ทั่วไป
เปิด "มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29"
มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29 หรือ THE 29th THAILAND INTERNATIONAL MOTOR EXPO 2012 ภายใต้แนวคิด ยานยนต์วันหน้า ที่มาวันนี้ หรือ MEET TOMORROW'S CARS TODAY จัดพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2555 โดยมี สุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ ประเสริฐ บุญชัยสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานในพิธีเปิด
รถยนต์ และรถจักรยานยนต์ ที่เข้าร่วมงาน มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29 มีหลากหลายยี่ห้อได้แก่ เอาดี/เบนท์ลีย์ (ทีเอสแอล)/บีเอมดับเบิลยู/บราบัส/ซีตรอง/เชฟโรเลต์/เดวา/ดีเอฟเอสเค/ฟอร์ด/กแรนด์ แคร์รีบอย/ฮอนดา/ฮันเด/อีซูซุ/แจกวาร์ (ซิที)/เคลเลเนร์ส์ สปอร์ท (บีอาร์จี)/เกีย/แลนด์ โรเวอร์/เลกซัส/มาซดา/เมร์เซเดส-เบนซ์/มีนี/มิตซูบิชิ/มิตซูโอกะ/เอมทีเอม/นิสสัน/เปอโฌต์/ปโรตอน/รุฟ/โพร์เช (ทีเอสแอล)/สามมิตร/สโกดา/ซังยง/สตาร์เทค/ซูบารุ/ซูซูกิ/ทาทา/โตโยตา/ฟัธ (ทีเอสแอล)/โฟล์คสวาเกน/โวลโว/วิสมันน์
นอกจากนี้ยังมีรถจักรยานยนต์ ได้แก่ เบเนลลี/ดูกาตี/จีพีเอกซ์/ฮอนดา/คาวาซากิ/คีเวย์/ซูซูกิ/ทไรอัมฟ์/ยูดา
4 รถต้นแบบ MOTOR EXPO 2012
ฮันเด เอชอีดี-8 (HYUNDAI HED-8)
เอชอีดี-8 หรือ ไอ-โอนิค เป็นรถยนต์ไฮบริดต้นแบบ รุ่นใหม่ล่าสุดจาก ฮันเด ผลงานการออกแบบโดยศูนย์พัฒนาวิจัยของ ฮันเด ยุโรป ในประเทศเยอรมนี โดยเปิดตัวครั้งแรกในงานมหกรรมยานยนต์ เจนีวา ปีนี้ และเปิดตัวในอาเซียนเป็นครั้งแรก ในงาน มหกรรมยานยนต์ หรือ MOTOR EXPO 2012
เอชอีดี-8 ออกแบบภายใต้แนวคิด MODERN PREMIUM จึงเป็นรถสปอร์ทคูเปแบบ 4 ที่นั่งหรู ยุคใหม่ ขนาดคอมแพคท์ หรือ C-SEGMENT ที่เน้นหลักแอโรไดนามิคส์ พร้อมหลังคา PENTHOUSE ROOF และไฟหน้าแบบ LED ประตูแบบสปอร์ทบานใหญ่ ที่เปิดขึ้นทางด้านบน
เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 1.0 ลิตร แบบ 3 สูบ ที่ผลิตแรงม้าได้สูงสุดถึง 61 แรงม้า (45 กิโลวัตต์) และมอเตอร์ไฟฟ้า ลิเธียม-ไอออน ขนาด 109 แรงม้า (80 กิโลวัตต์) ซึ่งสมรรถนะการใช้งานแบบลูกผสมน้ำมันบวกไฟฟ้า จะทำให้เดินทางได้ไกลถึง 700 กม. โดยมีระดับการคายแกสคาร์บอนไดออกไซด์ เพียง 45 กรัม/กม. ในขณะที่การใช้งานแบบ "ไฟฟ้าล้วน" จะสามารถเดินทางได้ไกลสูงสุดถึง 120 กม. ความเร็วสูงสุดของรถต้นแบบลูกผสมไฮบริดเบนซินและไฟฟ้า อยู่ที่ 145 กม./ชม.
มาซดา ชินาริ (MAZDA SHINARI)
ชินารื รถสปอร์ทซีดานต้นแบบ 4 ประตู 4 ที่นั่ง ซึ่งได้รับการพัฒนาภายใต้คอนเซพท์ที่เรียกว่า "KODO" หรือ จิตวิญญาณของการเคลื่อนไหว
โป่งของซุ้มล้อทั้ง 4 ด้านของ ชินาริ ถูกออกแบบให้นูนขึ้นมา เพื่อแสดงให้เห็นถึงมัดกล้าม และความบึกบึนของตัวรถ ส่วนกระจังหน้ามีขนาดใหญ่ และออกแบบให้มีลักษณะยื่นนูนขึ้นมาในลักษณะคล้ายกับภาพ 3 มิติ เพื่อความสปอร์ทเร้าใจ และทุกเส้นสายบนกันชนหน้า กระจังหน้า และฝากระโปรงหน้าถูกเชื่อมต่อกันอย่างลงตัว เพื่อให้ตัวรถมีความกลมกลืน และโดดเด่นมากยิ่งขึ้น
ในห้องโดยสารเน้นความสปอร์ท เร้าใจแบบสุดๆ กับเบาะนั่ง 4 ตัว ทรงบัคเกทซีท โดยแผงหน้าปัด และมาตรวัดถูกออกแบบให้โอบล้อมในตำแหน่งคนขับ และการติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ จะอยู่ในมุมที่สามารถมองเห็นข้อมูลได้อย่างชัดเจน ขณะที่ส่วนต่างๆ ของห้องโดยสารเน้นความโอ่อ่าและโอ่โถง เพื่อความสะดวกสบายขณะเดินทาง
นิสสัน เอสฟโลว์ (NISSAN ESFLOW)
เอสฟโลว์ คือ รถต้นแบบไฟฟ้าที่ใช้เทคโนโลยีเดียวกับ นิสสัน ลีฟ รถไฟฟ้าสำหรับครัวเรือนเชิงพาณิชย์รุ่นแรกของโลก แต่จะอยู่ในรูปลักษณ์แบบ 2 ประตู ที่เน้นสมรรถนะการขับอย่างรถสปอร์ท และยังคงเป็นรถยนต์รักษาสิ่งแวดล้อมด้วย
ดีไซจ์นภายนอกของ เอสฟโลว์ ยังไม่ทิ้งลายความเป็นรถสปอร์ทคูเป 2 ที่นั่งเลยแม้แต่น้อย ด้วยพื้นที่ด้านหน้ายาวเหมือนกับรถสปอร์ทเครื่องยนต์วางหน้า ขับเคลื่อนล้อหลัง จุดเด่นของมัน คือ การออกแบบเนื้อที่กระจกรอบคันให้มีความปลอดโปร่ง และการหยิบเส้นสายรถสปอร์ทสุดคลาสสิคในอดีต อย่าง แฟร์เลดี เซด มาผสมผสานกับรถต้นแบบคันนี้
โครงสร้างตัวถังทำจากอลูมิเนียมน้ำหนักเบา ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว เหนือบริเวณเพลากลางขับเคลื่อนล้อหลัง ซึ่งมอเตอร์แต่ละตัวจะกระจายแรงขับเคลื่อนแยกอิสระ ล้อหลังซ้าย และขวา ทำให้รถต้นแบบคันนี้มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ต่ำกว่า 5 วินาที
ทาทา เมกาพิกเซล (TATA MEGAPIXEL)
เมกาพิกเซล รถต้นแบบพลังงานไฟฟ้า ขนาดเล็กสไตล์ซิทีคาร์ 4 ที่นั่ง ที่มีชุดเพิ่มกำลังไฟฟ้าให้สามารถใช้งานได้ในระยะทางไกล (REEV: RANGE EXTENDED ELECTRIC VEHICLE) ซึ่งเป็นผลงานความร่วมมือในการพัฒนาจากศูนย์ออกแบบในอินเดีย สหราชอาณาจักร และอิตาลี
การออกแบบไฟหน้า และกระจังหน้ารถ เป็นเส้นสายโค้งมนเข้าสู่ซุ้มล้อหน้า ให้ความรู้สึกคล่องตัว มีพลัง ประตูเป็นแบบประตูเลื่อน DOUBLE-SLIDING แนบไปกับด้านข้างตัวรถ และการออกแบบให้ไม่มีเสาบี ทำให้การเข้า/ออกตัวรถสะดวกสบาย
มอเตอร์ไฟฟ้าแยกการทำงานกันอิสระทั้ง 4 ล้อ ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบทเตอรี ลิเธียม-ไอออน ฟอสเฟท ที่ผสานการทำงานร่วมกับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่ใช้พลังงานน้ำมันเบนซิน ทำหน้าที่ชาร์จกำลังไฟฟ้าเข้าแบทเตอรีอย่างต่อเนื่องขณะขับขี่ ทำให้สามารถใช้งานในระยะทางมากกว่า 900 กม. (จากน้ำมันเพียง 1 ถัง) ขณะเดียวกันยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยมีค่าไอเสียเพียง 22 กรัม/กม. และมีอัตราสิ้นเปลืองเพียง 100 กม./ลิตร (จากการใช้พลังงานของแบทเตอรีเท่านั้น)
ล้อรถสามารถบิดตัวได้มากกว่าการบังคับเลี้ยวทั่วไป อยู่ในแนวใกล้เคียง 0 องศา จากแนวล้อตั้งตรงไปด้านหน้ารถที่ 90 องศา ทำให้มีความคล่องตัวมาก สำหรับการใช้งานในเมือง ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยวกลับรถ หรือการเข้าจอด ด้วยรัศมีวงเลี้ยวเพียง 2.8 ม. เท่านั้น
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ nussara@autoinfo.co.th
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน มกราคม ปี 2556
คอลัมน์ Online : ทั่วไป
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/31520