวกับกำลังนั่งอยู่ในรถซีดานขนาดใหญ่ ขณะที่ผู้โดยสารด้านหน้ามีพื้นที่ช่วงขาเหลือเฟือ สามารถนั่งเหยียดขาได้เต็มที่ มีความสะดวกสบายมากกว่าคู่แข่งอย่างชัดเจน หรือมากกว่าซีดานบางรุ่นที่มีค่าตัวแพงกว่าด้วยซ้ำ อีกทั้งการเก็บเสียงที่ทำได้น่าพอใจ จะมีเพียงเสียงจากยางรถขณะแล่นเท่านั้น ที่ได้ยินค่อนข้างชัด เนื่องจากการเลือกใช้ยาง เน้นความประหยัด เนื้อยางแข็ง หากเป็นไปได้ทางผู้ผลิต น่าจะเลือกใช้ยางที่เน้นความนุ่มเงียบมากกว่านี้ สมกับบุคลิกหรูหราของตัวรถ
บรรดาอุปกรณ์ใช้งานต่างๆ ให้มาอย่างพอเพียงตามมาตรฐานซีดานยุคปัจจุบัน เช่น แอร์อัตโนมัติแยกโซนซ้าย/ขวา พวงมาลัยมัลทิฟังค์ชัน ควบคุมระบบเครื่องเสียง และจอแสดงผล ระบบเชื่อมต่อกับมือถือด้วยบลูทูธ ระบบเปิด/ปิดไฟด้านหน้าอัตโนมัติ (เฉพาะรุ่น 1.8 ลิตร) ส่วนรุ่นทอพ วีแอล จะติดตั้งจอขนาด 5.8 นิ้ว พร้อมเนวิเกเตอร์ แต่กลับไม่มีอุปกรณ์ใช้งานที่แตกต่างจากคู่แข่งอย่างชัดเจน นับว่าน่าเสียดาย เพราะได้เปรียบจากพื้นที่ใช้สอยที่เหลือเฟืออยู่แล้ว หากสามารถติดตั้งอุปกรณ์ใช้งานที่โดดเด่นอีกแรง จะช่วยเสริมจุดแข็งของรถรุ่นนี้ได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามหากคนที่คาดหวังเรื่องขนาดพื้นที่ และความหรูหรา ซิลฟี ตอบสนองได้ดี ไม่ผิดหวังอยู่แล้ว
เครื่องยนต์ 4 ดาว
ตอบสนองนุ่มนวล ประหยัดที่ความเร็วต่ำ
นิสสัน ซิลฟี รุ่น 1.8 ลิตร ใช้เครื่องยนต์เบนซินบลอคใหม่ รหัส MRA8DE กำลัง 131 แรงม้า เป็นขุมกำลังที่พัฒนาต่อยอดจากรหัส MR8DE กำลัง 126 แรงม้า ที่วางอยู่ในรุ่น ทิอิดา (TIIDA) ซึ่งหยุดทำตลาดในบ้านเราไปแล้ว รวมไปถึงแฮทช์แบคทรงแปลกอย่าง คิวบ์ (CUBE) ขณะที่ระบบส่งกำลังยังคงเป็นเกียร์อัตโนมัติแปรผัน XTRONIC CVT ใช้งานในรถหลากแบบหลายรุ่นของค่ายรถแห่งนี้ โดยตัวเลขสมรรถนะ และอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง เราเปรียบเทียบกับคู่แข่งระดับ 1.8 ลิตร เหมือนกัน นั่นคือ ฮอนดา ซีวิค 1.8 รุ่นล่าสุด กำลัง 141 แรงม้า และ มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอกซ์ 1.8 กำลัง 139 แรงม้า
เริ่มด้วยอัตราเร่งช่วงความเร็ว 0-100 กม./ชม. ซิลฟี ทำได้ 11.9 วินาที ขณะที่ ซีวิค นำหน้าเล็กน้อยที่ 11.2 วินาที และตามกันมา คือ แลนเซอร์ อีเอกซ์ ที่ 12.8 วินาที ในความเร็วช่วงตีนต้นนี้ ถือว่า ซิลฟี ทำได้ดีเกินคาด เมื่อดูจากสเปคแรงม้า ผนวกกับบุคลิกของเกียร์อัตโนมัติแปรผัน ตามหลัง ซีวิค เพียงเล็กน้อย ทั้งที่มีกำลังมากกว่า และใช้เกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ
เมื่อลองลากกันยาวๆ วัดอัตราเร่งที่ความเร็วช่วงตีนปลาย 0-1,000 ม. ซิลฟี ทำเวลาได้ 33.5 วินาที (ที่ความเร็ว 157.1 กม./ชม.) โดน ซีวิค ทิ้งห่างออกมาพอประมาณที่ 32.6 วินาที (ที่ความเร็ว 167.3 กม./ชม.) และยังโดน แลนเซอร์ อีเอกซ์ ไล่จี้ขึ้นมากับเวลา 33.9 วินาที (ที่ความเร็ว 162.4 กม./ชม.) จะเห็นได้ว่าที่ความเร็วสูง ซิลฟี มีแผ่วเล็กน้อย นอกจากนี้ความเร็วที่ทำได้เมื่อถึงระยะ 1,000 ม. ค่อนข้างน้อยกว่าคู่แข่งที่นำมาเปรียบเทียบเช่นกัน
ที่อัตราเร่งยืดหยุ่นช่วงความเร็ว 60-100 กม./ชม. ซิลฟี ทำได้ที่ 6.5 วินาที สูสีกับ ซีวิค ที่ 6.2 วินาที และเทียบเคียงกับ แลนเซอร์ อีเอกซ์ เท่ากันที่ 6.5 วินาที และเมื่อเพิ่มความเร็วขึ้นมาที่ 80-120 กม./ชม. ซิลฟี ใช้เวลา 8.7 วินาที รั้งท้ายกลุ่มซะงั้น โดย ซีวิค ทิ้งห่างออกมา โดยทำเวลาได้ 7.7 วินาที และยังคู่คี่กับ แลนเซอร์ อีเอกซ์ ที่ 8.4 วินาที ราวกับว่าที่ความเร็วสูงแม้เป็นอัตราเร่งยืดหยุ่น ซิลฟี ก็มีอาการแผ่วลงบ้าง ความกระฉับกระเฉงเหมือนจะอยู่ในช่วงความเร็วไม่เกิน 100 กม./ชม. ส่วนที่ความเร็วเกินกว่านั้น อัตราเร่งจะมาแบบเรื่อยๆ แต่มั่นคง
เปลี่ยนหัวข้อมาที่อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงกันบ้าง ที่ความเร็ว 60/80 กม./ชม. ซิลฟี มีการสิ้นเปลืองที่ 26.6/22.9 กม./ลิตร ! นับเป็นตัวเลขที่ออกมาดีเกินคาดมาก เป็นอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ใกล้เคียงเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตรด้วยซ้ำ เทียบกับคู่แข่งระดับเดียวกันอย่าง ซีวิค ที่ 22.7/19.6 กม./ลิตร และ แลนเซอร์ อีเอกซ์ 22.9/19.5 กม./ลิตร แตกต่างอย่างเห็นได้ชัด หากพิจารณาในแง่การขับที่ความเร็วต่ำ นอกจากอัตราเร่งที่กระฉับกระเฉงแล้ว ซิลฟี ยังมีความได้เปรียบเรื่องอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอีกต่างหาก
ที่ความเร็ว 100/120 กม./ชม. อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงของ ซิลฟี อยู่ที่ 17.7/13.4 กม./ลิตร กลับเป็นตัวเลขความประหยัดที่ลดลงมาบ้าง แต่ถือว่าไม่หนีจากคู่แข่งเท่าใดนัก โดย ซีวิค ทำได้ที่ 17.9/13.0 กม./ลิตร และยังดีกว่าอีกหนึ่งคู่แข่งอย่าง แลนเซอร์ อีเอกซ์ ทำได้เพียง 14.2/11.2 กม./ลิตร ยิ่งแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด
ซิลฟี มีบุคลิกทางสมรรถนะแบบค่อยเป็นค่อยไป ช่วงความเร็วต่ำมีการตอบสนองที่น่าพอใจ กระฉับกระเฉง หลังจากนั้นแล้ว อัตราเร่งจะไม่หวือหวา แต่สามารถไต่ความเร็วได้เรื่อยๆ นอกจากนี้ยังมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ดีเยี่ยมในช่วงความเร็วต่ำเช่นกัน นับเป็นประโยชน์สำหรับการขับขี่ในเมืองพอสมควร ส่วนการขับทางไกล และเร่งแซง อาจต้องเผื่อระยะไว้บ้างเท่านั้น
ระบบรองรับ 3 ดาว
นุ่มหนึบ ซับพื้นผิวได้ดี
ช่วงล่างด้านหน้าของ ซิลฟี เป็นแบบแมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังทอร์ชันบีม พร้อมเหล็กกันโคลงเช่นกัน ก่อนหน้านี้เราเคยไป ทดลองขับ รถรุ่นนี้มาก่อน และมีโอกาสพูดคุยกับทีมงานผู้พัฒนารถรุ่นนี้ ซึ่งระบุว่า บุคลิกช่วงล่างของ นิสสัน ซิลฟี จะถูกปรับแต่งแตกต่างกันไปตามแต่ละภูมิภาคที่ทำตลาด โดยตลาดในเมืองจีน จะปรับแต่งให้ช่วงล่างมีความนุ่มนวลเป็นพิเศษ ส่วนตลาดในสหรัฐอเมริกา (ใช้ชื่อรุ่นว่า เซนทรา (SENTRA)) จะเน้นความหนึบแน่น ส่วนในภูมิภาคอื่นรวมถึงของบ้านเรา จะปรับแต่งช่วงล่างให้มีความนุ่มนวลและหนึบแน่น ในอัตราส่วนครึ่งต่อครึ่ง ด้วยสภาพพื้นผิวถนนที่หลากหลาย ว่ากันไปตามนั้น
กลับมาที่การทดสอบ เราพบว่าช่วงล่างของ ซิลฟี ปรับแต่งได้เหมาะสมกับบุคลิกที่เน้นความหรูหราของรถ นั่นคือ เน้นความนุ่มนวลมาก่อน แต่ไม่มีอาการโคลงจนเสียความมั่นคงแต่อย่างใดขณะขับบนทางเรียบ นอกจากนี้ยังสามารถดูดซับแรงยามแล่นผ่านพื้นผิวขรุขระได้เป็นอย่างดี ต่างจากบรรดาคู่แข่งหลายเจ้าที่มักจะเน้นความหนึบแน่น สมกับมาดสปอร์ท
ขณะที่การบังคับควบคุมจะตอบสนองอย่างค่อยเป็นค่อยไป เบาแรง ขับขี่ได้สะดวกสบาย ด้านระบบความปลอดภัยมีในระดับเดียวกับรถเครื่องยนต์ 1.8 ลิตรทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น เบรคเอบีเอส อีบีดี บีเอ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ส่วนระบบป้องกันการลื่นไถล หรือระบบควบคุมการทรงตัว ไม่ได้ติดตั้งมาให้
ประสิทธิภาพของระบบเบรคทำได้ดีสมยี่ห้อ นิสสัน ที่ความเร็ว 60/80 กม./ชม. ซิลฟี ใช้ระบะเบรค 15.4/27.5 ม. เป็นระยะเบรคที่ดีกว่าทั้ง ซีวิค 16.0/28.2 ม. และ แลนเซอร์ อีเอกซ์ 15.9/28.9 ม. แต่ทว่าที่ความเร็ว 100 กม./ชม. ระยะเบรคของ ซิลฟี กลับใช้ระยะถึง 44.2 ม. ขณะที่ ซีวิค คือ 42.5 ม. และ แลนเซอร์ อีเอกซ์ 43.2 ม. เราคิดว่าสาเหตุมาจากยางเน้นความประหยัดที่ ซิลฟี เลือกใช้ มีเนื้อยางที่แข็ง ส่งผลให้ระยะเบรคที่ความเร็วสูงอาจใช้ระยะมากไปบ้าง
สรุป
ยกระดับความหรู และขนาดตัว
นิสสัน ซิลฟี นับเป็นทางเลือกที่แตกต่างในกลุ่มรถระดับ ซี เซกเมนท์ ด้วยความหรูหรา และพื้นที่โดยสารที่เกินพอ คุณลักษณะการขับขี่ที่นุ่มนวล แต่มั่นคง สมกับบุคลิก หน้าตาของตัวรถ ราคาค่าตัว 799,000-931,000 บาท ในรุ่น 1.6 และ 1.8 ลิตร นับว่าคุ้มค่า เนื่องจากจุดเด่นที่ว่ามาเทียบได้กับรถขนาดใหญ่กว่า ราคาเกินล้านบาท สำหรับที่เน้นความประหยัด รุ่น 1.6 ลิตร ก็นับว่าเหลือเฟือแล้ว ส่วนรุ่น 1.8 ลิตร
นอกจากกำลังของเครื่องยนต์ที่เพิ่มขึ้น หากทางผู้ผลิตน่าจะเพิ่มอุปกรณ์ใช้สอยต่างๆ ให้มากกว่านี้ จะเรียกความสนใจได้อีกมากโขทีเดียว
ข้อมูลจำเพาะ นิสสัน ซิลฟี 1.8 วี
ผู้แทนจำหน่าย บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 0-2401-9600
มิติ และน้ำหนัก
ยาว/กว้าง/สูง (มม.) 4,615/1,760/1,495
ช่วงล้อ หน้า/หลัง (มม.) 1,545/1,540
ฐานล้อ (มม.) 2,700
น้ำหนัก (กก.) 1,218
ความจุถังเชื้อเพลิง (ลิตร) 52
เครื่องยนต์
แบบ เบนซิน 4 สูบ 16 วาล์ว
ความจุ (ซีซี) 1,798
กระบอกสูบ/ช่วงชัก (มม.) 79.7/90.1
อัตราส่วนกำลังอัด 9.9:1
กำลังสูงสุด (แรงม้า/รตน.) 131/6,000
แรงบิดสูงสุด (กก.-ม./รตน.) 17.8/3,600
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง หัวฉีดอีเลคทรอนิค มัลทิพอยท์
ระบบถ่ายทอดกำลัง
เกียร์ (จังหวะ) อัตโนมัติแปรผัน
ขับเคลื่อน (ล้อ) 2 หน้า
ระบบรองรับ
หน้า อิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง
หลัง ทอร์ชันบีม พร้อมเหล็กกันโคลง
ระบบบังคับเลี้ยว
แบบ ฟันเฟือง และตัวหนอน พร้อมเพาเวอร์ไฟฟ้า
ระบบห้ามล้อ
แบบ เอบีเอส อีบีดี และบีเอ
หน้า จาน พร้อมช่องระบายความร้อน
หลัง จาน
ราคา (บาท) 899,000
อัตราเร่ง (วินาที) นิสสัน ซิลฟี 1.8 วี
0-60 กม./ชม. 5.6
0-80 กม./ชม. 8.2
0-100 กม./ชม. 11.9
0-120 กม./ชม. 16.8
0-140 กม./ชม. 23.7
0-400 ม. (ที่ความเร็ว กม./ชม.) 18.4 (125.3)
0-1,000 ม.(ที่ความเร็ว กม./ชม.) 33.5 (157.1)
อัตราเร่งยืดหยุ่น (วินาที)
60-100 กม./ชม. 6.5
80-120 กม./ชม. 8.7
ห้ามล้อเมื่อหยุดรถกะทันหันจากความเร็ว (ม./ค่าจี)
60-0 กม./ชม 15.4 (0.92)
80-0 กม./ชม. 27.5 (0.91)
100-0 กม./ชม. 44.2 (0.89)
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง กม./ลิตร (ลิตร/100 กม.)
ที่ความเร็ว 60 กม./ชม. 26.6 (3.8)
ที่ความเร็ว 80 กม./ชม. 22.9 (4.4)
ที่ความเร็ว 100 กม./ชม. 17.7 (5.7)
ที่ความเร็ว 120 กม./ชม. 13.4 (7.5)
ระดับเสียงรบกวนในห้องโดยสาร (เดซิเบล A)
ที่ความเร็ว 0 กม./ชม. (จอดนิ่ง)
ที่ความเร็ว 60 กม./ชม.
ที่ความเร็ว 80 กม./ชม.
ที่ความเร็ว 100 กม./ชม.
ที่ความเร็ว 120 กม./ชม.
ความคลาดเคลื่อนของมาตรวัดความเร็ว (กม./ชม.)
ที่ความเร็ว 60 กม./ชม.
ที่ความเร็ว 80 กม./ชม.
ที่ความเร็ว 100 กม./ชม.
ที่ความเร็ว 120 กม./ชม.
ที่ความเร็ว 140 กม./ชม.
หมายเหตุ : รถใหม่
เรื่องโดย : ภูเขม หน่อสวรรค์ poukhem@autoinfo.co.th
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2556
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/31641