THE TWILIGHT SAGA : BREAKING DAWN PART I
"ความโลเลของหญิงสาว"
เคยชมภาพยนตร์เรื่องนี้ครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อน ก็รู้สึกว่ามีความสนุกสนานอยู่บ้างในภาคแรก แต่พอมาภาค 2 ก็ถึงกับทนดูจนจบไม่ได้ ภาค 3 ยิ่งแล้วใหญ่ เปิดผ่านๆ มาเจอก็ต้องเปลี่ยนช่องหนี มาคราวนี้ภาคที่ 4...ถ้าไม่เพราะผู้เขียนได้รับคำขอจากหญิงสาวที่น่ารักให้ไปดูด้วย หัวเด็ดตีนขาดก็คงไม่ไป
เท้าความสำหรับท่านที่ยังไม่ได้ดู นี่คือ หนังเกี่ยวกับความรักของผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ซึ่งถูกแวมไพร์ และมนุษย์หมาป่า รักในคราวเดียวกัน ในภาคแรก เธอเลือกแวมไพร์หนุ่มผู้มีชีวิตอมตะ ซึ่งพร่ำเพ้อว่ารอเธอคนนี้มาตลอดชีวิตที่ยาวนานหลายร้อยปี มนุษย์หมาป่าผู้โตมากับหญิงสาว ก็ได้แต่ทำตาปริบๆ ที่สาวเจ้าไม่เลือก
หลังจากนั้นก็อย่างที่เกริ่นไว้แล้วว่าผู้เขียนไม่ได้ดู และไม่เคยสนใจที่จะดู แม้ทุกภาคจะมีสื่อตีกระแสร้อนแรงแค่ไหนก็ตาม ได้แต่ข่าวลอยลมเข้าหูมาว่า เนื้อหายังคงว่าด้วยความรัก และผู้หญิงในเรื่องก็รักกับคนโน้นทีคนนี้ที
มาคราวนี้หญิงสาวกลับมาลงเอยที่แวมไพร์หนุ่มถึงขั้นแต่งงานกัน ทิ้งให้หมาป่าหนุ่มโหยไห้อย่างเดียวดายเจ็บแค้น อ้อ ลืมบอกไปว่า 2 เผ่าพันธุ์นี้เขาไม่ถูกกัน อารมณ์ประมาณรู้ไส้ อย่าได้ล้ำเส้น ไม่งั้นเป็นเรื่อง
เปิดหน้าหนังมาก็เริ่มเรื่องได้ไม่ผิดหวัง เด็กสาวอายุ 19 ปี ตื่นเต้นกับการมีสามี พ่อแม่พี่น้องผองเพื่อนก็พลอยตื่นเต้นไปด้วย ซักพักก็ถึงฉากที่ทุกคนรอคอย ฮันนีมูนสุดหวานแหววอีโรทิค เสร็จแล้วก็ท้อง จากนั้นท้องก็คลอด คลอดแล้วก็...
ที่จริงมันก็แค่เรื่องของการแทนค่าด้วยสัญลักษณ์ จับความฝันและปัญหาของเด็กสาวเอามาทำเป็นนิยายและเป็นหนัง แน่นอนว่าเด็กสาวทั่วไปก็ย่อมต้องการความรัก และหากเลือกได้ก็ขอให้เป็นความรักจากหนุ่มรูปงาม ร่ำรวย และฉลาด ถ้าเป็นไปได้อีกก็ขอให้เขาเป็นหนุ่มอย่างนั้นไปเรื่อยๆ
ตรงจุดนี้หนังแทนด้วยแวมไพร์หนุ่มตลอดกาล ผู้มีชีวิตอมตะ มีความรู้เพราะเรียนมาตลอดหลายร้อยปี ร่ำรวยมีบ้านสวยงามหลายหลังตามประเทศต่างๆ เพราะต้องย้ายถิ่นฐานอยู่เรื่อยๆ...แน่นอนว่านี่คือ ชายหนุ่มที่เด็กสาวแทบทั้งโลกใฝ่ฝัน ทั้งๆ ที่รู้ว่าผู้ชายที่มีคุณสมบัติแบบนี้ ย่อมเต็มไปด้วยความอันตราย (หนังแทนด้วยความเสี่ยงที่จะถูกจับกินตลอดเวลา หากคุมอารมณ์ไม่อยู่)
แต่อีกใจหนึ่ง เธอก็อยากอยู่กับมนุษย์หมาป่าผู้จงรักภักดี คุ้นเคยและไร้ความอันตรายใดๆ ทั้งยังอบอุ่นเป็นกันเอง เรียบง่ายไม่หวือหวา และพร้อมเสมอที่จะมอบชีวิต จิตใจ และวิญญาณให้กับเธอ...นี่คือ อีกด้านที่หัวใจลึกๆ ของผู้หญิงทุกรายถวิลหา มากกว่าเปลือกนอก...เธอก็ต้องการสัมผัสอันอบอุ่นจากภายใน แต่ถ้าวันไหนเธอทิ้งไป มันก็เหมือนหมาป่าตัวหนึ่งดีๆ นี่เอง
ทีนี้พอถึงภาค 4 มันก็มีเรื่องของเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันสมควรเข้ามา หนังแทนค่าด้วยการตั้งท้องลูกของแวมไพร์ ถ้าเก็บเด็กไว้แม่ก็อาจตาย (ในความจริง คือ การหมดอนาคต เรียนต่อไม่ได้ และชีวิตเปลี่ยนตลอดกาล) โจทย์ของเส้นเรื่องมันมีเท่านี้จริงๆ มันคือ ความโลเลของหญิงสาว ไม่รู้จะรักจะเลิกกับใครดี ดูแล้วก็ได้แต่สังเวช...ยิ่งสเปเชียลเอฟเฟคท์ยิ่งน่าสังเวชเข้าไปใหญ่
COWBOYS & ALIENS
"เสือหนุ่ม สิงห์เฒ่า ประจันบานเอเลียน"
ย้อนกลับไปสมัยที่คนยังขี่ม้ายิงปืน มีนักล่าค่าหัว มีอินเดียนแดง และมีโจร สมัยนั้นทองคำดูจะเป็นความหวังอันสูงสุด ซึ่งจะดลบันดาลให้ทุกฝันกลายเป็นความจริง และแน่นอนว่ามันเป็นสิ่งที่ทุกคนล้วนต้องการ เช่นเดียวกับผู้มาเยือนจากนอกโลก
ณ ดินแดนร้อนแรงกลางทะเลทราย ชายแปลกหน้าคนหนึ่งตื่นขึ้นมาพร้อมกำไลมือแปลกตา เขาไม่รู้ว่าตนเองเป็นคนดี หรือคนร้าย ไม่รู้ว่าตนเองชื่ออะไร สิ่งเดียวที่เขารู้ก็คือ การพูดคุยกับคนอื่นด้วยภาษาอังกฤษ และต่อมาเรารู้ว่าชายคนนี้มีฝีมือด้านการต่อสู้อย่างเหลือร้าย กระนั้นเขาก็มีบาดแผลฉกรรจ์ติดตัวมาด้วย
นักเทศน์ผู้ช่วยทำแผลให้เขา บอกว่า คนโดนยิงมี 2 ประเภท หนึ่ง คือ โจร สอง คือ ผู้เคราะห์ร้าย แล้วนายเป็นคนแบบไหน ชายกำไลแปลกตาก็ตอบไปว่า ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน นักเทศน์จึงเทศน์ต่อว่า บางครั้งคนเลวก็ทำดี บางทีคนดีก็ทำเลว อารมณ์ประมาณจะเป็นคนดี หรือคนเลว ต่อไปก็ขอให้ทำดีซะเถอะนะ อะไรอย่างนั้น
เมื่อเรื่องดำเนินไปได้หลาย 10 นาที เราจึงรู้ว่าเขาชื่อ เจค โลเนอร์แกน ชายผู้มีค่าหัว และเป็นที่น่าสะพรึงกลัวของผู้คน แต่ทำไมถึงมีกำไลแปลกตาติดข้อมืออยู่ก็ไม่รู้ แต่ที่รู้ คือ มีสาวสวยมาสนใจ และคอยติดตามเขาตลอดเวลา
อีก 10 นาทีต่อมา ก็มีสิงห์เฒ่าอีกรายโผล่เข้ามาในเรื่อง ทำท่าว่าจะเก๋าเก่ง จนลูกชายตัวดีอวดเบ่งสรรพคุณพ่อไปทั่ว ทั้งๆ ที่ตัวก็มีคนคอยคุ้มหน้าคุ้มหลัง เอะอะก็ร้องหาพ่อท่าเดียว
พอตัวละครออกมาเริ่มจะครบ หนังก็เข้าเรื่องให้เอเลียน หรือมนุษย์ต่างดาว โผล่เข้ามาแบบตูมตาม ประมาณว่าไม่พูดพร่ำทำเพลง เห็นวูบแรกก็รู้แล้วว่าไม่ได้มาดี ไม่มีการเจรจา อะไรทั้งสิ้น คาวบอยก็ขี่ม้าควักปืนสู้กันไปตามอัตภาพ เห็นแววว่าจะแพ้มาแต่ไกล สุดท้ายกำไลพิสดารของชายแปลกหน้าก็ออกฤทธิ์ยิงยานต่างดาวร่วงไป 1 ลำ
ทีนี้ชาวบ้านก็แตกฮือ เพราะนอกจากจะมาระรานแล้ว เจ้ามนุษย์ต่างดาวมันยังจับตัวคนไปด้วย พ่อเขาเมียใครมันจับหมด ไม่สนหน้าไหน เขาก็เลยวานชายแปลกหน้าให้ช่วยกันตามหาหน่อย สิงห์เฒ่า บาร์เทนเดอร์ นักเทศน์ เด็ก หมา แห่กันไปหมด พอสาวสวยขอไปด้วย นักเทศน์ก็เลยบอกว่า เชิญเลย เด็กก็ไปแล้ว หมาก็ไปด้วย แล้วทำไมผู้หญิงจะไปไม่ได้ล่ะ
จากนั้นเรื่องก็ชักชุลมุน ร้อยพ่อพันแม่ออกเดินทางต่างจุดประสงค์ บางคนจะไปตามเมีย บางคนจะตามปู่ ที่หวังจะรวยหาทองก็มี ที่หวังจะดีแค่อยากช่วยคนก็เอากับเขาด้วย ส่วนตัวเอกของเราก็แค่อยากจะตามหาความจริง...ถามว่าสนุกไหมหนังเรื่องนี้ มันก็แล้วแต่ว่าง่วงมากไหม
เพราะหนังมันค่อนข้างยาวเยิ่นเย้อ ทั้งๆ ที่พลอทเรื่องมีอยู่นิดเดียว หลังๆ มีกลุ่มโจรห้าร้อย อินเดียนแดงอาปาเช และสารพันสารเพประเดประดังเข้ามาร่วมสู้กับเอเลียน สนุกดีเพราะมีนักแสดงดีๆ มาเล่นหลายคน จึงน่าสนใจ มองในมุมดีก็คือ การแหกพลอทเรื่องเดิมๆ ของการเดินทางย้อนอดีตเพื่อไปเจอกับอนาคต และคาดว่าคงจะมีพลอทแนวนี้ตามมาอีกไม่น้อยเลยทีเดียว
ศิลปิน : INGRID MICHAELSON
อัลบัม : HUMAN AGAIN
แนวดนตรี : POP
"ไปสูดอากาศสดชื่นนอกเมืองกัน !"
INGRID MICHAELSON เกิดเมื่อปี 1979 และเป็นลูกสาวของ 2 ศิลปินสามีภรรยา พ่อเป็นนักดนตรี และนักแต่งเพลง ส่วนคนแม่เป็นประติมากร วัยเด็กของเธอคลุกคลีอยู่กับเพียโน และได้รับการอบรมจนเชี่ยวชาญ จนกระทั่งอายุ 7 ขวบ จากนั้นก็วนเวียนอยู่กับโรงเรียนดนตรี กระทั่งเข้ามหาวิทยาลัยก็ยังคงเล่นดนตรีตั้งวงไม่เลิกรา
ในที่สุดเมื่อปี 2005 จึงตัดสินใจออกผลงานชุดแรกในชื่อ SLOW THE RAIN และ GIRLS AND BOYS ในปี 2006 และ BE OK ในปี 2008 จึงได้เล่นเปิดให้กับ JASON MRAZ ในทัวร์คอนเสิร์ทที่อังกฤษ สวีเดน เดนมาร์ค เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี และฝรั่งเศส พอบ่มเพาะความชำนาญด้านการแสดงบนเวทีขนาดใหญ่อย่างเต็มเหนี่ยว กลางปี 2009 จึงจัดทัวร์คอนเสิร์ทของตนเองในชื่อ EVERYBODY ที่สหรัฐอเมริกา และยุโรป ยาวไปจนถึงปี 2010
ผลงานของเธอหลายชิ้นเข้าไปสร้างกระแสในซีรีส์ดังหลายต่อหลายเรื่อง ทั้ง GREY'S ANATOMY, SCRUBS, BONES และ ONE TREE HILL จนกระทั่งได้ออกอัลบัมล่าสุดอีกครั้ง ชื่อว่า HUMAN AGAIN ออกเมื่อต้นปีนี่เอง โดยปล่อยซิงเกิลชื่อขัดแย้งกับอัลบัมว่า GHOST
สำหรับอัลบัมชุดนี้ เธอให้สัมภาษณ์ไว้ว่า ต้องถือเป็นอัลบัมที่มาได้ถูกจังหวะมาก ในขณะที่เราหวังว่ามันจะมีทั้งสิ่งที่เราทำ และสิ่งที่เราไม่ได้ทำ ทั้งหมดรวมอยู่ในนี้ ช่วงเตรียมงานฉันเขียนเพลงขึ้นมามากมาย เพราะต้องการสร้างสิ่งใหม่ๆ ในระหว่างที่ได้ทำงานร่วมกับพ่อ จนกระทั่งเขาถามฉันว่า ไหนล่ะเพลงจังหวะเร็ว ฉันจึงได้รู้ว่ามันไม่มีอยู่ในอัลบัมนี้เลย
แต่นั่นก็ไม่เป็นไร เพราะฉันรักที่จะร้องเพลงร่วมกับอูคูเลเลตัวน้อยของฉัน และฉันก็ไม่ใช่เด็กๆ อีกต่อไปแล้ว บางคราวฉันรู้สึกเสียด้วยซ้ำว่า เวลายืนขึ้นร้องเพลงต่อหน้าผู้คน ฉันจะดูรุนแรง และไม่ไร้เดียงสาอีกแล้ว
ภาพรวมแม้จะดูใสๆ แต่หลายเพลงทั้งเก่าและใหม่ในชุดนี้ เธอทำได้ออกมาน่าพอใจ ไม่สูงส่งจนฟังยากหรือใช้เวลานานกว่าจะเข้าถึง เป็นเพลงประเภทได้ยินปุ๊บก็รักปั๊บ ไม่ต้องตีความวุ่นวาย ด้วยความที่ใช้ภาษาและการสื่อสารอารมณ์จากเมโลดีที่เรียบง่าย
ใครเบื่อเพลงแจซ์ซ์บีบอารมณ์ เบื่อเพลงพอพกรุบกริบ ลองหันมาหา INGRID MICHAELSON ไล่ฟังตั้งแต่อัลบัมแรกๆ ยันมาถึงอัลบัมกลางๆ อย่าง BE OK จนถึงอัลบัมล่าสุด HUMAN AGAIN ปรับแอร์ภายในรถให้ได้อุณหภูมิพอเหมาะ เลือกแว่นกันแดดสีสวย แล้วหันหัวรถออกไปสูดอากาศสดชื่นนอกเมืองกัน !
ศิลปิน : VARIOUS ARTIST
อัลบัม : MUSIC & WINE
แนวดนตรี : POP/JAZZ/BOSSA
"จิบไวน์เบาๆ เคล้าคลอเสียงเพลง"
6 แผ่น 78 บทเพลงคุณภาพ จากนักร้องเจ้าของบทเพลงต้นฉบับ คละเคล้ากันทั้งเวอร์ชันใหม่ และเก่า สำหรับการฟังเพื่อการดื่มโดยเฉพาะ ให้ความสุขกับวันเบาๆ โดยที่คุณไม่ต้องเหนื่อยใจในการคัดสรรบทเพลงมาเติมเต็มวันที่อยากจะพักผ่อน
เพราะเสียงเพลง คือ อาหารหู การเปิดโสตสัมผัสเพื่อพบกับบทเพลงชั้นดี ย่อมเปรียบได้กับการเติมความสดชื่นความสุขให้กับอารมณ์ความรู้สึกผ่านการฟัง WARNER MUSIC จึงจับเพลงดีๆ เพลงดังๆ ฟังชิลล์ๆ หลากหลายสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นแจซ์ซ์ พอพ โซล และอาร์แอนด์บี มาเข้าคู่กับไวน์ เครื่องดื่มเพื่อความรื่นรมย์อย่างนุ่มนวล ในอัลบัมชุด MUSIC & WINE
ทั้ง 78 บทเพลง คัดสรรและจัดหมวดหมู่มาตามสไตล์ ให้เข้ากับเอกลักษณ์ของรสชาติไวน์หลากชนิดได้อย่างลงตัว เริ่มจาก ไวน์แดงรสเข้ม (HEAVY RED) ก็ต้องคู่กับเพลงแจซ์ซ์ถึงๆ อย่าง ROUND MIDNIGHT, SOMEWHERE IN THE NIGHT, AUTUMN LEAVES หรือ IN A SENTIMENTAL MOOD ในซีดีแผ่นที่ 1
ส่วนผู้ที่ต้องการรับรสสัมผัสของไวน์ขาว ก็ต้องดื่มคู่กับเพลงที่ค่อนข้างตรึงอารมณ์ และสมัยใหม่ขึ้นมาอีกนิด กับบทเพลงในแนวแจซ์ซ์เนิบช้า อย่างเช่น DON'T KNOW WHY, PUT YOUR RECORDS ON, A LOVE THAT WILL LAST หรือ STILL COLD ทั้งหมดนี้มาในซีดีแผ่นที่ 3
สำหรับผู้ที่ต้องการอารมณ์ของการจิบไวน์โรเซ (ROSE WINE) ไวน์สีชมพูรสชาติอ่อนอมหวานหอม เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นดื่มไวน์ นิยมดื่มกันแบบแช่เย็น พร้อมกับอาหารทุกชนิด ก็ต้องฟังเพลงแนวบอสซาโนวา ซึ่งรวบรวมเอาบทเพลงอย่าง GIRL FROM IPANEMA, A MAN AND A WOMAN, LA VIE EN ROSE, LOVE FOR SALE และเพลงอื่นๆ สุดแสนจะรื่มรมย์ในซีดีแผ่นที่ 4
แต่ถ้าชอบจิบไวน์หวาน ก็ต้องคู่กับพอพละเมียดอบอุ่น เช่น I'M IN THE MOOD FOR LOVE, YOU ARE SO BEAUTIFUL, I STARTED WITH A KISS, TRUE LOVE WAYS, DON'T KNOW MUCH และ I SWEAR ในซีดีแผ่นสุดท้ายแผ่นที่ 6
ในแพคเกจยังมี BOOKLET สุดพิเศษ บอกวิธีการเลือกไวน์ประเภทต่างๆ และวิธีดื่มให้ได้อรรถรสจากฝีมือการเขียนของ RONNY LAU นักชิมไวน์ชื่อดังจากฮ่องกง เรียกได้ว่าอัดแน่นมาทั้งบทเพลงดีๆ 79 เพลง พร้อมสไตล์เครื่องดื่มที่เข้ากับโสตเสียง และความรู้ในการเลือกไวน์จากกูรูผู้ช่ำชอง เข้าตำราว่าดื่มไปด้วยฟังเพลงไปด้วย
ทั้งหมดนี้มาในแพคเกจสุดคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม ราคา 599 บาท ซื้อไว้ใส่รถ รับรองว่าเพลินกับรถติดจนอยากจะแวะหาน้องๆ แล้วจิบอะไรเบาๆ แก้เมื่อย นั่งฟังเพลงชิลล์ๆ พอให้หน้ากลับมาตึงเหมือนเดิม...แล้วก็ค่อยกลับบ้านเชียวล่ะ
เรื่องโดย : ปัญญ์ carstereo@autoinfo.co.th
นิตยสาร Carstereo ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2555
คอลัมน์ Online : คอลัมน์ประจำ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/30351