เมื่อพูดถึงรถกิจกรรมกลางแจ้งสายพันธุ์อังกฤษ รับประกันได้เลยว่า ชื่อแรกที่คนรักรถ 99 ใน 100 คนจะนึกถึง คือ แลนด์ โรเวอร์ (LAND ROVER) รถกิจกรรมกลางแจ้งที่มีประวัติความเป็นมาเก่าแก่เป็นอันดับ 2 รองจากรถ จีพ (JEEP) ของสหรัฐอเมริกา บริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายนี้ ก่อตั้งกิจการขึ้นในเมืองผู้ดี เมื่อปี 1948 และปัจจุบันมีฐานะเป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่มีบริษัทผู้ผลิตรถ ทาทา (TATA) ของอินเดียเป็นเจ้าของ ยักษ์ใหญ่ของเมืองภารตะรับซื้อกิจการผลิตและจำหน่ายรถ แจกวาร์ และ แลนด์ โรเวอร์ จากเจ้าของเดิม คือ ฟอร์ด มอเตอร์ คัมพานี (FORD MOTOR COMPANY) เมื่อปี 2008 และรวมกิจการเข้าด้วยกันภายใต้ชื่อ แจกวาร์ แลนด์ โรเวอร์ (JAGUAR LAND ROVER) อย่างที่เป็นในปัจจุบัน

เมื่อพูดถึงรถกิจกรรมกลางแจ้งสายพันธุ์อังกฤษ รับประกันได้เลยว่า ชื่อแรกที่คนรักรถ 99 ใน 100 คนจะนึกถึง คือ แลนด์ โรเวอร์ (LAND ROVER) รถกิจกรรมกลางแจ้งที่มีประวัติความเป็นมาเก่าแก่เป็นอันดับ 2 รองจากรถ จีพ (JEEP) ของสหรัฐอเมริกา บริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายนี้ ก่อตั้งกิจการขึ้นในเมืองผู้ดี เมื่อปี 1948 และปัจจุบันมีฐานะเป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่มีบริษัทผู้ผลิตรถ ทาทา (TATA) ของอินเดียเป็นเจ้าของ ยักษ์ใหญ่ของเมืองภารตะรับซื้อกิจการผลิตและจำหน่ายรถ แจกวาร์ และ แลนด์ โรเวอร์ จากเจ้าของเดิม คือ ฟอร์ด มอเตอร์ คัมพานี (FORD MOTOR COMPANY) เมื่อปี 2008 และรวมกิจการเข้าด้วยกันภายใต้ชื่อ แจกวาร์ แลนด์ โรเวอร์ (JAGUAR LAND ROVER) อย่างที่เป็นในปัจจุบัน ในช่วงเวลา 2 ทศวรรษ คือ ระหว่างปี 1990 จนถึงปี 2010 แลนด์ โรเวอร์ มีรถกิจกรรมกลางแจ้งให้ลูกค้าในตลาดทั่วโลก เลือกใช้เพียง 5 อนุกรม คือ แลนด์ โรเวอร์ ดีเฟนเดอร์ (LAND ROVER DEFENDER) แลนด์ โรเวอร์ ฟรีแลนเดอร์ (LAND ROVER FREELANDER) แลนด์ โรเวอร์ ดิสคัฟเวอรี (LAND ROVER DISCOVERY) แลนด์ โรเวอร์ เรนจ์ โรเวอร์ (LAND ROVER RANGE ROVER) และ แลนด์ โรเวอร์ เรนจ์ โรเวอร์ สปอร์ท (LAND ROVER RANGE ROVER SPORT) ส่วน แลนด์ โรเวอร์ เรนจ์ โรเวอร์ อีโวค (LAND ROVER RANGE ROVER EVOQUE) ที่เลือกมาให้ชมกันในเดือนนี้ หลังจากที่เคยนำเสนอมาแล้ว 2 ครั้ง ใน "ข่าวรอบโลก" เป็นรถอนุกรมใหม่ล่าสุด และมีขนาดตัวถังเล็กที่สุด ตัวจริงเสียงจริง เพิ่งอวดตัวต่อสายตาสาธารณชนเป็นครั้งแรกเมื่อกลางปีเสือดุ และฤดูร้อนของปีกระต่ายนี้ จะออกตลาดในเมืองผู้ดี ไม่ใช่รถอนุกรมใหม่ ที่เริ่มต้นการออกแบบด้วยกระดาษเปล่า แต่พัฒนาจากรถอนุกรมพี่ คือ แลนด์ โรเวอร์ ฟรีแลนเดอร์ (LAND ROVER FREELANDER) ซึ่งอยู่ในสายการผลิตมาตั้งแต่ปี 2006 โดยตั้งเป้าหมายในการออกแบบและพัฒนาว่า MAKING THE SMALLEST LAND ROVER SHARE THE CHARACTERISTICS OF THE BIGGEST หรือ "ทำรถ แลนด์ โรเวอร์ ขนาดเล็กสุด ที่มีคุณลักษณะของรถขนาดใหญ่สุด" มีตัวถังให้เลือกใช้ 2 แบบ คือ แบบ 3 ประตู กับแบบ 5 ประตู ซึ่งยาว 4.355 ม. และกว้าง 1.965 ม. เท่ากันแต่ความสูงต่างกันเล็กน้อย คือ 1.605 กับ 1.635 ม. รูปทรงองค์เอวของตัวถังทั้ง 2 แบบ สรุปได้อย่างสั้นๆว่า "ยอดเยี่ยม" ไม่ได้ออกแบบเป็นกล่องเหลี่ยมทื่อๆ ทู่ๆ เหมือนรถยี่ห้อเดียวกันรุ่นอื่นๆ แต่เต็มไปด้วยเส้นสาย และจุดดึงดูดสายตา โดยเฉพาะส่วนหลังคาที่ลาดจากหน้าไปหาท้ายอย่างเห็นได้ชัด ไม่ใช่หลังคาตั้งตรงเหมือนหมวกอย่างที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า TOP-HAT CAR ภายในห้องโดยสาร ซึ่งทีมงานออกแบบมีหวานใจของนักเตะชื่อก้องโลก คือ วิคทอเรีย เบคแฮม VICTORIA BECKHAM) ร่วมให้ความเห็นอยู่ด้วย ได้รับการวิจารณ์ว่าทำได้ดี แทบไม่มีที่ติ ทั้งผู้ขับ และผู้โดยสารจะมีความรู้สึกเหมือนนั่งอยู่ในรถซาลูนระดับหรู ไม่ใช่รถ เอสยูวี ที่นั่งสูงดังรถยี่ห้อเดียวกันรุ่นอื่นๆ มีทั้งแบบขับล้อหน้า และขับทุกล้อ โดยที่แบบขับล้อหน้ามีเครื่องยนต์เพียงขนาดเดียว คือ เครื่องเทอร์โบดีเซลฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง (คอมมอนเรล) DOHC 4 สูบเรียง 2,179 ซีซี 150 แรงม้า ถ่ายทอดกำลังผ่านระบบเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ ส่วนแบบขับทุกล้อ มีเครื่องยนต์ให้เลือกใช้ถึง 3 ขนาด คือ เครื่องเทอร์โบ ฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC 4 สูบเรียง 1,999 ซีซี 240 แรงม้า ถ่ายทอดกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ กับเครื่องเทอร์โบดีเซลฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง (คอมมอนเรล) DOHC 4 สูบเรียง 2,179 ซีซี 150 หรือ 190 จังหวะ ถ่ายทอดกำลังผ่านระบบเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ หรือเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ สมรรถนะความเร็วตามตัวเลขของผู้ผลิต รุ่นพื้นฐานซึ่งเป็นรถขับล้อหน้า และมีค่าตัวเริ่มต้นที่ระดับ 30,000 ปอนด์อังกฤษ หรือประมาณ 1.5 ล้านบาทไทย อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ใน 11.2 วินาที ความเร็วสูงสุด 180 กม./ชม. ส่วนรุ่นหัวกะทิซึ่งเป็นรถขับทุกล้อติดเครื่องเทอร์โบเบนซิน 240 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ใน 7.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 217 กม./ชม. มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 8.7 ลิตร/100 กม. หรือ 11.5 กม./ลิตร และมีอัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ที่น่าพอใจ คือ 199 กรัม/กม.