PRECIOUS
"หนอนเน่าในระบบที่ทรงประสิทธิภาพ"
พรีเชียส (PRECIOUS) คือ เด็กหญิงผิวดำมะเมื่อมอายุ 16 ปี แต่ร่างใหญ่กว่าใครในชั้นเรียนเดียวกัน เธอกำลังท้อง และเป็นท้องครั้งที่ 2 โดยพ่อเดียวกันกับแม่ของเธอ นั่นหมายความว่า พ่อของเธอได้กับแม่ของเธอ และก็ได้กับเธอจนมีลูกด้วยกัน 2 คน (ถ้ายังสงสัยในความบัดซบของมนุษย์ กรุณาตั้งสติก่อนชมภาพยนตร์เรื่องนี้)
พรีเชียส ถูกไล่ออกจากโรงเรียน เมื่อครูรู้ว่าเธอตั้งท้องลูกคนที่ 2 จนต้องย้ายไปอยู่โรงเรียนทางเลือก (ALTERNATIVE SCHOOL) ไม่นานหนังก็ทำให้เรารู้ว่าเธออ่านไม่ออก แม้จะเคยได้คะแนนดีในวิชาเลข
มาก่อน
พรีเชียส ยังมีเพื่อนร่วมชั้นเรียนอีกมาก ที่เรายังคงคาใจกับความเป็นมาเป็นไปของพวกเธอ กระนั้นการได้ครูที่ดีก็ทำให้พวกเธอดูมีแววมากขึ้น ไม่เว้นแม้แต่นางเอกตุ้ยนุ้ยผิวคล้ำจัดของเรา
ภาพยนตร์เรื่อง PRECIOUS โผล่มาเมื่อ 2 ปีก่อน มีสื่อไทยให้ความสนใจไม่น้อย แต่ก็ไม่มากไปกว่าการพูดถึงปัญหาตั้งครรภ์ และการขืนใจในครอบครัว เสร็จแล้วหนังก็หายเข้ากลีบเมฆ แม้กระทั่งร้านเช่ายังหาดูได้ยาก จะบอกว่าไม่สนุกก็ไม่ใช่ เรื่องแบบนี้ดูไปจะหาความสนุกได้ยังไง คนเช่าเขาก็กลุ้มอยู่ เรื่องของตัวเองก็เยอะอยู่แล้ว
จะดูหนังเพื่อความบันเทิง ดันเจอประเด็นหนักอก ดูแล้วก็เครียดหน่อยๆ (ทั้งๆ ที่จริงควรจะเครียดเยอะมาก) แต่หนังเขาก็ทำดี เขาช่วยคลายความตึงเครียดด้วยการตัดภาพไวไปมา ภาพจริงภาพฝันมันตัดกันฉึบฉับ
หนังจึงไม่ปล่อยให้เราหดหู่ แม้แต่ช่วงเวลาที่ถ้าเป็นเราจริงๆ คงจะเสียจริตสติสัมปะชัญญะกระเด็นหล่นไปนานแล้ว แต่ พรีเชียส ก็ยังทนได้ด้วยการ "สับสวิทช์" พาตนเองเข้าสู่ความฝัน ฝันว่าเป็นนักร้อง คนดัง หรืออะไรก็ตามที่ดูเฉิดฉายไฉไลใต้แสงไฟ เหมือนเธอเป็นมากกว่า "ใครคนหนึ่ง" ที่ชีวิตตกต่ำ จนเราสงสัยว่า การสร้างภาพฝันนั้นมันช่วยให้เธอ "ตั้งหลังตรง" ได้ขนาดนี้เชียวหรือกระทั่งกระจกเงาต่อหน้าเธอยังฉายภาพสะท้อนเป็นเด็กหญิงผิวขาวรูปร่างโอดองค์ เพราะเธอหลอกตนเองถึงขั้นไม่เห็นตัวเองแล้ว...ก็เข้าใจว่าเด็กอายุเท่านี้ ชีวิตเจอแบบนี้ ทางเลือกมันก็มีไม่มาก อะไรที่ช่วยเหลือตนเองได้ก็ต้องทำ
สิ่งที่พอจะค้นได้จากโศกนาฏกรรม (ทั้งที่ยังหายใจ) ในเกือบ 2 ชม. ของหนังก็คือ การบอกเราว่า
"ระบบ" จัดการ "ปัญหาสังคม" อย่างไรบ้าง ปัญหาสังคมในที่นี้ ย่อมไม่ได้หมายถึง บุคคลที่กำลัง
ประสบปัญหา แต่หมายถึง ปัญหาที่ทุกคนต้องร่วมกันแก้ไขให้เป็นระบบระเบียบ
เพราะระบบจะเกิดขึ้นได้ ย่อมต้องกำเนิดจากฟันเฟืองตัวเล็กๆ ทุกตัว ถ้าตัวใดตัวหนึ่งหยุดหมุน ระบบขับเคลื่อนอื่นๆ ก็ย่อมส่งผลทรุดโทรมลง แต่ทว่าแม้ "ระบบ" ในหนังจะดีเพียงใด สุดท้ายสิ่งที่ไม่ควรเกิด
ก็ต้องเกิด จนดูแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่า ระบบที่ดี กับสำนึกที่ดี สังคมต้องการสิ่งใดก่อนกัน...
THE COMPANY MEN
"ผลประกอบการของศีลธรรม"
เป็นหนังที่ไม่ได้สร้างสถานการณ์กวนใจอะไรมากมาย ก็แค่เรื่องธรรมดา บริษัทหนึ่งผลประกอบการแย่ ผู้ถือหุ้นก็บีบให้พนักงานออก คนที่แผนกโดนยุบก็กล้ำกลืนฝืนทน ประนอมหน้าประนอมหลัง ลูกน้องก็รัก งานก็ห่วง จีน แมคคลารีย์ (แสดงโดย ทอมมี ลี โจนส์) ซึ่งเป็นคนเก่าคนแก่ก็ทำได้แค่ยอมรับในความจริง
ส่วน บอบบี วอลเคอร์ (แสดงโดย เบน เอฟเฟลค) คนโดนไล่ออก ก็สู้ชีวิตต่อไป อย่าให้ใครรู้ว่าตกงาน ถึงขั้นต้องไปเข้ากลุ่มคน FEAR CHANGE SUCCESS ก็เอา...จริงๆ มันก็ไม่มีอะไร ก็แค่ยืนล้อมวงแล้วท่องคำนี้ดังๆ คนเคยประสบความสำเร็จ มีบ้านใหญ่ มีรถหรู ก็เขินเป็นธรรมดา ไม่อยากทำแต่ก็ทำ
เรื่องมันก็ไปตามทางของมัน แต่มันชวนติดตามเพราะได้ดาราดีๆ มาเล่นเยอะ เลยต้องลุ้นว่าทุกตัวจะขยับอะไรบ้าง ก็พอจะเดาได้ว่าใช้ดาราดี ก็ต้องมีบทให้เขาเยอะ พอเดาได้ดังนี้ หนังจึงทำให้เราติดตามต่อไม่เลิกลา
เควิน คอสต์เนอร์, เบน เอฟเฟลค, ทอมมี ลี โจนส์ ไหนจะ คริส คูเพอร์ อีก เขาเหล่านี้ทำให้เราเฝ้าดูไม่ลดละ จนถึงการณ์ที่ว่า บริษัทได้ผลประกอบการฟื้นคืนขึ้นมาเยอะ ก็เพราะไล่คนออกไปเยอะ แต่ถ้าจะให้ทรงตัวได้ในไตรมาสหน้า การลดขนาด และบอกเลิกจ้าง ต้องเกิดขึ้นอีกครั้ง ทั้งๆ ที่มีคนค้านว่า ชะลอการซื้อตึกใหม่จะดีไหม อาจช่วยเรื่องเงินได้อยู่ แต่สุดท้ายคนตัดสินใจก็ให้ไล่คนออก แล้วเก็บตึกไว้
สนุกไหม ? ก็ไม่รู้กับเรื่องราวแบบนี้ แต่ก็อยากดูจนจบ เรื่องแบบนี้มันเกิดกับใครก็ได้ ดูหนังแบบนี้มันดีตรงที่ได้ย้อนถามตัวเองบ่อยๆ ฝึกปรือจิตให้คิดตามสถานการณ์ ได้เห็นภาพ เหมือนซ้อมประสบการณ์ทางอ้อม ไม่ต้องโดนเอง แต่เวลาโดนจะได้รู้ว่าควรทำยังไง หนังมันก็มีดีตรงนี้
คนตกงานอย่าง บอบบี วอลเคอร์ อายุ 37 ปี มีบ้านติดจำนอง มีรถ โพร์เช ต้องผ่อน มีเมีย มีลูก พอตกงานพี่ชายเมียชวนไปทำงานก่อสร้าง ก็บอกว่าไม่ใช่ เมียก็พยายามดูแลบัญชี อะไรขายได้ก็ขาย ค่าคลับกอล์ฟ ค่ากินค่าเที่ยวหรูๆ งดหมดทุกอย่าง แต่สามีที่ตกงานก็ไม่พอใจ ก็ว่าเมียไป ไม่เอานะ เราไม่ใช่คนหนีหนี้ (แต่เมียก็เถียงว่าก็เงินมันไม่มีนี่นา)
ส่วนคนที่ลูกน้องโดนไล่ออกอย่าง จีน แมคคลารีย์ เขาก็เป็นห่วงแทบทุกคน ก็การไล่ออกมันยังไม่จบไม่สิ้น มีคนเป็นร้อยเป็นพันที่ต้องโดนปลด เป็นข่าวใหญ่โตเพราะบริษัทเขาใหญ่ ก็พี่แกเคยสร้างกิจการเล็กๆ ที่ทำท่าจะขาดทุนจนได้กำไรเป็นหมื่นล้าน แต่สุดท้ายก็ขัดเจ้านายไม่ได้
นั่งคัดคนออกกับทีมกฎหมาย ทีมประเมินผลงาน และทีมพิจารณาบัญชี เขาก็ทำได้แค่ยับยั้งการไล่คนอายุเยอะออก ก็เข้าใจได้อยู่ คือ คนแก่ๆ จะให้ไปนั่งอยู่บ้านเฉยๆ ก็ลำบาก ไล่เด็กออกยังคงมีทางให้เขาไป
อยู่บ้าง ก็คิดกันง่ายๆ แบบนี้
นั่งคิดให้ปวดหัว พยายามค้านโน้นค้านนี่ ปรึกษาแกมดื้อไป แต่ทีมกฎหมายก็บอกการปลดแบบนี้ มันไม่ผิดกฎหมาย อายุอานามความเก่าแก่ไม่เกี่ยว ขอให้ไม่ผิดกฎหมาย ไม่ขัดนโยบาย ใครรายจ่ายเยอะปลดหมด จนสุดท้าย จีน แมคคลารีย์ เลยถามว่า
ไม่ผิดกฎหมาย แล้วมันไม่ขัดต่อศีลธรรมบ้างหรือ ? เราคนดูจึงได้สติจากการที่เผลอ "อิน" เข้าไปในหนังอีกครั้ง นี่ละคือ ความสนุกแบบละสายตาไม่ได้ในหนังเรื่องนี้
ศิลปิน : ALGEBRA BLESSETT
อัลบัม : PURPOSE
แนวดนตรี : CONTEMPOLARY R&B
"จังหวะรองของชีวิต"
นานๆ จะหลงหูหลงตา จับพลัดจับผลูไปเจอศิลปินเพลง R&B ที่ดีสักคนหนึ่ง ครั้งนี้จึงอยากให้ผู้อ่านได้ลองใช้เงื่อนไขนี้ เป็นการเปิดทางสู่โลกดนตรีอีกใบ (ถือว่าหลงเข้าไปในบาร์แปลกๆ ก็แล้วกัน) เงื่อนไขที่ว่า ก็คือ ถ้าสนใจเนื้อหนังมังสามากกว่าดนตรี ก็ขอให้ปล่อยวางบ้าง และถ้าชอบเสพศิลปินทางสายตา ชอบลีลามากกว่าน้ำเสียง ก็ขอให้ลดสักพัก แล้วนั่งฟังเพลงของน้องคนนี้ดีๆ เพราะ ALGEBRA BLESSETT สาวผิวดำคนนี้มีดีที่น้ำเสียง และลีลาดนตรี ซึ่งดีถึงขั้นดังได้ไม่ยาก แม้ตอนนี้เธอจะไม่ดังเลยก็ตาม (ผลจากการค้นด้วย GOOGLE พบว่า ไม่มีใครพูดถึงเธอด้วยภาษาไทย) BLESSETT ที่ออกเสียงคล้าย BLESSED อันว่าด้วยพลังจากพระเจ้า จึงทำให้ใครบางคน (ชาวต่างชาติ) เริ่มจับเธอไปเทียบ และเปรียบว่าเธอได้รับพลังนั้นมาเป็นของขวัญ
ในความเป็นนักร้องนักดนตรี R&B นั้น เธอคงเริ่มปฏิสังเคราะห์มัน ตั้งแต่วันที่ยังเป็นวุ้นในครรภ์มารดา เพราะแม่ของเธอเป็นทั้งนักร้องในโบสถ์ และเป็นมือเบสส์ ALGEBRA BLESSETT ในวัยเรียน จึงเชี่ยวชาญทั้งเพลง SOUL, GOSPEL, R&B และมีประสบการณ์เป็นนักร้องตั้งแต่วันนั้น
ชั้นไม่เก่งเรื่องกีฬา แต่ก็อยากอยู่กับเพื่อนเวลาเลิกเรียน เธอกล่าวในบทสัมภาษณ์ครั้งหนึ่ง ซึ่งนั่นอาจเป็นหนึ่งในเหตุผล ซึ่งทำให้เธอกลายมาเป็นนักร้องแนวนี้ มีอาชีพและมีสัญญาการเป็นนักร้องมีสังกัด ออกร่วมทัวร์กับ ANTHONY HAMILTON แล้วก็เริ่มใช้เวลาในการหัดกีตาร์ จากนั้นไม่นานก็เริ่มแต่งเพลง
PURPOSE คือ อัลบัมแรกของเธอในปี 2008 บางคนบอกว่ามันคือ NEO SOUL, JAZZ GOSPEL และยังมี
กลิ่นอายของเพลง ROCK ด้วย แต่ไม่ว่าจะติดกลิ่นอะไรมา คำเรียกที่คนส่วนใหญ่มอบให้เธอ ก็คือ CONTEMPOLARY R&B หรือ R&B ร่วมสมัย นั่นเอง
15 เพลงที่อัดแน่นอยู่ในอัลบัมนี้ มีทั้งเพลงเศร้า และเพลงสนุก คละเคล้ากันในจังหวะรวบรัด ไม่อ้อยอิ่งถวิลหาอารมณ์วันวาน แต่ก็ไม่เต้นตามกระแส R&B หลัก จะว่าเพลงเธอมันเหมือนตัวรองของเรื่อง ก็คงไม่น่าเกลียด คือ นั่งอยู่ในรถกับแฟน อยากคุยกับแฟน รถจะติดเท่าไรก็ได้ ขอแค่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ก็กลัวจะเหงา ก็ใช้เพลงของเธอเปิดคลอไป มันไม่โดดเด่นจนแย่งซีน แต่ก็ดีมากสำหรับการใช้เวลาหาความสุขบนพื้นที่เล็กๆ (ของรถ)
ยิ่งฟังก็ยิ่งหลงใหลในความ "ธรรมดาสามัญ" ของหลายเพลงในอัลบัมนี้ คิดว่าจะหาเก็บไว้ติดรถ ติดเครื่องคอมพิวเตอร์ รวมไปถึงเครื่องเล่นต่างๆ เพราะรู้สึกติดกับจังหวะเรียบๆ แบบนี้มาก ในช่วงที่ฟ้าฝนเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ การมีเสียงดนตรีประกอบไปกับชีวิตสับสน คงจะช่วยให้จัดการธุระต่างๆ ได้ดีขึ้น นี่ไงข้อดีของเพลง...
ศิลปิน : THE PIERCES
อัลบัม : LOVE YOU MORE (EP)
แนวดนตรี : FOLK ROCK
"ADULT ALTERNATIVE !"
นี่ก็เป็นอีกรายในหลายๆ วง ที่หาเจอไม่ค่อยบ่อย 2 สาวพี่น้องจากเมืองเบอร์มิงแฮม อลาบามา รับการศึกษาจากพ่อแม่ชาวฮิพพี หรือเรียกเป็นทางการ ก็คือ HOME SCHOOL พ่อเป็นมือกีตาร์ ส่วนแม่เป็นช่างเขียนรูป พวกเธอจึงซึมซับเอาศิลปะกับดนตรีในช่วงแรกของชีวิต ขณะเดียวกันก็ฟัง JONI MITCHELL
และ SIMON GARFUNKEL มาตั้งแต่เด็ก
แล้วก็เริ่มฉายแววเพราะได้รับการสนับสนุนที่ดี 2 พี่น้องจึงออกร้องเพลงตามงานพาร์ที งานแต่ง และงานโบสถ์ จากนั้นก็เรียนเต้น และสุดท้ายก็ได้เป็นนางระบำสมใจกันทั้งคู่ ฉะนั้นเวลาเธอแสดง เราจึงจะได้เห็นทั้งลีลาการร้อง และท่วงท่าการเคลื่อนไหว ถึงจะไม่ยักย้ายส่ายตัวทั่วเวที เพียงแค่ยืนหน้าไมโครโฟน ด้วยน้ำเสียงคู่ และด้วยความลงตัวของการสอดรับทั้งตัวและเพลง "น้อยจึงกลายเป็นมาก"
จริงๆ มันก็แปลกตาอยู่เหมือนกัน เพลงก็ออกแนว FOLK ROCK พอน้องทั้งสองไม่ได้ใส่บูท สวมยีนส์ เราคนดูจึงค่อนข้างทึ่ง ถึงว่าบางคนยกให้เธอเป็น ADULT ALTERNATIVE ก็เพลงทางเลือกสำหรับรุ่นใหญ่ไง
ในปี 2000 อัลบัมชุดแรก ชื่อเดียวกับวง ก็เลยผุดออกมา จะว่าไปมันก็แค่ความหวังดีของเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัย ตอนนั้นทั้ง 2 คน เรียนอยู่ที่ออเบิร์น ยูนิเวอร์ซิที เพื่อนที่ว่าก็ส่งเทปของพวกเธอให้กับค่ายเพลงในเมืองแนชวิลล์ ซึ่งเป็นเมืองที่มีนิคเนมว่า MUSIC CITY มีค่ายเพลงมากมาย มี COUNTRY MUSIC HALL OF FRAME และยังมี GRAND OLE OPRY ซึ่งก็คือ สถานที่จัดแสดงคอนเสิร์ทที่ศิลปินดังๆ มาขึ้นเล่น อย่าง ลุงแฮง วิลเลียม, บิล มอนโร จอห์นนี แคช และคนอื่นๆ อีกเป็นร้อย ทีนี้ก็พอจะเดาได้แล้วว่า เพลงของเธอจะให้อารมณ์ทางเลือกของรุ่นใหญ่อย่างไร ก็เมืองนี้ชื่อเสียงอีกอันหนึ่งก็คือ เมืองแห่งเพลง COUNTRY หรือเพลงพื้นบ้านของชาวอเมริกัน
พอปี 2005 พวกเธอก็ออกผลงานชุดที่ 2 ในชื่อ LIGHT OF THE MOON แต่พอปี 2007 อัลบัมที่ 3 ของพวกเธอก็ดูจะมืดลง แต่คงไว้ด้วยสไตล์ส่วนตัว เพราะมีทั้ง ACCORDION, CALLIOPE, BASSOONS, SITAR, VIOLIN, AUTOHARP และ HAWAIIAN LAP STEEL เป็นวงที่สร้างแนวทางแตกต่างอย่างเด่นชัดไม่เหมือน
วง ROCK ทั่วๆ ไป
ปีอื่นๆ หลังจากนั้นก็เริ่มปรากฏตัวในสื่อต่างๆ เพราะมี SECRET เป็นเพลงสร้างชื่อ มีการพูดถึงในนิตยสารดัง ROLLING STONE ในเชิงเป็นศิลปินหน้าใหม่ที่น่าจับตามอง และเป็นวงที่ผู้ชมผู้ฟังน่าจะสนุกไปกับเพลงได้ไม่ยาก แนะนำ LOVE YOU MORE (EP) ที่มีแค่ 4 เพลง ให้ไปหาฟังกัน ก่อนที่อัลบัมเต็ม YOU&I
จะได้ฤกษ์วางแผงในวันที่ 23 พฤษภาคม 2554 นี้ ถ้าไม่แน่ใจก็ไปหาฟังกันฟรีๆ ก่อนได้ที่ www.myspace.com/thepierces แล้วจะรู้ว่า FOLK ROCK (ก็) ยังไม่ตาย และ "ทางเลือก" ของรุ่นใหญ่
ในนาม ADULT ALTERNATIVE เด็กรุ่นหลังเขาสร้างไว้ให้อย่างไรบ้าง
เรื่องโดย : ปัญญ์ carstereo@autoinfo.co.th
นิตยสาร Carstereo ฉบับเดือน พฤษภาคม ปี 2554
คอลัมน์ Online : คอลัมน์ประจำ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/29546