ทดสอบ
พลังสายฟ้า แห่งอนาคต !
เชฟโรเลต์ โวลท์ มอเตอร์ไฟฟ้า 147 แรงม้า ราคา 981,000 บาท (31,645 เหรียญสหรัฐ ฯ)
คู่แข่ง
นิสสัน ลีฟ มอเตอร์ไฟฟ้า 109 แรงม้า ราคา 859,000 บาท (27,700 เหรียญสหรัฐ ฯ)
เทสลา โมเดล เอส มอเตอร์ไฟฟ้า 154 แรงม้า ราคา 1,547,000 บาท (49,900 เหรียญสหรัฐ ฯ)
จุดเด่น
- รูปทรงสปอร์ท ล้ำสมัย
- การใช้งาน และการแสดงผลข้อมูลทันสมัย
- สมรรถนะน่าพอใจ
จุดด้อย
- ออกแบบภายใน ไม่โดดเด่น
- ทัศนวิสัยด้านหลังค่อนข้างอับ
- ราคาแพงกว่ารถทั่วไป
ฟันธง
- พลังไฟฟ้า คือ พระเอก น้ำมันเชื้อเพลิง คือ พระรอง
วิทยาการของเครื่องยนต์ไฮบริด ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งมีความใกล้เคียงกับรถพลังงานไฟฟ้า (EV) แต่ทว่าในความเป็นจริงสถานีจ่ายไฟฟ้าของรถชนิดนี้ยังไม่แพร่หลาย การชาร์จไฟตามครัวเรือนก็ยังใช้เวลานาน ดังนี้เองจึงมีรถพลังงานไฟฟ้าที่เอื้อต่อชีวิตความเป็นจริง ที่ยังต้องพึ่งพาน้ำมันดิบอยู่ นั่นคือ รถพลังงานไฟฟ้าแบบ RANGE EXTENDED และเราก็ได้สัมผัสมาแล้วกับ เชฟโรเลต์ โวลท์ (CHEVROLT VOLT)
ภายนอก 4 ดาว
มาดสปอร์ท ทันสมัย ดุดัน
รูปทรงของ โวลท์ มีความแตกต่างจากบรรดารถพลังงานไฟฟ้าหลายรุ่นที่เคยเห็น จากเดิมที่รถประเภทนี้มักใช้ตัวถังขนาดเล็ก น้ำหนักเบา เพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อมอเตอร์ไฟฟ้าสำหรับการขับเคลื่อนมากเกินไป แต่รถพลังงานไฟฟ้าสัญชาติอเมริกันคันนี้ มีขนาดใหญ่โต กับรูปแบบตัวถังคล้ายรถซีดาน แต่มีแนวหลังคากระจกที่ลาดเท จนมีความใกล้เคียงรถแฮทช์แบคเช่นกัน เส้นสายยังเน้นความดุดัน ราวกับต้องการจะขู่ว่า แม้เป็นรถพลังงานไฟฟ้า แต่ อย่าทำเป็นเล่น ทีเดียวเชียว
พิจารณาสเปคของรถรุ่นนี้ ยาว 4,498 มม. และระยะฐานล้อ 2,685 มม. สั้นกว่าซีดานร่วมค่ายอย่าง ครูซ (CRUZE) ที่ยาว 4,600 มม. แต่มีฐานล้อเท่ากันพอดิบพอดี ดังนี้แล้วถือว่า โวลท์ มีขนาดตัวใกล้เคียงกับรถเก๋งระดับ ซี เซกเมนท์ ก็ว่าดีนอกจากนี้หากหันไปเปรียบเทียบกับรถพลังงานไฟฟ้าด้วยกันอย่าง นิสสัน ลีฟ (NISSAN LEAF) ยาว 4,450 มม. กับระยะฐานล้อ 2,700 มม. ถือว่าใกล้เคียงกันมาก แม้ทั้ง โวลท์ และ ลีฟ ต่างมีแนวทางการพัฒนาที่แตกต่างกัน
ภายใน 4 ดาว
คอนโซลล้ำสมัย ตกแต่งเรียบง่าย
การตกแต่งห้องโดยสารของ โวลท์ เล่นสีเพียง 2 โทน คือ สีดำ และ สีขาว บริเวณเบาะนั่ง แผงประตู รอบๆ คอนโซลหน้า ใช้เป็นโทนสีดำสนิท ส่วนบริเวณคอนโซลกลางของปุ่มใช้งานต่างๆ บางส่วนของพวงมาลัย และบริเวณขอบมาตรวัด ตัดด้วยสีขาวให้อารมณ์ความทันสมัยพอประมาณ แต่วัสดุที่ใช้กลับดูธรรมดาไปหน่อย ขณะที่เบาะรองรับผู้โดยสารได้ 4 คนพอดี แม้แต่ผู้โดยสารด้านหลังก็ถูกแยกส่วนซ้าย/ขวา เนื่องจากการวางตำแหน่งของชุดแบทเตอรีรูปตัว T แนวขวางใต้เบาะแถวหลัง และแนวตามยาวตลอดทั้งตัวรถ
อย่างไรก็ตามพื้นที่โดยสารยังมีความสะดวกสบายที่น่าพอใจกับระยะช่วงขาที่มีอย่างพอเพียง ส่วนเรื่องทัศนวิสัยของผู้ขับ ถือว่าทำได้ดี สำหรับด้านหน้า แต่กระจกหลังทรงยาว และลาดเท ทำให้มุมมองด้านหลังค่อนข้างบีบแคบ แถมกระจกที่ว่ายังกินเนื้อที่มาถึงผู้โดยสารด้านหลัง หากวันไหนแดดแรงๆ อากาศร้อนๆ ในบ้านเรา คงสร้างความลำบากให้ผู้โดยสารด้านหลังไม่น้อย
ความล้ำสมัยที่สัมผัสได้ในห้องโดยสาร คือ รูปแบบของปุ่มใช้งานต่างๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นระบบสัมผัส ไร้ปุ่มใดๆ มีเพียงรูปเครื่องหมาย และปุ่มนูนเล็กๆ เท่านั้น แม้จะดูน่าตื่นตาตื่นใจในทีแรก แต่อาจต้องทำความคุ้นเคยพอสมควร ทำเอาเรากดปุ่มผิดๆ ถูกๆ อยู่หลายรอบเลยทีเดียว นอกจากนี้จอบนคอนโซลใช้กราฟิคสวยงาม แสดงผลระบบความบันเทิง และการทำงานของชุดแบทเตอรี รวมถึงเครื่องยนต์ที่ทำหน้าที่ปั่นกระแสไฟฟ้า ขณะที่มาตรวัดเป็นแบบดิจิทอลเต็มตัว ทั้งความเร็ว ระดับแบทเตอรี ระยะทำการที่แล่นได้ และแม้แต่สภาวะการทำงานของระบบว่ากำลังเน้นอัตราเร่ง หรือกำลังชาร์จกระแสไฟฟ้าอยู่ แม้จะดูทันสมัย แต่อารมณ์สปอร์ทยังคงเทียบกับมาตรวัดแบบเข็มแอนาลอกไม่ได้
เครื่องยนต์ 5 ดาว
อย่าประมาทพลังไฟฟ้า
จุดเด่นของรถรุ่นนี้ คือ การผสมผสานระหว่างมอเตอร์ขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้า และเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง หากเป็นรถระบบไฮบริดทั่วไป ทั้งมอเตอร์ไฟฟ้า และเครื่องยนต์ จะมีบทบาทในการขับเคลื่อนควบคู่ไปด้วยกัน แต่สำหรับ โวลท์ กับระบบ RANGE EXTENDED ดังที่กล่าวไปแล้ว มอเตอร์ไฟฟ้าจะทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้วนๆ ราวกับเป็นรถพลังงานไฟฟ้าเต็มตัว ส่วนเครื่องยนต์สันดาปทำหน้าที่เป็น เครื่องปั่นไฟ ให้กับแบทเตอรี เพื่อนำไฟฟ้ามาใช้งานต่อไป
ด้านขุมกำลังหลักเป็นมอเตอร์ไฟฟ้า กำลัง 147 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 38.0 กก.-ม. จุดเด่นของมอเตอร์ไฟฟ้า คือ แรงบิดที่สูงมาก และปลดปล่อยออกมาทันทีที่เริ่มออกตัว ส่วนเครื่องยนต์สำหรับปั่นไฟเป็นแบบเบนซิน 1.4 ลิตร 84 แรงม้า หากแล่นด้วยไฟฟ้าล้วนๆ (EV MODE) สามารถมีระยะทำการถึง 60 กม. เลยทีเดียว (ภายใต้สภาวะการขับขี่ที่เหมาะสม) และเมื่อเครื่องยนต์ทำงาน (น้ำมันเต็มถัง) จะมีระยะทำการเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 600 กม. หากน้ำมันจวนจะหมด ก็ไม่เป็นปัญหา เพียงเติมน้ำมันเบนซินเข้าไป รถก็จะมีกระแสไฟฟ้าไว้ใช้งานต่อไป ถือว่าแก้ไขจุดอ่อนของรถพลังงานไฟฟ้าได้เป็นอย่างดี
มาดูกันว่ามอเตอร์ไฟฟ้าดังกล่าวจะมีสมรรถนะเทียบเคียงกับเครื่องยนต์สันดาปมากน้อยแค่ไหน (ในการทดสอบมีผู้โดยสาร 2 คน) เริ่มจากอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. โวลท์ ทำได้ 9.9 วินาที สูสีรถสปอร์ทเปิดประทุนหลังคาแข็งอย่าง บีเอมดับเบิลยู 320 ไอ คอนเวอร์ทิเบิล (BMW 320I CONVERTIBLE) 156 แรงม้า ที่ทำเวลาได้ 9.7 วินาที และไม่ห่างไกลกับรถพลังงานไฮบริดบลอคใหญ่ อย่าง โตโยตา แคมรี 2.5 ไฮบริด (TOYOTA CAMRY 2.5 HYBRID) กำลังทั้งระบบที่ 151 แรงม้า ทำอัตราเร่งในส่วนนี้ได้ 8.8 วินาที
แรงบิดที่สูงตั้งแต่ออกตัว ยังมีส่วนช่วยเรื่องอัตราเร่งยืดหยุ่น ขณะเร่งแซง ที่ความเร็ว 80-120 กม./ชม. โวลท์ ใช้เวลาเพียง 6.4 วินาที เท่านั้น เทียบได้กับ บีเอมดับเบิลยู 320 ไอ คอนเวอร์ทิเบิล ที่ 6.6 วินาทีอย่างสูสีอีกครั้ง โดยมีรถไฮบริดบลอคใหญ่อย่าง โตโยตา แคมรี 2.5 ไฮบริด ยังคงนำหน้ากับเวลา 5.6 วินาที
อัตราเร่งของ โวลท์ สามารถเทียบเคียงได้กับรถสปอร์ทระดับกลาง และตามมาไม่ห่างกับเครื่องยนต์ไฮบริดบลอคใหญ่ ถือว่าน่าพอใจทีเดียวสำหรับมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนบลอคนี้ แสดงให้เห็นว่ารถคันนี้สมรรถนะ เอาเรื่อง ไม่ใช่รถพลังงานไฟฟ้าวิ่งเอื่อยๆ อย่างแต่ก่อนแล้ว อย่างไรก็ตามช่วงความเร็วตีนปลายมีแผ่วลงเล็กน้อย อัตราเร่ง 0-1,000 ม. โวลท์ ทำได้ 31.2 วินาที ส่วนสปอร์ทเปิดประทุนของ บีเอมดับเบิลยู อยู่ที่ 30.4 วินาที และซีดานรุ่นใหญ่หัวใจไฮบริดของ โตโยตา ใช้เวลาเพียง 29.5 วินาที ถือเป็นส่วนต่างของเวลาที่ขยับห่างกันเล็กน้อย
ระบบรองรับ 4 ดาว
หนึบมั่นใจ เบรคดีเยี่ยม
เรารู้สึกว่าบุคลิกของช่วงล่าง รวมไปถึงการบังคับควบคุมของ โวลท์ ถูกปรับแต่งให้เน้นความหนึบแน่น เจือความนุ่มนวล เป็นไปตามบุคลิกภายนอก และสมรรถนะของรถคันนี้ การติดตั้งชุดแบทเตอรี และมอเตอร์ขับเคลื่อนทำให้มีน้ำหนักตัวถึง 1,715 กก. เทียบเท่ากับซีดานหรูขนาดใหญ่อย่าง บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์ 5 หรือ เมร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาสส์ ด้วยซ้ำ รถพลังงานไฟฟ้าคันนี้จึงขาดความกระฉับกระเฉงไปบ้าง แต่ในทางตรงยังมีความมั่นคง
ยางรถรุ่นนี้ใช้เป็นของ มิเชอแลง เอเนอร์จี เซเวอร์ (MICHELIN ENERGY SAVER) เน้นความประหยัดเชื้อเพลิง แต่กลับมีประสิทธิภาพของระบบเบรคที่ดีเยี่ยม ทำระยะที่ความเร็ว 80 และ 100 กม./ชม. คือ 25.7 และ 40.3 ม. ตามลำดับ ใกล้เคียงกับ บีเอมดับเบิลยู 320 ดี รุ่นล่าสุดที่เราเพิ่งไปทดสอบกันมาที่ ทำได้ 25.0 และ 39.8 ม. ด้วยซ้ำ เป็นคุณสมบัติที่ดีเกินคาด สำหรับรถที่มีน้ำหนักค่อนข้างมาก และใช้ยางเน้นความประหยัดเช่นนี้
สรุป
พลังแห่งอนาคต ที่มาถึง...วันนี้
แม้เป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ กับการทดสอบ โวลท์ แต่เราก็ได้เห็นถึงแนวทางของยานยนต์ยุคใหม่ที่เป็นไปได้ การใช้พลังงานทดแทนอย่างไฟฟ้าโดยแท้จริง ผสมผสานกับเชื้อเพลิงที่ยังคงใช้กันในวงกว้างนั่นคือน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นแหล่งสร้างพลังงานขับเคลื่อนอย่างชาญฉลาด
แม้ค่าตัวของรถคันนี้จะสูงกว่ารถธรรมดาทั่วไปพอสมควร ดูจะยังเป็นอุปสรรคสำคัญของความสำเร็จรถประเภทนี้ ถึงอย่างนั้นนี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของรถยนต์เพื่อการประหยัดเชื้อเพลิง ต่อยอดความสำเร็จของรถไฮบริดที่กลายเป็นหนึ่งในกระแสรถหลักไปแล้ว เราหวังว่ารถพลังงานไฟฟ้าแบบ RANGE EXTENDED จะมารับช่วงการสร้างสรรค์อนาคตของยานยนต์ให้สดใส และมั่นคงสืบต่อไป ก่อนที่เวลาของรถพลังงานไฟฟ้าล้วน (EV) จะมีบทบาทอย่างแท้จริงในอนาคตถัดไป
ข้อมูลจำเพาะ เชฟโรเลต์ โวลท์
ผู้แทนจำหน่าย บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด
โทร. 0-2791-3400
มิติ และน้ำหนัก
ยาว/กว้าง/สูง (มม.) 4,498/1,788/1,430
ช่วงล้อ หน้า/หลัง (มม.) 1,554/1,577
ฐานล้อ (มม.) 2,685
น้ำหนัก (กก.) 1,715
ความจุถังเชื้อเพลิง (ลิตร) 35.2
เครื่องยนต์
แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว
ความจุ (ซีซี) 1,398
กระบอกสูบ/ช่วงชัก (มม.) 73.4/82.6
อัตราส่วนกำลังอัด 10.5:1
กำลังสูงสุด (แรงม้า/รตน.) 84/4,800
มอเตอร์ไฟฟ้า (แรงม้า) 147
แรงบิดสูงสุด (กก.-ม.) 38
ระบบถ่ายทอดกำลัง
เกียร์ (จังหวะ) อัตโนมัติ ซีวีที
ขับเคลื่อน (ล้อ) 2 หน้า
ระบบรองรับ
หน้า อิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท
หลัง ทอร์ชันบีม
ระบบบังคับเลี้ยว
แบบ ฟันเฟือง และตัวหนอน พร้อมเพาเวอร์
ระบบห้ามล้อ
แบบ เอบีเอส อีบีดี
หน้า จาน
หลัง จาน
ราคา (บาท) 981,000 บาท (31,645 เหรียญสหรัฐ ฯ)
อัตราเร่ง (วินาที)
0-60 กม./ชม. 4.8
0-80 กม./ชม. 7.0
0-100 กม./ชม. 9.9
0-120 กม./ชม. 13.5
0-140 กม./ชม. 18.2
0-160 กม./ชม. 23.9
0-400 ม. 17.3 ที่ความเร็ว 136.8 กม./ชม.
0-1,000 ม. 31.2 ที่ความเร็ว 161.0 กม./ชม.
อัตราเร่งยืดหยุ่น (วินาที)
60-100 กม./ชม. 5.2
80-120 กม./ชม. 6.4
ห้ามล้อเมื่อหยุดรถกะทันหันจากความเร็ว (ม./ค่าจี)
60-0 กม./ชม 14.1 (1.00)
80-0 กม./ชม. 25.7 (0.98)
100-0 กม./ชม. 40.3 (0.98)
ระดับเสียงรบกวนในห้องโดยสาร (เดซิเบล A)
ที่ความเร็ว 0 กม./ชม. (จอดนิ่ง)
ที่ความเร็ว 60 กม./ชม.
ที่ความเร็ว 80 กม./ชม.
ที่ความเร็ว 100 กม./ชม.
ที่ความเร็ว 120 กม./ชม.
ความคลาดเคลื่อนของมาตรวัดความเร็ว (กม./ชม.)
ที่ความเร็ว 60 กม./ชม.
ที่ความเร็ว 80 กม./ชม.
ที่ความเร็ว 100 กม./ชม.
ที่ความเร็ว 120 กม./ชม.
หมายเหตุ : รถใหม่
เรื่องโดย : ภูเขม หน่อสวรรค์ poukhem@autoinfo.co.th
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน พฤศจิกายน ปี 2555
คอลัมน์ Online : ทดสอบ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/31278