การแข่งขันแรลลีสุดหฤโหด ดาการ์ 2012 (DAKAR 2012) จบลงในวันอาทิตย์ที่ 15 มกราคม ที่ผ่านมา ซึ่งปีนี้ความท้าทายมีมากขึ้นกว่าเดิม โดยเส้นทางการแข่งขันพาดผ่านถึง 3 ประเทศ คือ อาร์เจนตินา ชิลี และเปรู มีระยะทางทั้งสิ้น 8,400 กม. โดยเปรูเป็นประเทศใหม่ที่มีโอกาสได้จัดการแข่งขัน และเป็นชาติที่ 27 ที่มีโอกาสเป็นเจ้าภาพในแรลลีรายการนี้

การแข่งขันแรลลีสุดหฤโหด ดาการ์ 2012 (DAKAR 2012) จบลงในวันอาทิตย์ที่ 15 มกราคม ที่ผ่านมา ซึ่งปีนี้ความท้าทายมีมากขึ้นกว่าเดิม โดยเส้นทางการแข่งขันพาดผ่านถึง 3 ประเทศ คือ อาร์เจนตินา ชิลี และเปรู มีระยะทางทั้งสิ้น 8,400 กม. โดยเปรูเป็นประเทศใหม่ที่มีโอกาสได้จัดการแข่งขัน และเป็นชาติที่ 27 ที่มีโอกาสเป็นเจ้าภาพในแรลลีรายการนี้ การแข่งขันในครั้งนี้มีทั้งหมด 14 สเตจ ทำการแข่งขันในประเทศอาร์เจนตินา 5 สเตจ ต่อด้วยประเทศชิลี 5 สเตจ และประเทศเปรู อีก 4 สเตจ โดยมีเส้นชัยอยู่ที่กรุงลิมา ประเทศเปรู ปีนี้ทีมใหญ่อย่าง โฟล์คสวาเกน ไม่ได้ส่งรถเข้าร่วมการแข่งขัน แต่มี 2 ทีมหน้าใหม่ คือ ฮัมเมอร์ และมีนี ที่หันมาลองกับความท้าทายแนวนี้ โดยเฉพาะ มีนี งานนี้ก็ประสบความสำเร็จ และไม่ต้องกลับบ้านมือเปล่า สเตจแรก การแข่งขันเริ่มต้นด้วยความเศร้า เส้นทางจากเมืองมาร์ เดล ปลาตา (MAR DEL PLATA) ถึงซานตา โรซา ลา ปัมปา (SANTA ROSA LA PAMPA) ประเทศอาร์เจนตินา ระยะทาง 57 กม. ปรากฏว่ามีเหตุการณ์น่าเศร้าเกิดขึ้นกับ โจร์เก อังดเรส มาร์ติเนซ โบเอโร (JORGE ANDRES MARTINEZ BOERO) นักบิดเจ้าถิ่นจากทีมเบตา ซึ่งเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ โดยตกจากรถมอเตอร์ไซค์ขณะขี่ขึ้นเนินทราย โดยผู้จัดการแข่งขันเผยว่า ทีมแพทย์เข้าถึงตัวนักแข่งรายนี้หลังเกิดอุบัติเหตุภายในเวลา 5 นาที และนำขึ้นเฮลิคอพเตอร์เพื่อนำตัวส่งไปยังโรงพยาบาล แต่ โบเอโร เสียชีวิตระหว่างเดินทาง กลับมาที่ผลของการแข่งขันสเตจที่ 1 ประเภทรถยนต์ 3 อันดับแรกเป็นของนักขับทีม มีนี ล้วนๆ โดย เลโอนิด โนวิซต์กี (LEONID NOVISTKIY) ชาวรัสเซีย เข้าเส้นชัยเป็นคันแรกด้วยเวลา 32 นาที 12 วินาที ทิ้งห่าง กริซิสซ์โตฟ โฮโลฟชิก (KRZYSZTOF HOLOWCZYC) ชาวโปแลนด์ และชเตฟาเน เพเทร์ฮันเซล (STEPHANE PETERHANSEL) อดีตแชมพ์ 9 สมัย อยู่ 5 และ 9 วินาที ตามลำดับ สเตจ 2-4 แชมพ์เก่า 9 สมัย ขยับขึ้นเป็นผู้นำได้สำเร็จ ต่อมาในสเตจที่ 2 เส้นทางจากเมืองซานตา โรซา ลา ปัมปา ถึงซาน ราฟาเอล (SAN RAFAEL) ในประเทศอาร์เจนตินา นาสเซอร์ ซาเลห์ อัล-อัตติยาห์ (NASSER SALEH AL-ATTIYAH) แชมพ์เก่าจากประเทศกาตาร์ ซึ่งมีปัญหากับเครื่องยนต์ในวันแรก ทำเวลาตามหลังผู้นำอยู่เกือบ 10 นาที กลับมาขับได้อย่างยอดเยี่ยมก่อนจะทำเวลาดีที่สุด คว้าแชมพ์ในช่วงที่ 2 ไปครอง ด้วยเวลา 2 ชั่วโมง 47 นาที 18 วินาที ส่วนอันดับ 2 เป็นของ เพเทร์ฮันเซล ซึ่งทำเวลาตามหลัง 54 วินาที อย่างไรก็ตาม เพเทร์ฮันเซล อดีตแชมพ์ 9 สมัย ก็ขยับขึ้นมาเป็นผู้นำเวลารวมได้สำเร็จ โดยนำห่างอันดับ 2 รอบบี กอร์ดอน (ROBBY GORDON) อยู่ 2 นาที 28 วินาที ส่วน อัล-อัตติยาห์ ขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 6 ทำเวลาตามหลัง เพเทร์ฮันเซล 8 นาที 47 วินาที สเตจ 5-7 โฮโลฟชิก พลิกขึ้นนำ การแข่งขันขับเคี่ยวกันมาต่อเนื่องจนถึงสเตจที่ 5 เส้นทางจากเมืองชิเลซิโต (CHILECITO) ไปยังฟีอัมบาลา (FIAMBALA) เมืองทางตะวันตกเฉียงเหนือของอาร์เจนตินา อยู่ติดพรมแดนกับชิลี ระยะทาง 423 กม. โฮโลฟชิก กลับมาเข้าเส้นชัยด้วยเวลาดีที่สุด 2 ชั่วโมง 10 นาที 51 วินาที พร้อมขยับขึ้นมารั้งอันดับ 2 ของเวลารวม ตามหลัง เพเทร์ฮันเซล ที่เข้าเส้นชัยสเตจนี้ในอันดับ 3 และเป็นผู้นำเวลารวม 4 นาที 18 วินาที สเตจ 8 มีนี มีชัย เส้นทางจากเมืองโกปิอาโป (COPIAPO) ไปยังเมืองอันโตฟากัสตา (ANTOFAGASTA) ประเทศชิลี ระยะทาง 477 กม. นานี โรมา (NANI ROMA) นักขับจากสเปน สังกัดทีม มีนี เข้าเส้นชัยมาเป็นที่ 1 ด้วยเวลา 4 ชั่วโมง 25 นาที 44 วินาที ขณะที่ผู้นำเวลารวมยังเป็น เพเทร์ฮันเซล ที่คว้าอันดับ 4 ของสเตจนี้ เวลารวมอยู่ที่ 20 ชั่วโมง 4 นาที 15 วินาที โดยตลอดเส้นทางการแข่งขัน ตำแหน่งที่ 1 ของแต่ละสเตจยังคงสลับสับเปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง สเตจ 9 การ์ดอน แซงขึ้นนำสำเร็จ เส้นทางระหว่างเมืองอันโตฟากัสตา ไปถึงเมืองอิกิเก (IQUIQUE) ในประเทศชิลี ระยะทางรวม 556 กม. กอร์ดอน สามารถเข้าเส้นชัยได้เป็นคันแรก ด้วยเวลา 4 ชั่วโมง 35 นาที 21 วินาที ส่วนอันดับ 2 เป็นของ เพเทร์ฮันเซล ทำเวลาได้ 4 ชั่วโมง 36 นาที 59 วินาที สเตจ 10-12 โรมา ปีนี้มาแรง เส้นทางจากเมืองอิกิเก เมืองทางตอนเหนือของชิลี ไปยังอาริกา (ARICA) เมืองท่าของชิลี ติดกับประเทศเปรู ระยะทาง 377 กม. โรมา นักขับชาวสเปน สังกัดทีม มีนี กลับมาเข้าเส้นชัยได้เป็นคันแรก ด้วยเวลา 3 ชั่วโมง 59 นาที 37 วินาที โดย เพเทร์ฮันเซล ยังคงนำในเวลารวมต่อไปที่ 28 ชั่วโมง 41 นาที 12 วินาที ตามด้วย โรมา ที่ขึ้นมาครองอันดับ 2 โดยห่างกันอยู่ 19 นาที 5 วินาที สเตจ 13 ตำแหน่งแชมพ์เริ่มเห็นชัด เข้าสู่โค้งสุดท้ายของแรลลีหฤโหด หลังการแข่งขันสเตจที่ 13 ซึ่งเป็นสเตจรองสุดท้ายเสร็จสิ้นลง ผลการแข่งขันก็ออกมาเป็นไปตามที่คาดหมาย โดย เพเทร์ฮันเซล สามารถควบรถ มีนี หมายเลข 302 เข้าเส้นชัยได้เป็นอันดับ 1 ด้วยเวลา 3 ชั่วโมง 9 นาที 47 วินาที ส่วนอันดับที่ 2 คือ ฌีนีล เดอ วิลลิเอร์ส์ (GINIEL DE VILLIERS) นักขับจากแอฟริกาใต้ สังกัดทีม โตโยตา ซึ่งทำเวลาตามหลังอยู่ 8 นาที 29 วินาที ซึ่งตารางเวลารวมค่อนข้างชัดเจนแล้ว เมื่อ เพเทร์ฮันเซล ทำเวลาหลังผ่านไป 13 สเตจ ทั้งสิ้น 38 ชั่วโมง 28 นาที 51 วินาที ทิ้งห่าง โรมา เพื่อนร่วมทีมจากสเปน ซึ่งตอนแรกตามหลังอยู่แค่ 20 นาที แต่ขณะนี้ โรมา มีเวลาตามหลังเพิ่มขึ้นเป็น 42 นาที 57 วินาที สเตจสุดท้าย เป็นไปตามความคาดหมาย หลังเสร็จสิ้นการแข่งขันในสเตจรองสุดท้าย เพเทร์ฮันเซล ซึ่งกำลังใกล้จะเป็นแชมพ์ดาการ์เต็มที เผยกับสื่อมวลชนว่า ขณะนี้ไม่ใช่การแข่งขันเหมือนสเตจที่ผ่านมาแล้ว เพราะตัวเขากำลังพยายามที่จะประคองรถรักษาตำแหน่ง เพื่อเป็นแชมพ์ และวันที่ทุกคนเฝ้ารอคอยก็มาถึง เมื่อเข้าสู่สเตจสุดท้ายในวันที่ 15 มกราคม เส้นทางจากเมืองปิสโก (PISCO) ไปยังกรุงลิมา ประเทศเปรู ระยะทางรวม 254 กม. เพเทร์ฮันเซล อดีตแชมพ์ 9 สมัย จากทีม มีนี ซึ่งมีเวลารวมนำห่างเกือบ 43 วินาที ก่อนทำการแข่งขันในสเตจสุดท้าย ถึงแม้เขาจะพารถ มีนี คู่ใจ เข้าเส้นชัยในอันดับที่ 10 ของสเตจนี้ แต่เวลารวม 38 ชั่วโมง 54 นาที 46 วินาที ก็เพียงพอที่จะขึ้นนำ โรมา เพื่อนร่วมทีมชาวสเปน ที่มีเวลารวมตามหลังอยู่ 41 นาที 56 วินาที และเพเทร์ฮันเซล ก็คว้าแชมพ์ไปครองได้สำเร็จเป็นสมัยที่ 10 หลังจากที่เคยคว้าแชมพ์ประเภทรถยนต์ 3 สมัย และจักรยานยนต์อีก 6 สมัย ของรายการแรลลีสุดหฤโหดรายการนี้ ผลการแข่งขันแรลลี ดาการ์ 2012 สรุปเวลารวม 3 อันดับแรก อันดับ หมายเลขรถ ผู้ขับ ประเทศ/รุ่นรถ เวลา 1 302 ชเตฟาเน เพเทร์ฮันเซล (ฝรั่งเศส/มีนี) 38 ชั่วโมง 54 นาที 46 วินาที 2 305 นานี โรมา (สเปน/มีนี) ตามหลัง 41 นาที 56 วินาที 3 301 ฌีนีล เดอ วิลลิเอร์ส์ (แอฟริกาใต้/โตโยตา) ตามหลัง 1 ชั่วโมง 13 นาที 25 วินาที