ซีเอกซ์-5 ครอสส์โอเวอร์เอสยูวีแบบใหม่นี้ เปิดตัวสู่สายตาชาวญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกในงานมหกรรมยานยนต์โตเกียว เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา หลังจากนำไปแสดงในงานมหกรรมยานยนต์ฟรังค์ฟวร์ทเมื่อเดือนกันยายน โดยวางตัวอยู่ในกลุ่มสินค้ายุคใหม่ของ มาซดา ที่ใช้ "สกายแอคทีฟเทคโนโลยี" (SKYACTIV TECHNOLOGY) เทคโนโลยีจากการปฏิรูปใหม่อย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ มาซดา

ซีเอกซ์-5 ครอสส์โอเวอร์เอสยูวีแบบใหม่นี้ เปิดตัวสู่สายตาชาวญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกในงานมหกรรมยานยนต์โตเกียว เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา หลังจากนำไปแสดงในงานมหกรรมยานยนต์ฟรังค์ฟวร์ทเมื่อเดือนกันยายน โดยวางตัวอยู่ในกลุ่มสินค้ายุคใหม่ของ มาซดา ที่ใช้ "สกายแอคทีฟเทคโนโลยี" (SKYACTIV TECHNOLOGY) เทคโนโลยีจากการปฏิรูปใหม่อย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ มาซดา ซีเอกซ์-5 มีกำหนดเปิดจำหน่ายในประเทศต่างๆ ทั่วโลกไปตามลำดับ เริ่มตั้งแต่ต้นปีนี้เป็นต้นไป ซีเอกซ์-5 ที่ใช้สกายแอคทีฟเทคโนโลยีกับส่วนต่างๆ ทั้งหมด ตั้งแต่เครื่องยนต์เบนซิน เครื่องยนต์ดีเซล ระบบถ่ายทอดกำลัง ตัวถัง รวมไปถึงแชสซีส์ ซีเอกซ์-5 ที่ผลิตสำหรับตลาดยุโรป ใช้เครื่องยนต์เบนซินแบบไดเรคท์อินเจคชัน "สกายแอคทีฟ-จี 2.0" (SKYACTIV-G2.0) และเครื่องยนต์ดีเซล 2 แบบ คือ แบบมาตรฐาน กับ "สกายแอคทีฟ-ดี 2.2" (SKYACTIV-D2.2) ที่ปล่อยแกสคาร์บอนไดออกไซด์ในปริมาณต่ำกว่า 120 กรัม/กม. ยิ่งกว่านั้น ซีเอกซ์-5 กลายเป็นรถผลิตออกจำหน่ายรุ่นแรก ที่ใช้หัวข้อในการออกแบบใหม่ "SOUL OF MOTION" ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านั้น ในรถต้นแบบ มาซดา "ชินาริ" (SHINARI) และ มาซดา "มินะกิ" (MINAGI) ซึ่งเป็นการปฏิรูปการออกแบบเอสยูวีใหม่ โดยแสดงให้เห็นถึงการออกแบบที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ มาซดา ในมุมมองด้านหน้าที่ใช้ลักษณะประจำตระกูล (FAMILY FACE) แบบใหม่ ซึ่งดูมีมิติ และทรงพลัง และสไตล์ที่มีการขัดเกลาจนดูเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิตและได้ความรู้สึกปราดเปรียว เป็นต้น ซีเอกซ์-5 ผ่านมาตรฐานการควบคุมไอเสียระยะยาวแผนใหม่ฉบับหลังของญี่ปุ่น โดยไม่ได้ใช้อุปกรณ์บำบัดไนโตรเจนออกไซด์ในไอเสียที่มีราคาแพง และใช้ระบบทอนรอบหมุนที่เกินความจำเป็น (IDLING STOP SYSTEM) ทำให้รถที่บรรจุเครื่องยนต์เบนซินแบบวี 6 สูบ ความจุ 4.0 ลิตร สามารถทำแรงบิดสูงสุดเบียดขึ้นไปได้ถึง 42.8 กก.-ม. ประหยัดเชื้อเพลิงได้ถึง 18.6 กม./ลิตร (ขับเคลื่อน 2 ล้อ-เกียร์อัตโนมัติ JC08 โหมด) ครั้งนี้ มาซดา ประสบความสำเร็จในการปฏิรูปเทคโนโลยี ด้วยการทำระบบเผาไหม้ให้สะอาดนั่นเอง ทำให้สามารถปรับทั้งแรงบิดสูงสุดขึ้นมาประมาณ 2 เท่าและประหยัดเชื้อเพลิงกว่ารถในระดับเดียวกัน (ประมาณ 30 %) ทั้งนี้ มาซดา วางแผนที่จะใช้เทคโนโลยีคลีนดีเซลเป็นหลักสำคัญ สายผลิตภัณฑ์ในญี่ปุ่น และในอนาคต อนึ่ง ระบบทอนรอบหมุน ฯ ดังกล่าวเป็นระบบที่มีการพัฒนาสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล ทั้งนี้ ระบบที่ใช้กับเครื่องยนต์ดีเซลโดยทั่วไป จะเริ่มเผาไหม้หลังการอัดอากาศช่วงที่ 2 หลังปลดระบบทอนรอบหมุน ฯ แต่ระบบดังกล่าวจะหยุดกระบอกสูบไว้ ณ ตำแหน่งที่จะเริ่มเคลื่อนตัวใหม่ได้ง่าย และเริ่มเผาไหม้หลังการอัดอากาศช่วงที่หนึ่ง ทำให้สามารถเริ่มเคลื่อนตัวใหม่ได้ภายใน 0.40 วินาที ซึ่งเร็วที่สุดในโลกสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล จึงได้ผลในการปรับปรุงที่ดีขึ้นทั้งด้านความรู้สึกในการใช้งานที่ราบรื่นอย่างไม่สะดุดอารมณ์ และด้านการประหยัดเชื้อเพลิงที่ยอดเยี่ยม