ทั่วไป
ผ่านพ้นมหาอุทกภัยกันไปแล้ว ก็ต้องมาเริ่มต้นนับหนึ่งกันใหม่ สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ของบ้านเรา ที่โดน ป้าน้ำ เล่นงานเสียอ่วม
ผ่านพ้นมหาอุทกภัยกันไปแล้ว ก็ต้องมาเริ่มต้นนับหนึ่งกันใหม่ สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ของบ้านเรา ที่โดน ป้าน้ำ เล่นงานเสียอ่วม
แต่ก็ทำให้ใครหลายคน ได้ตระหนักว่า ฝีมือของคนไทยนั้น ไม่ได้เป็นที่สองรองใครในโลกใบนี้ ถ้าหากมีความตั้งใจกันจริงๆ แล้ว เพราะผลกระทบจากโรงงานผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ที่ทำให้ต้องหยุดการผลิต เพราะเชื่อคำพูดของคนบางคนที่ว่า เอาอยู่ น้ำเลยท่วมโรงงานเสียมิดเชียว มันลามไปทั่วโลก ทำเอาโรงงานประกอบรถยนต์ในสหรัฐอเมริกา แถมในญี่ปุ่นด้วยแหละ ต้องดีเลย์การผลิต เพราะต้องใช้ชิ้นส่วนจากบ้านเรา เลยต้องวิ่งหาชิ้นส่วนทดแทนเอาจากประเทศอื่น เป็นข่าวใหญ่โต
รวมทั้งกระเทือนไปถึงยอดขาย ในเดือนพฤศจิกายน ที่ ป้าน้ำ ยังเที่ยวเล่นกรุงเทพ ฯ อย่างสนุกสนาน ทำเอายอดขายหดลงไปถึง 67.5 % ขายกันเหลือแค่ 25,664 คัน เท่านั้นเอง
ไหนๆ ก็ผ่านกันไปแล้ว มาดูผลพวงที่เกิดขึ้นดีกว่า เรื่องแรก ก็เรื่องของสนามบินดอนเมือง ที่กลายเป็น แอ่งน้ำมหึมา แก้มลิงขนาดมโหฬาร ขนาดถนนหน้าสนามบินยังสูงจนถึงขอบรั้ว เกือบ 2 เมตรทีเดียว จนป่านนี้ แม้ว่าน้ำจะลดลงแล้ว แต่ความเสียหายก็มโหฬารเช่นกัน ทำให้สายการบินในประเทศ อย่าง นกแอร์ กับ โอเรียนท์ไทย ต้องไปใช้บริการของสนามบินสุวรรณภูมิ แทน
กรมการบินพลเรือน ที่เป็นเจ้าภาพ บอกว่า กำลังเร่งปรับปรุงระบบต่างๆ คาดว่า จะสามารถให้บริการเชิงพาณิชย์ได้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2555 จากที่คาดว่า จะให้บริการได้ต้นเดือนเมษายน เพราะสำรวจแล้ว รันเวย์ฝั่งตะวันออก ยังคงแข็งแรง ส่วนฝั่งตะวันตก ก็ต้องติดตั้งระบบไฟนำทาง และปรับปรุงอาคารผู้โดยสาร ส่วนที่ต้องซ่อมใหญ่ ก็เป็นระบบนำร่องเท่านั้น
ส่วนค่าเสียหายโดยรวม ก็ประมาณ 540 ล้านบาท เท่านั้นเอง
ก็เอามาจากภาษีของเราๆ ท่านๆ นี่แหละ โปรดอย่าลืม
ฝั่งทางสุวรรณภูมิ ก็แอบบ่นอยู่ในใจ ว่า ตอนนี้ทำสถิติปริมาณการจราจรทางอากาศ สูงสุดใหม่แล้ว จากเดิมที่ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 800-900 เที่ยวบิน/ชั่วโมง กลายเป็น 1,000 เที่ยวบินเข้าไปแล้ว ช่วยซ่อมให้เสร็จเร็วๆ หน่อยเถอะพ่อคุณ
เรื่องถัดไปเป็นการรายงาน แจ้งข่าวมายังประชากรฝั่งสำโรง เพราะขณะนี้ ช.การช่าง เซ็นสัญญางานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ สัญญาที่ 1 มูลค่าสัญญาประมาณ 14,088,600,000 บาท (หนึ่งหมื่นสี่พันแปดสิบแปดล้านหกแสนบาทถ้วน) ผิดตกยกเว้น ฮ่า ฮ่า เพราะมันเยอะ
ก็เรียนมาล่วงหน้า ว่าหลังจากการเซ็นสัญญาแล้ว ระยะเวลาแล้วเสร็จประมาณ 1,350 วัน ก็เตรียมการ เข้าพื้นที่ก่อสร้างแล้ว แจ้งมาเพื่อทราบ ให้เตรียมตัว เตรียมใจเอาไว้ ว่าการจราจรจะค่อยๆ เริ่มคับคั่งขึ้นไป ตามลำดับ
เริ่มนับถอยหลังกันได้แล้ว
เรื่องถัดมา เป็นเรื่่องของขวัญ สวัสดีปีใหม่ จากกระทรวงพลังงาน เตรียมการปรับราคาแกสธรรมชาติ ซีเอนจี มีผลตั้งแต่ วันที่ 16 มกราคม โดยทยอยปรับขึ้น เดือนละ 0.50 บาท จากราคาปัจจุบัน 8.50 บาท ขึ้นไปอีก 6 บาท
สาเหตุก็เพราะต้นทุนขาย สูงกว่าราคาจำหน่าย โดยราคาเนื้อแกส ซึ่งจะต้องรวมเฉลี่ยแกสอ่าวไทย แกส จากพม่า และ แอลพีจี เมื่อบวกค่าผ่านท่อแล้วราคาอยู่ที่ 9.90 บาท/กก. ขณะที่ราคาจำหน่าย ซีเอนจี ในเขต กทม. 8.50 บาท/กก. และต่างจังหวัดไม่เกิน 10.34 บาท/กก. และเมื่อรวมค่าขนส่ง ค่าลงทุนสถานีแม่ และสถานีลูกแล้ว ราคาจะอยู่ที่ 14.90 บาท/กก. จึงทำให้การจำหน่าย ซีเอนจี ในช่วงเกือบ 10 ปี ปตท. แบกภาระ ขาดทุนมาโดยตลอด ประมาณเกือบ 4 หมื่นล้านบาท
งานนี้ ภาครัฐก็อ้างว่า ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ กพช. แล้ว เพราะตั้งราคาต้นทุนในปัจจุบันไว้ที่กิโลกรัมละ 14.50 บาท
และด้วยอุปนิสัยแบบไทยๆ ของเรา (หรือที่ตา นม อุโด้ด บอกเอาไว้ว่า ไทยแลนด์ โอนลี) ก็จะต้องมีการปิดถนน ประท้วงกันแถวกระทรวงพลังงาน แน่นอน รวมทั้งประชาชนตาดำๆ จะหาแทกซีขึ้น ได้ยากเย็น หรือจะโดน โขกราคา ที่เรียกกันว่า แจ้งให้ทราบก่อนขึ้นรถ ว่าจะบวกเพิ่มอีกเท่าไร โดยที่กลายเป็น ภาระจำยอมแค่เรียกแทกซีเดี๋ยวนี้ ต้องเปิดประตูรถ บอกจุดหมายก่อน ถ้าพี่เขาส่ายหน้า ก็ต้องปิดประตู แล้วคอยรถคันใหม่ ให้กฎระเบียบที่บอกว่า แทกซีต้องรับผู้โดยสาร โดยไม่มีข้อปฏิเสธใดๆ น่ะ มันแค่เขียนอยู่ในกระดาษ เท่านั้นเองใครอยากเถียง มาได้เลย
อีกเรื่องหนึ่ง เรื่องจากที่ท่านๆ ทั้งหลาย หาเสียงกันเอาไว้ ก่อนได้เข้ามาเป็นรัฐบาล ที่ท่านบอกว่า จะให้ค่าแรงขั้นต่ำอยู่ที่ 300 บาท
สภาองค์การนายจ้าง ยื่นหนังสือให้หลวงไปแล้ว ขอให้เลื่อนการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ จากที่กำหนดไว้ วันที่ 1 เมษายน 2555 ออกไปเป็นวันที่ 1 มกราคม 2556 โดยให้เหตุผลว่า ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ฝั่ง องค์กรลูกจ้าง ก็ยื่นหนังสือไปยังคณะกรรมการค่าจ้าง โดยขอให้เลื่อนการบังคับใช้ อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ เข้ามาเป็นวันที่ 1 มกราคม 2555 ให้เหตุผลว่าเป็นการเพิ่มกำลังซื้อ และกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ
แต่ที่แน่ๆ ก็คือ ประกาศอัตราค่าจ้างใหม่ ได้ประกาศลงราชกิจจานุเบกษาไปแล้ว โดยเลื่อนการบังคับใช้ ไปเป็นวันที่ 1 เมษายน แล้ว
ท่ามกลางจดหมายที่ว่อนไปมานี้ คณะกรรมการค่าจ้างกลางได้มีมติ แต่งตั้งอนุกรรมการ อัตราค่าจ้าง ตามมาตรฐานฝีมือแรงงานใน 6 สาขาอาชีพ ประกอบด้วย ช่างก่อสร้าง ช่างอุตสาหการ ช่างเครื่องกล ช่างไฟฟ้าอีเลคทรอนิคส์และคอมพิวเตอร์ ช่างอุตสาหกรรมศิลป์ และสาขาอาชีพ ภาคบริการ เพื่อพิจารณาว่า ควรจะให้ค่าฝีมือเท่าใด รวมทั้งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการค่าจ้างจังหวัดใน 4 จังหวัด คือ กาญจนบุรี สุพรรณบุรี อุทัยธานี และนครราชสีมา เพื่อให้พิจารณาอัตราค่าจ้างที่เหมาะสมไปแล้ว
เรื่องนี้ กว่าจะหยิบมาตกลงกันอีกหน ก็หลังปีใหม่โน่นแหละ
เรื่องเริ่มกันใหม่ ในปี 2555 นี่ ทำไมมันเยอะเหลือเกิน แต่ก็เพื่อความก้าวหน้าของอุตสาหกรรม ยานยนต์บ้านเรา เริ่มกันให้ดีแล้วกัน
เรื่องโดย : มือบ๊วย formula@autoinfo.co.th
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2555
คอลัมน์ Online : ทั่วไป
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/30321