ผลทดสอบ
พิสูจน์สมรรถนะ 4x2 ไฮ-ไรเดอร์ และ 4x4 ไวลด์ทแรค
ฟอร์ด เรนเจอร์ ดับเบิลแคบ ไฮ-ไรเดอร์ 2.2 เอกซ์แอลที ดีเซล 2.2 ลิตร 150 แรงม้า ราคา 799,000 บาท
คู่แข่งในตลาด 4x2
เชฟโรเลต์ โคโลราโด ครูว์แคบ เซด 71 2.8 แอลทีเซด ดีเซล 2.8 ลิตร 180 แรงม้า ราคา 835,000 บาท
โตโยตา ไฮลักซ์ วีโก แชมพ์ พรีรันเนอร์ ดับเบิลแคบ 2.5 อี ดีเซล 2.5 ลิตร 144 แรงม้า ราคา 779,000 บาท
นิสสัน นาวารา คาลิเบอร์ ดับเบิลแคบ จีที 2.5 แอลที ดีเซล 2.5 ลิตร 144 แรงม้า ราคา 802,000 บาท
มาซดา บีที-50 พโร ดับเบิลแคบ ไฮ-เรเซอร์ 2.2 วี ดีเซล 2.2 ลิตร 150 แรงม้า ราคา 874,000 บาท
อีซูซุ ดี-แมกซ์ ไฮ-แลนเดอร์ แคบโฟร์ 2.5 เซด พเรสตีจ ดีเซล 2.5 ลิตร 136 แรงม้า ราคา 778,000 บาท
ฟอร์ด เรนเจอร์ ดับเบิลแคบ 4x4 2.2 เอกซ์แอลที ไวลด์ทแรค ดีเซล 2.2 ลิตร 150 แรงม้า ราคา 969,000 บาท
คู่แข่งในตลาด 4x4
เชฟโรเลต์ โคโลราโด ครูว์แคบ เซด 71 4x4 2.8 แอลทีเซด ดีเซล 2.5 ลิตร 150 แรงม้า ราคา 808,000 บาท
โตโยตา ไฮลักซ์ วีโก แชมพ์ ดับเบิลแคบ 4x4 2.5 อี ดีเซล 2.5 ลิตร 144 แรงม้า ราคา 810,000 บาท นิสสัน นาวารา ดับเบิลแคบ 4x4 2.5 เอสวี แอล
อี ดีเซล 2.5 ลิตร 174 แรงม้า ราคา 918,500 บาท
มิตซูบิชิ ทไรทัน ดับเบิลแคบ 4x4 2.5 จีแอลเอส ดีเซล 2.5 ลิตร 178 แรงม้า ราคา 944000 บาท
อีซูซุ ดี-แมกซ์ วี-ครอสส์ แคบโฟร์ 4x4 2.5 แอล ดีเซล 2.5 ลิตร 136 แรงม้า ราคา 808,000 บาท
ข้อเด่น
- หน้าตาสดใหม่ มิติใหญ่ขึ้น
- ภายในโอ่อ่า นั่งสบายทุกที่นั่ง
- สมรรถนะแรง ไม่แพ้เครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ลิตร
- ระบบรองรับพัฒนาใหม่ ประสิทธิภาพเบรคดีขึ้น
ข้อด้อย
- เครื่องเสียงแบบบิลท์-อิน ปรับเปลี่ยนยาก
- อัตราสิ้นเปลืองสูงกว่าคู่แข่งเมื่อวิ่งที่ความเร็วต่ำ
ฟันธง โฉมใหม่ สวยโดนใจ ขับและนั่งสบาย สมกับเป็นพิคอัพสายพันธุ์แกร่งตัวจริง ที่ไม่ทิ้งคอนเซพท์ด้านความปลอดภัย
ฟอร์ด ประเทศไทย แนะนำ เรนเจอร์ โฉมใหม่ พิคอัพสายพันธุ์แกร่ง มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล เทอร์โบแปรผัน ขนาด 2.2 ลิตร ใหม่ ที่ได้รับการพัฒนารูปโฉมภายนอกและ
ภายในใหม่ทั้งหมด สะท้อนบุคลิกที่แข็งแกร่ง ภายใต้บแรนด์ ฟอร์ด พร้อมความประณีตในการออกแบบและตกแต่งภายใน เพียบพร้อมด้วยความสะดวกสบาย เทคโนโลยีทันสมัย เสริม
ด้วยระบบความปลอดภัยครบครัน
4 WHEELS นำ ฟอร์ด เรนเจอร์ โฉมใหม่ เครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล เทอร์โบแปรผัน ขนาด 2.2 ลิตร บลอคใหม่ ให้กำลังสูงถึง 150 แรงม้า 2 รุ่น 2 สไตล์ ทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อยก
สูง หรือ ไฮ-ไรเดอร์ และขับเคลื่อน 4 ล้อ รุ่น ไวลด์ทแรค มาทำการทดสอบด้วยเครื่องวัดสมรรถนะดาทรอน เพื่อให้รู้ถึงประสิทธิภาพและความน่าใช้
ภายนอก 4 ดาว
ใหญ่/แกร่ง บึกบึน
รูปร่างหน้าตาของ เรนเจอร์ ใหม่ ดูใหญ่และทันสมัยขึ้น มีมิติใหญ่ขึ้นทุกสัดส่วน ด้วยความยาว 5,359 มม. กว้าง 1,850 มม. และสูง 1,848 มม. ขณะที่ เรนเจอร์ รุ่นเก่า นั้นเล็กกว่ามาก
(5,080/1,788/1,762 มม.) เทียบกับคู่แข่งรายอื่นในตลาดแล้ว เรนเจอร์ ใหม่ มีสัดส่วนตัวรถที่ยาวกว่าคู่แข่ง มีเพียง มาซดา บีที-50 พโร ใหม่ เท่านั้นที่ตัวรถยาวมากกว่า ส่วนความกว้าง
และความสูง ไม่เป็นรองใคร อยู่ในระดับแนวหน้าเช่นกัน
เรนเจอร์ ใหม่ มีระยะยื่นด้านหน้าที่สั้น ช่วยเพิ่มมุมปะทะเมื่อต้องลุยในพื้นที่ทุรกันดาร กระจังหน้าลาย 3 แถบ พร้อมโลโก "FORD" ได้รับการออกแบบให้ดูกลมกลืนกับไฟหน้า กันชนที่มีเส้นสายโค้งรับกันอย่างต่อเนื่อง และฝากระโปรงขึ้นรูปทรงโดม ช่วยเพิ่มสัดส่วนให้ด้านหน้าดูใหญ่ และโดดเด่นมากขึ้นด้านข้างดูแกร่ง บึกบึน ด้วยโป่งข้างที่เสมือนมัดกล้ามขนาดใหญ่ เจาะช่องลม สไตล์เอสยูวีหรู ดูโดดเด่นทันสมัย และยังสามารถเชื่อมต่อเป็นสนอร์เคิลได้ โดยไม่ต้องเจาะตัวถังรถเพิ่ม กระจกมองข้างขนาดใหญ่ออกแบบให้โค้งมนเพื่อลดเสียงรบกวน มาพร้อมกับไฟเลี้ยวที่มุมกระจกข้าง แนวหลังคาเสาซี โค้งรับกับ สเกิร์ทหลัง ในรุ่น ไวลด์ทแรค ได้อย่างลงตัวบันไดข้างทรงกลม ตัดแบ่งเป็นพื้นบุด้วยยางกันลื่น สไตล์ซาฟารี ดูสวยงามไม่เทอะทะ กระบะท้ายดูสูงใหญ่ เน้นพื้นที่บรรทุก ปูด้วยไลเนอร์สีดำ มาพร้อมที่วางแก้ว ที่เกี่ยวตาข่ายสำหรับลอคสัมภาระ นอกจากนี้ยังมีช่องสำหรับเสียบไฟ 12 โวลท์ เป็นอุปกรณ์เสริมอีกด้วย ฝาท้ายแบบตัดตรงดูแข็งแกร่ง ด้านบนขึ้นรูปโค้ง เพื่อให้เป็นสเกิร์ทหลังในตัว ไฟท้ายทรงเหลี่ยมโอบกระชับเข้ารูป ล้อแมกเป็นลายก้านขนาด 17 นิ้ว ยางขนาด 265/65 R17 สำหรับรุ่น ไฮ-ไรเดอร์ ใช้ยางบริดจ์สโตน ดูเลอร์ ไฮเวย์ เทอร์เรน เน้นทางเรียบ และในรุ่น 4x4 ใช้ยางดันลอพ กแรนด์ทเรค เอที ที่ใช้งานได้ในทุกพื้นที่ส่วนรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่นำมาทดสอบ เป็นรุ่นตกแต่ง ไวลด์ทแรค เพิ่มอุปกรณ์พิเศษสำหรับ เรนเจอร์ ใหม่ อาทิเช่น การ์ดกันชนหน้า ที่เลือกเป็นสีดำตัดกันกับสีตัวรถ ชายประตูหน้าตกแต่งสติคเกอร์ "WILDTRAK" บนหลังคาติดตั้งราวหลังคาอลูมิเนียม กระจกมองข้าง พร้อมโรลล์บาร์ และทแรคบาร์สีดำตัดกับสีตัวรถ กรอบไฟท้ายรมดำเน้นความดุดัน
ภายใน 4 ดาว
หรู เงียบ นั่งสบาย
ห้องโดยสารออกแบบทันสมัย สวยโดดเด่นตั้งแต่คอนโซลหน้า พวงมาลัยแบบ 4 ก้าน พร้อมระบบมัลทิฟังค์ชัน ติดตั้งระบบครูสคอนทโรลในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ คอนโซลกลางขนาดใหญ่ สวยทันสมัยด้วยเครื่องเสียงแบบบิลท์-อิน มีระบบสั่งการทำงานด้วยเสียง ช่องเสียบยูเอสบี และไอพอด อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อสัญญาณโทรศัพท์ด้วยระบบบลูทูธ เพื่อให้ความปลอดภัยมากขึ้น พร้อมหน้าจอสีขนาด 4.2 นิ้ว แสดงการทำงานตามฟังค์ชันต่างๆ เรือนไมล์ขนาดใหญ่ จัดวางตำแหน่งมาตรวัดต่างๆ ได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ในรุ่น ดับเบิลแคบ 4 ประตู ยังมีพื้นที่เก็บสัมภาระอเนกประสงค์มากกว่า 20 แห่ง ลิ้นชักเก็บของด้านหน้าสามารถเก็บคอมพิวเตอร์โนทบุคขนาด 16 นิ้วได้ ขณะที่ช่องเก็บของด้านข้างยังสามารถใส่ขวดน้ำขนาด 1.5 ลิตรได้
ที่น่าประทับใจ คือ เบาะนั่งทุกที่นั่ง ออกแบบมารับกับสรีระ ที่นั่งขนาดใหญ่ ในรุ่น ดับเบิลแคบ เบาะนั่งด้านหลังเอนตามสรีระเล็กน้อย เพื่อให้สามารถนั่งได้อย่างผ่อนคลาย ถ้าเป็นรุ่น ไวลด์ทแรค จะมีชุดหุ้มเป็นหลัก พร้อมปักโลโก "WILDTRAK" หมอนรองศีรษะปรับสูง/ต่ำได้ เบาะรองนั่งขนาดใหญ่และยาวพอสำหรับผู้โดยสารไซซ์ยุโรป
ห้องโดยสารมีการเก็บเสียงที่โดดเด่น ติดตั้งวัสดุดูดซับเสียงทั้งในประตู หลังคา และตัวถัง ช่วยลดความสั่นสะเทือน และอาการกระด้างของรถได้อย่างดีบนถนนใหญ่ หรือเส้นทางทุรกันดาร ทำให้ เรนเจอร์ ใหม่ สามารถควบคุมเสียงรบกวนจากเครื่องยนต์ ยาง และรถที่วิ่งบนถนนได้โดดเด่นมาก
เมื่อทำการวัดเสียงที่ระดับความเร็วคงที่ 60/80/100/120/140 กม./ชม. ประสิทธิภาพการเก็บเสียงทำได้ดีเกินคาด โดยรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ ไฮ-ไรเดอร์ ใช้ยางบริดจ์สโตน ดูเลอร์ เอช/ที ขนาด 265/65 R17 ทำได้ 49/53/58/63/68 เดซิเบล ส่วนรุ่น 4x4 ไวลด์ทแรค ยางดันลอพ กแรนด์ทเรค เอ/ที ขนาด 265/65 R17 ทำได้ 51/54/58/64/66 เดซิเบล เมื่อนำมาเทียบกับคู่แข่ง ปรากฏว่า ฟอร์ด เรนเจอร์ สามารถเก็บเสียงรบกวนในห้องโดยสารได้ดีมาก ทำได้ดีกว่าคู่แข่งในตลาด เทียบชั้นเอสยูวีหรู หรือเทียบชั้นเครื่องยนต์เบนซินได้สบาย
สมรรถนะ 4 ดาว
บลอคเล็ก แรงพอตัว
เครื่องยนต์ ดูราทอร์ค ทีดีซีไอ 4 สูบ 16 วาล์ว ขนาด 2.2 ลิตร ดีเซล คอมมอนเรล เทอร์โบแปรผัน ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,700 รตน. แรงบิดสูงสุด 38.2 กก.-ม. ที่ 1,500-2,500 รตน. ขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะใหม่ แบบซีเควนเชียล ให้การเปลี่ยนเกียร์ที่นุ่มนวล แม่นยำ พร้อมกำลังลากจูงที่ดีขึ้น มีโหมดสปอร์ท พร้อมพโรแกรมจดจำการขับขี่ ระบบเกรดคอนทโรล ลอจิคส์ ขณะขับรถลงเขา เหยียบเบรคบ่อย ระบบเกียร์จะช่วยเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำ ระบบเบรค ซัพพอร์ท ดาวน์ ชิฟท์ จะลดเกียร์ลงทันทีที่เบรคกะทันหัน นอกจากนี้ ยังมีระบบเกียร์ที่สามารถหยุดการเปลี่ยนเกียร์ในขณะเข้าโค้ง เพื่อความปลอดภัยในขณะขับขี่
ผลทดสอบจากเครื่องวัดสมรรถนะดาทรอน เครื่องยนต์ดูราทอร์ค 2.2 ลิตร ใหม่ใน ฟอร์ด เรนเจอร์ ที่ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ทั้งในรุ่น ไฮ-ไรเดอร์ และ 4x4 ไวลด์ทแรค สมรรถนะเครื่องยนต์ทำได้ดี แม้จะไม่หวือหวาเร้าใจ แต่ก็พอสั่งได้ในยามที่ต้องการกำลังรุ่น ไฮ-ไรเดอร์ อัตราเร่งตีนต้น 0-100 กม./ชม. และ 0-400 ม. ทำได้ในเกณฑ์ค่อนข้างดี อยู่ที่ 12.4/18.3 วินาที เช่นเดียวกับอัตราเร่งตีนปลาย 0-1,000 ม. อยู่ที่ 33.9 วินาทีส่วนรุ่น 4x4 ไวลด์ทแรค ทำเวลาตามหลังเล็กน้อย เพราะต้องแบกน้ำหนักรวมทั้งชุดเกียร์ขับเคลื่อน 4 ล้อ ทำให้อัตราเร่งตีนต้น 0-100 กม./ชม. และ 0-400 ม. ทำได้ในเกณฑ์พอใช้ อยู่ที่ 13.6/19.0 วินาที เช่นเดียวกับอัตราเร่งตีนปลาย 0-1,000 ม. อยู่ที่ 35.1 วินาทีอัตราเร่งยังเป็นรองคู่แข่งในตลาด เมื่อเทียบกับตัวแรงอย่าง มิตซูบิชิ ทไรทัน 2.5 ลิตร 178 แรงม้า
ทั้งในช่วง 0-100 กม./ชม. 0-400 ม. และ 0-1,000 ม. โดยทำไว้ 11.3/17.8/33.0 วินาที ตามติดด้วย นิสสัน นาวารา 4x4 กำลัง 174 แรงม้า ทำไว้ 12.0/18.4/33.8 วินาที
ฟอร์ด เรนเจอร์ ไฮ-ไรเดอร์ ยังมีสมรรถนะที่ดีกว่า นิสสัน นาวารา คาลิเบอร์ เครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ลิตร 144 แรงม้า ที่มีอัตราเร่ง ช่วง 0-100 กม./ชม. 0-400 ม. และ 0-1,000 ม. อยู่ที่ 13.4/19.1/35.1 วินาที และก็ยังทำได้คู่คี่สูสีกับ เรนเจอร์ 4x4 ไวลด์แทรค ใหม่ เช่นกันหัวข้ออัตราเร่งยืดหยุ่น จังหวะเร่งแซง ขุมกำลัง 2.2 ลิตร 150 แรงม้า เทอร์โบแปรผัน ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ทำได้พอตัว อัตราเร่งช่วงเร่งแซงขณะใช้งานในเมือง 60-100 กม./ชม. และช่วงเร่งแซงบนถนนใหญ่ 80-120 กม./ชม. สำหรับในรุ่น ไฮ-ไรเดอร์ ทำได้ 7.3/10.1 วินาที และรุ่น 4x4 ไวลด์ทแรค ทำได้ 7.9/11.0 วินาที จังหวะเร่งแซงไม่หวือหวา ตามสไตล์เครื่องเล็กแบกน้ำหนักรถเยอะ จึงอยู่ในเกณฑ์พอใช้ยังเป็นรองคู่แข่งที่ใช้เครื่องยนต์ที่มีความจุ และกำลังเยอะกว่า อย่าง มิตซูบิชิ ทไรทัน พลัส 2.5 ลิตร 178 แรงม้า ทำได้ 6.3/7.9 วินาที ตามติดด้วย นิสสัน นาวารา 4x4 กำลัง 174 แรงม้า ทำได้ 6.9/9.6 วินาที และนิสสัน นาวารา คาลิเบอร์ 144 แรงม้า ทำได้ 7.1/9.4 วินาทีผลการทดสอบอัตราสิ้นเปลือง หลังจากทำการวัดการจ่ายน้ำมันจากความเร็วคงที่ 60/80/100/120 กม./ชม. ในรุ่น ไฮ-ไรเดอร์ ใช้น้ำมันไป 18.4/16.8/13.5/10.0 กม./ลิตร ตามลำดับ รุ่น 4x4 ไวลด์ทแรค ใช้น้ำมันไป 16.6/14.8/12.2/10.1 กม./ลิตร เห็นได้ว่ารุ่น ไฮ-ไรเดอร์ ทำได้ประหยัดกว่าเล็กน้อย อยู่ในเกณฑ์พอใช้ มีเพียงอัตราสิ้นเปลืองที่ความเร็ว 120 กม./ชม. ที่ทำได้เท่าๆ กันเทียบกับคู่แข่งเครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ลิตรในตลาด ปรากฏว่า เรนเจอร์ ใหม่ มีอัตราสิ้นเปลืองมากกว่าเล็กน้อย โดยเฉพาะที่ความเร็วต่ำ เมื่อเทียบกับ มิตซูบิชิ ทไรทัน พลัส และนิสสัน นาวารา คาลิเบอร์ แต่ก็สามารถทำอัตราสิ้นเปลืองได้ดีกว่าคู่แข่งอย่าง นิสสัน นาวารา 4x4 ในช่วง
ความเร็วสูง (120 กม./ชม.) เช่นกัน
การบังคับควบคุม 4 ดาว
แน่นหนึบ เบรคมั่นใจ
ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ มีแชสซีส์ที่แข็งแกร่งกว่าเดิม ระบบรองรับทันสมัยขึ้นจากเดิมที่เป็นทอร์ชันบาร์ ปีกนก พัฒนาใหม่ทั้งหมด ด้านหน้าเป็นแบบคอยล์สปริง ปีกนก 2 ชั้น ด้านหลังเป็น
แหนบแผ่นซ้อน ทำงานร่วมกับชอคอับ ปรับทูนวาล์วแดมเพอร์และสปริง ให้เหมาะสมกับรถแต่ละรุ่น พวงมาลัยแบบฟันเฟือง และตัวหนอน ที่ทันสมัย น้ำหนักพวงมาลัยดี ให้การบังคับ
ควบคุมมั่นใจ
จากการทดสอบพบว่า ช่วงล่างแน่นหนึบ การบังคับควบคุมดี สมกับเป็นพิคอัพสายพันธุ์อเมริกัน สามารถเลี้ยวเข้าโค้งได้แม่นยำ จังหวะเบรคหนักแน่น มั่นใจ ช่วงล่างแข็งแกร่ง ซับแรง
กระแทกได้ดี รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ติดตั้งดิฟเฟอเรนเชียลลอค แบบอีเลคทรอนิคส์ที่ล้อหลัง ช่วยลอคการหมุนของล้อหลังให้หมุนพร้อมกัน ทันทีที่พบว่าล้อข้างใดข้างหนึ่งหมุนฟรี หรือ
พบว่าล้อทั้ง 2 ข้างมีความเร็วในการหมุนที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ยังสามารถลุยน้ำได้ลึกถึง 80 ซม.
ผลทดสอบประสิทธิภาพการเบรคของ เรนเจอร์ ใหม่ ทำได้ดี มีระยะเบรคที่ไว้ใจได้ ทั้งเบรคที่ความเร็ว 60/80-0 กม./ชม. ในรุ่น ไฮ-ไรเดอร์ มีระยะหยุดที่ 16.2/27.6 ม. และรุ่น 4x4 ไวลด์แทรค มีระยะหยุดที่ 15.6/27.9 ม. ส่วนเบรคที่ความเร็วสูง 100 กม./ชม. ประสิทธิภาพการเบรคยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ทำได้โดดเด่น ทั้ง 2 รุ่น มีระยะหยุดที่ 44.5/42.6 ม. ตามลำดับ
เมื่อเทียบผลทดสอบกับ ฟอร์ด เรนเจอร์ 3.0 เอกซ์แอลที ดับเบิลแคบ รุ่นเดิม ที่เคยทำผลทดสอบเบรค 60/80/100-0 กม./ชม. ไว้ที่ 16.5/30.4/48.5 ม. เห็นได้ว่าประสิทธิภาพเบรคของ ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ดีกว่าเดิมค่อนข้างมาก โดยมีระยะหยุดที่สั้นกว่าพอสมควร
เทียบกับคู่แข่งในตลาดอย่าง โตโยตา ไฮลักซ์ วีโก, มิตซูบิชิ ทไรทัน พลัส, เชฟโรเลต์ โคโลราโด ระยะเบรคของ เรนเจอร์ ใหม่ ในรุ่น ไฮ-ไรเดอร์ และรุ่น 4x4 ไวลด์แทรค ทำได้ดี เบรคมั่นใจและปลอดภัย ทำได้ใกล้เคียงกับ นิสสัน นาวารา ดับเบิลแคบ คาลิเบอร์ มีเพียง นิสสัน นาวารา ดับเบิลแคบ 4x4 ที่มีระยะหยุดช่วงความเร็วต่ำและสูง ดีกว่าคู่แข่งทุกราย โดย ฟอร์ด เรนเจอร์ รุ่น 4x4 ไวลด์ทแรค ใหม่ ที่มีระยะหยุดใกล้เคียงกันมากที่สุดในกลุ่ม
สรุป
สดใหม่ น่าใช้จริง ๆ
ฟอร์ด เรนเจอร์ ดับเบิลแคบ พิคอัพโฉมใหม่ เลือกได้ทั้งแบบมาดเท่ ไฮ-ไรเดอร์ หรือมาดลุย 4x4 หน้าตาโดดเด่น ใหญ่บึกบึน ห้องโดยสารตอบโจทย์โดนใจทั้งเรื่องความสวยงาม โอ่อ่าและนั่งสบาย เก็บเสียงรบกวนได้ดี มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ ขนาด 2.2 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ใหม่ แม้จะเล็กกว่าคู่แข่งทุกรายในตลาด แต่สมรรถนะก็ทำได้พอตัว ตอบสนองการใช้งานได้ดี ช่วงล่างแน่นหนึบ ขับมั่นใจ พร้อมประสิทธิภาพเบรคที่ไว้ใจได้ อีกทั้งยังมีรุ่น ไวลด์ทแรค ที่ตกแต่งเฉพาะ เป็นออพชันให้เลือก ทั้งรุ่น 4x2 ไฮ-ไรเดอร์ และ 4x4 ไวลด์ทแรค เพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์เสริมความปลอดภัยครบครัน
ข้อมูลจำเพาะ ฟอร์ด เรนเจอร์ ดับเบิลแคบ 2.2 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ
ผู้แทนจำหน่าย บริษัท ฟอร์ด เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด�
โทร. 0-2686-5899 หรือ 1-800-293-333
ไฮ-ไรเดอร์ 4x4 ไวลด์ทแรค
มิติ และน้ำหนัก
ยาว/กว้าง/สูง (มม.) 5,359/1,850/1,815
ช่วงล้อ หน้า/หลัง (มม.) 1,560/1,560
ฐานล้อ (มม.) 3,220
น้ำหนัก (กก.) 2,200
ความจุถังเชื้อเพลิง (ลิตร) 80
เครื่องยนต์
แบบ ดีเซล เทอร์โบแปรผัน 4 สูบ 16 วาล์ว
ความจุ (ซีซี) 2,198
กระบอกสูบ/ช่วงชัก (มม.) 86/94.6
อัตราส่วนกำลังอัด 15.7:1
กำลังสูงสุด (แรงม้า/รตน.) 150/3,700
แรงบิดสูงสุด (กก.-ม./รตน.) 37.5/1,500-2,500
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง คอมมอนเรล
ระบบถ่ายทอดกำลัง
เกียร์ (จังหวะ) อัตโนมัติ 6
ขับเคลื่อน (ล้อ) 2 / 4 บางเวลา
ระบบรองรับ
หน้า อิสระ ปีกนก คอยล์สปริง ชอคอับ
หลัง แหนบแผ่นซ้อน ชอคอับ
ระบบบังคับเลี้ยว
แบบ ฟันเฟือง และตัวหนอน พร้อมเพาเวอร์
ระบบห้ามล้อ
แบบ เอบีเอส บีเอ
หน้า จาน พร้อมช่องระบายความร้อน
หลัง ดุม
ไฮ-ไรเดอร์ / 4x4 ไวลด์ทแรค
อัตราเร่ง (วินาที)
0-60 กม./ชม. 5.1 / 5.6
0-80 กม./ชม. 8.2 / 9.0
0-100 กม./ชม. 12.4 /13.6
0-120 กม./ชม. 17.9 / 20.1
0-140 กม./ชม. 26.5 / 30.2
0-400 ม. 18.3/19.0 วินาที ที่ความเร็ว 121.7/117.3 กม./ชม.
0-1,000 ม. 33.9/35.1 วินาที ที่ความเร็ว 151.2/147.7 กม./ชม.
อัตราเร่งยืดหยุ่น (วินาที)
60-100 กม./ชม. 7.3/8.0
80-120 กม./ชม. 10.1/11.0
ห้ามล้อเมื่อหยุดรถกะทันหันจากความเร็ว (ม./ค่าจี)
60-0 กม./ชม 16.2/0.87 15.6/0.91
80-0 กม./ชม. 27.6/0.91 27.9/0.90
100-0 กม./ชม. 44.5/0.88 43.5/0.90
ระดับเสียงรบกวนในห้องโดยสาร (เดซิเบล A)
ที่ความเร็ว 0 กม./ชม. (จอดนิ่ง) 40/41
ที่ความเร็ว 60 กม./ชม. 49/51
ที่ความเร็ว 80 กม./ชม. 53/54
ที่ความเร็ว 100 กม./ชม. 58/58
ที่ความเร็ว 120 กม./ชม. 64/64
ที่ความเร็ว 140 กม./ชม. 68/66
ความคลาดเคลื่อนของมาตรวัดความเร็ว (กม./ชม.)
ที่ความเร็ว 60 กม./ชม. ............
ที่ความเร็ว 80 กม./ชม. ............
ที่ความเร็ว 100 กม./ชม. .........
ที่ความเร็ว 120 กม./ชม. ...............
ที่ความเร็ว 140 กม./ชม. .............
หมายเหตุ:
บรรยายภาพ
A./AA ภาพเปิด
บรรยายภาพ
1. ไฟหน้ามัลทิรีเฟลคเตอร์ พร้อมไฟตัดหมอก
2. กระจังหน้าโครเมียมขนาดใหญ่ ดูหรูหรา
3. ไฟท้ายทรงเหลี่ยมดวงใหญ่ แบ่งไฟเลี้ยว ไฟเบรค ไฟถอย ชัดเจน
4. ห้องโดยสารใช้แนวคิดการออกแบบ "ดูอัล คอคพิท" โอ่อ่า สะดวกสบาย
5. พวงมาลัยติดตั้งระบบมัลทิฟังค์ชัน สามารถควบคุมชุดดูหนัง/ฟังเพลง ครูสคอนทโรล
6. มาตรวัดหน้าสปอร์ท แบ่งช่องชัดเจน พร้อมฟังค์ชันและจอแสดงผลที่ทันสมัย
7. เครื่องเสียง 2 DIN แบบบิลท์-อิน ให้เสียงกระหึ่มดี พร้อมชุดควบคุมระบบแอร์ ทรงกลม
8. เครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล ขนาด 2.2 ลิตร 150 แรงม้า
9. ล้อแมกลายก้านขนาด 17 นิ้ว พร้อมยางขนาด 265/65 R17 แตกต่างกันที่ยางแบบ เอช/ที และ เอ/ที
11. ช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ ปีกนก 2 ชั้น คอยล์สปริง และชอคอับแกส
12. ระบบรองรับหลังแหนบแผ่นซ้อน ชอคอับแกส
13. บันไดข้างสไตล์ซาฟารี สวยดุดัน ทันสมัย
14. เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ทันสมัย มาพร้อมสวิทช์ควบคุมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ทรงกลม ใช้งานง่าย
15. ไฮ-ไรเดอร์ อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใช้เวลา 12.4 วินาที และ 0-1,000 ม. ทำได้ 33.9 วินาที ที่ความเร็ว 151.2 กม./ชม
16. 4x4 ไวลด์ทแรค อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใช้เวลา 13.6 วินาที และ 0-1,000 ม. ทำได้ 35.1 วินาที ที่ความเร็ว 147.7 กม./ชม
17. ไฮ-ไรเดอร์ วัดเสียงที่ความเร็ว 60/80/100/120/140 กม./ชม. ทำได้ 49/53/58/64/68 เดซิเบล
18. วัดเสียงที่ความเร็ว 60/80/100/120/140 กม./ชม. ทำได้ 51/54/58/64/66 เดซิเบล
เรื่องโดย : ณัฐเวช ยอดแสง nattawate@autoinfo.co.th
นิตยสาร 4wheels ฉบับเดือน เมษายน ปี 2555
คอลัมน์ Online : ผลทดสอบ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/30508