ทดสอบ
3 ความหรูหรา 3 สไตล์
บีเอมดับเบิลยู 730 แอลไอ เบนซิน 4 สูบ 16 วาล์ว 3.0 ลิตร 218 แรงม้า ราคา 7,299,000 บาท
คู่แข่ง
เมร์เซเดส-เบนซ์ เอส 300 แอล วี 6 สูบ 3.0 ลิตร 219 แรงม้า ราคา 7,799,000 บาท
ข้อเด่น
- รูปทรงลงตัว
- ความสะดวกสบาย สมราคา
- ขับสนุก
ข้อด้อย
- แรงม้าน้อยไป
- ไม่มีแพดเดิล ชิฟท์
ฟันธง
- ทางเลือกความหรูหรา ลำดับที่ 2 แต่ไม่เป็นรองใคร
เมร์เซเดส-เบนซ์ เอส 350 ซีดีไอ ดีเซล เทอร์โบ วี 6 สูบ 3.0 ลิตร 7,999,000 บาท
คู่แข่ง
บีเอมดับเบิลยู 730 แอลดี ดีเซล เทอร์โบ 4 สูบ 218 แรงม้า ราคา 7,599,000 บาท
ข้อเด่น
- รูปทรงภูมิฐาน
- ช่วงล่างนุ่มนวล
- เครื่องยนต์ดีเซล สมรรถนะดี ประหยัด
ข้อด้อย
- เน้นความนุ่มนวล จนขับไม่สนุก
- เครื่องยนต์ดีเซล เสียงดังภายนอก
ฟันธง
- ความหรูที่ไปกันได้ดีกับเครื่องยนต์ดีเซล ระดับแนวหน้า
แจกวาร์ เอกซ์เจแอล วี 8 5.0 ลิตร 385 แรงม้า ราคา 12,900,000 บาท
คู่แข่ง
เลกซัส แอลเอส 600 เอชแอล วี 8 5.0 ลิตร ไฮบริด 445 แรงม้า ราคา 12,990,000 บาท
ข้อเด่น
- รูปทรงปราดเปรียว
- สมรรถนะดุดัน
- ภายในหรู ล้ำสมัย
ข้อด้อย
- อุปกรณ์ความสะดวกบางอย่างขาดไป
- ชื่อชั้นยังเป็นรองคู่แข่ง
ฟันธง
- สปอร์ทซีดานคันโต แรงสะใจ
ในโลกของยานยนต์ที่ถูกจำกัด แบ่งด้วยราคา ขนาดเครื่องยนต์ พละกำลัง และอีกสิ่งหนึ่ง ก็คือ ความหรูหรา ซึ่งในปัจจุบันนี้ คงต้องเพิ่มความสะดวกสบายเข้าไปด้วย บรรดาค่ายรถหลายแห่งจึงพยายามพัฒนา และนำเสนอ พื้นที่โดยสารที่กว้างขวาง ความบันเทิงที่หลากหลาย และเป็นเอกเทศ นอกเหนือจากนั้น ยังต้องพยายามพัฒนาสมรรถนะที่ดียิ่งขึ้น บนพื้นฐานความนุ่มนวล และนี่คือ ที่มาของรถยนต์ระดับ ลักซัวรี ที่มีความแตกต่างแยกย่อยตามต้องการที่ไม่สิ้นสุด
ภายนอก
ต่างแนวคิด แต่หรูเหมือนกัน
บีเอมดับเบิลยู 730 แอลไอ 4 ดาว
เมร์เซเดส-เบนซ์ เอส 350 ซีดีไอ 4 ดาว
แจกวาร์ เอกซ์เจแอล วี 8 4 ดาว
รูปทรงของทั้ง ซีรีส์ 7/เอส-คลาสส์ และ เอกซ์เจแอล ต่างก็มีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง โดยทาง บีเอมดับเบิลยู ออกแบบให้ซีดานหรูของตนมีรูปทรงที่อิงจากรุ่นก่อนหน้านี้พอสมควร แต่มีเส้นสายที่หรูเรียบกว่าเดิม เสริมเอกลักษณ์ของรถยนต์จากแคว้นบาวาเรียด้วยการขยายขนาดกระจังหน้าไตคู่ (KIDNEY GRILL) ขณะที่กรอบไฟหน้าตาเหยี่ยวถอดแบบจากรุ่นก่อนหน้านี้แทบทุกกระเบียด เส้นระดับหัวไหล่ค่อนข้างสูง พาดยาวตั้งแต่บริเวณซุ้มล้อหน้าจรดไฟท้าย ขับเน้นความยาวของตัวถัง ตัวถังด้านข้างถูกปล่อยโล่ง ให้ความรู้สึกที่ใหญ่โต หรูหรา โดยรวมแล้ว บีเอมดับเบิลยู ออกแบบให้ซีดานหรูของตน หวนสู่ความเรียบง่าย มากกว่าลายเส้นที่หวือหวาเดิมจากฝีมือการรังสรรค์ของ คริส เบงเกิล
ทางด้านคู่ปรับอย่าง เมร์เซเดส-เบนซ์ แม้จะยังคงอยู่บนพื้นฐานของซีดานหรูเหมือนกัน แต่กลับมีแนวทางการออกแบบที่แตกต่างกันพอสมควร เอส-คลาสส์ รุ่นก่อนหน้านี้ มักจะเน้นเส้นสายที่ความยาวของตัวรถ ให้ความรู้สึกที่โอ่อ่าทางสายตา แต่สำหรับรุ่นล่าสุดกลับถูกเสริมความคมเข้ม ด้วยแนวสันโป่งล้อทั้ง 4 ด้าน โคมไฟหน้าทรงสามเหลี่ยมโค้ง รุ่นปรับโฉมล่าสุด แบบยกหน้าจะถูกเพิ่มแถบไฟแอลอีดี ตามแนวขอบล่าง และบริเวณช่องรับอากาศด้านข้างกันชนหน้า ทำให้ซีดานหรูค่ายดาวสามแฉกคันนี้ยังคงความหรูหราภูมิฐาน ตามแบบฉบับที่สืบทอดกันมาของสายพันธุ์ "เอส" แต่การหันไปเสริมความเคร่งขรึมของรูปลักษณ์ อาจทำให้รถคันนี้ขาดความทันสมัยไปบ้าง
ขณะที่ 2 คู่แข่งจากเมืองเบียร์ ยังคงรักษาขนมเดิมๆ ของรถยนต์หรู ทาง แจกวาร์ กลับมีทางเลือกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง ซึ่งก็ประจวบเหมาะกับการที่บริษัทแม่ของค่ายรถเมืองผู้ดี ถูกเปลี่ยนมือเจ้าของ การยึดติดกับเส้นสายแบบอนุรักษนิยมที่ แจกวาร์ ปฏิบัติมาตลอด จึงถูกโยนทิ้ง รูปทรงของ เอกซ์เจแอล จึงปราดเปรียวทันสมัย ไฟหน้าทรงเรียวแบบที่เคยใช้ในรถต้นแบบ ซี-เอกซ์เอฟ ที่เคยเปิดตัวเมื่อปี 2550 และเป็นเส้นสายที่ประสบความสำเร็จกับรุ่นน้องอย่าง เอกซ์เอฟ แต่เมื่อพิจารณาแล้ว เอกซ์เจแอล ถูกเน้นความปราดเปรียวมากกว่าด้วยซ้ำ แนวเสา ดี ที่ลาดเทจรดด้านท้าย แต่ช่วงลำตัวที่เรียบเนียน ไร้สันเหลี่ยมใดๆ เอกซ์เจแอล จึงเจือด้วยความสปอร์ทมากกว่าคู่แข่งรายอื่น
หากดูที่มิติตัวถัง ทุกค่ายมาแบบฐานล้อยาว (LONG WHEELBASE) ทาง เมร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาสส์ จะมีระยะฐานล้อมากที่สุด คือ 3,165 มม. ตามมาด้วย แจกวาร์ เอกซ์เจแอล 3,157 มม. และ บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์ 7 มาอันดับ 3 ที่ 3,128 มม. ส่วนความยาวทั้งหมดของตัวถัง เอกซ์เจแอล กลับเป็นที่ 1 นั่นคือ 5,247 มม. ลำดับถัดมา คือ เอส-คลาสส์ 5,226 มม. ส่วนลำดับสุดท้าย คือ ซีรีส์ 7 อยู่ที่ 5,179 มม.
ภายใน
ภูมิฐานทั้งขณะขับ และโดยสาร
บีเอมดับเบิลยู 730 แอลไอ 4 ดาว
เมร์เซเดส-เบนซ์ เอส 350 ซีดีไอ 5 ดาว
แจกวาร์ เอกซ์เจแอล 4 ดาว
แม้แนวทางการออกแบบจะหรูหรา แตกต่างกันไป แต่สิ่งสำคัญของรถยนต์ราคาหลายล้านบาทที่ขาดไม่ได้ คือ ความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร ไม่ว่าจะเป็นผู้ขับ หรือผู้โดยสารทางด้านหลัง สำหรับพิกัดขนาด 3.0 ลิตร ของเครื่องยนต์เบนซิน เป็นเหมือน "รุ่นพื้นฐาน" ของรถยนต์ระดับนี้ ไม่ว่าจะเป็น 730 แอลไอ และ เอส 300 แอล ในที่นี้เราได้นำ ตัวหรูของ บีเอมดับเบิลยู มาพิจารณากันดูว่าความสะดวกสบายในขั้นเริ่มแรกของรถยนต์ระดับนี้
730 แอลไอ เป็นรุ่นฐานล้อยาว ทำให้มีพื้นที่ของผู้โดยสารด้านหลังค่อนข้างมาก นอกจากนี้เบาะแถว 2 ยังสามารถปรับระดับได้ เพิ่มความสบายขณะนั่งโดยสารได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีจอ ดีวีดี แยกส่วนทำงาน ติดตั้งบริเวณหลังพนักพิงศีรษะของเบาะนั่งคู่หน้า ผู้โดยสารด้านหลังเย็นสบายจากทั้งเครื่องปรับอากาศ และเบาะนั่งที่เป่าลมเย็นได้ เป็นเบาะหลังที่นั่งสบายเสียจนเราเผลอหลับระหว่างเดินทางหลายครั้งเลยทีเดียว
สำหรับผู้ขับ รูปแบบของคอนโซลหน้ายังคุ้นเคยเช่นเดียวกับรถของ บีเอมดับเบิลยู รุ่นอื่นๆ คันเกียร์ถูกติดตั้งตรงกลางอีกครั้ง เพราะรุ่นก่อนหน้านี้ติดตั้งบริเวณคอพวงมาลัย การทำงานอาจจะต้องใช้ความเคยชินเล็กน้อย (สำหรับคนที่ชินกับการเปลี่ยนเกียร์แบบเดิมๆ) เพราะใช้การกดปุ่มด้านข้างแล้วโยกขึ้น/ลง ส่วนเกียร์ขณะจอด (P) น่าเสียดายที่ไม่มีแป้นแพดเดิล ชิฟท์ ทั้งที่รถคันนี้จะมีระบบที่เน้นความสปอร์ทก็ตาม เบาะนั่งสามารถปรับรับกับสรีระได้หลากหลาย
นอกจากนี้การทำงานของระบบ ไอดไรฟ (IDRIVE) ใช้งานสะดวกกว่ารุ่นเดิม จอมอนิเตอร์แสดงผลการทำงานของระบบนำร่องเส้นทาง (GPS) และระบบทัศนวิสัยในที่มืด (NIGHT VISION) ขณะที่ระบบแสดงผลข้อมูลความเร็วสะท้อนผ่านกระจก ดูน่าสนใจ แต่หากแดดสว่างจ้ามากๆ อาจจะมองเห็นยากสักหน่อย เรามีความรู้สึกว่าซีดานรุ่นใหญ่ของ บีเอมดับเบิลยู ยังคงเป็นรถที่ให้ทั้งความสะดวกสบายขณะโดยสาร และยังเป็นรถที่เหมาะสมสำหรับเจ้าของที่ชอบขับรถด้วยตนเองอีกด้วย
สำหรับ เอส 350 ซีดีไอ ยังคงเน้นโทนการตกแต่งภายในที่นุ่มนวล ด้วยรูปทรงของคอนโซลที่โค้งมน คันเกียร์ติดตั้งบริเวณด้านขวาของพวงมาลัย ส่วนก้านของปุ่มควบคุมอื่นจะอยู่ทางด้านซ้ายเพื่อป้องกันการสับสน การเปลี่ยนเกียร์จึงทำได้ง่ายดาย เพียงขยับนิ้วเท่านั้น ไม่ต้องละมือซ้ายจากพวงมาลัย อุปกรณ์ใช้งานอื่นๆ สูสีกับ บีเอมดับเบิลยู 730 แอลไอ แบบไม่ยอมน้อยหน้ากัน อย่างไรก็ตามค่ายดาวสามแฉกล้ำหน้ากว่าด้วยจอดีวีดีที่สามารถแยกการแสดงผลซ้าย/ขวาได้ นั่นคือ ผู้โดยสารข้างคนขับสามารถดูดีวีดีได้ตามใจชอบ แต่ในเวลาเดียวกันมุมมองของผู้ขับจะเห็นผลข้อมูลอื่นๆ แทนเพื่อไม่ให้เสียสมาธิขณะขับขี่ มาตรวัดความเร็วตรงกลางเป็นแบบดิจิทอล แต่แสดงกราฟิคเสมือนมาตรวัดแอนาลอก เมื่อเข้าสู่โหมดทัศนวิสัยในความมืด มาตรวัดความเร็วดังกล่าวจะเปลี่ยนเป็นภาพเบื้องหน้าทันใด ความหรูหราสะดวกสบายในแบบฉบับของ เมร์เซเดส-เบนซ์ คงมีอยู่ครบ และยังมีอุปกรณ์ใช้งานที่ทันสมัยอย่างลงตัว
สุดท้าย คือ แจกวาร์ เอกซ์เจแอล มีการตกแต่งภายในหวือหวาที่สุด ช่องแอร์ทรงกลมราวกับส่วนหน้าของเครื่องยนต์เจท แสงภายในใช้สีน้ำเงินนวล ดูล้ำสมัย แผงหน้าปัดทั้งหมดเป็นแบบดิจิทอล
แสดงภาพกราฟิคเสมือนแบบแอนาลอก (ของ เอส 350 จะเป็นเฉพาะมาตรวัดความเร็วตรงกลางเท่านั้น) แผงลายไม้ที่ติดตั้งบริเวณประตูจะต่อเนื่องโอบโค้งเหนือแนวคอนโซลราวกับกำลังนั่งอยู่ในเรือยอทช์ชั้นดี จุดเด่นของภายใน คือ การเปลี่ยนเกียร์ด้วยแป้นหมุน ซึ่งจะยกตัวขึ้นมาเมื่อสตาร์ทรถ จอมอนิเตอร์ตรงกลาง สามารถแสดงภาพแยกซ้าย/ขวาได้ แต่เราเห็นว่าภาพเหลื่อมซ้อนกันเล็กน้อยหากนั่งตรงผู้โดยสารข้างคนขับ ไม่คมชัด และเนียนสนิทเหมือนของ เมร์เซเดส-เบนซ์ (ของ แจกวาร์ เป็นแบบสัมผัส)
รูปแบบการตกแต่งภายในของ เอกซ์เจแอล ทำให้เรารู้สึกว่า นี่คือ สปอร์ทซีดานขนาดใหญ่ ที่ทันสมัยทั้งภายนอก และภายใน หากจะเน้นโดยสารด้านหลัง อาจสะดวกสบายสู้คู่แข่งไม่ได้ แต่ความเร้าใจขณะนั่งอยู่หลังพวงมาลัย รถหรูแดนผู้ดีคันนี้ มีให้มากกว่าคู่แข่งอย่างแน่นอน
เครื่องยนต์
หรูอย่างเดียวไม่พอ ต้องแรงด้วย
บีเอมดับเบิลยู 730 แอลไอ 3 ดาว
เมร์เซเดส-เบนซ์ เอส 350 ซีดีไอ 4 ดาว
แจกวาร์ เอกซ์เจแอล 5 ดาว
แม้จุดเด่นหลักของรถยนต์ระดับนี้ จะอยู่ที่ความหรู แต่ราคาค่าตัวหลายล้านบาทเช่นนี้ ผู้เป็นเจ้าของหลายคนย่อมคาดหวังกับสมรรถนะ ไม่มากก็น้อย ยิ่งถ้าเป็นเศรษฐีทุนหนาคงไม่อยากหรู แต่ต้องขับตามท้ายรถใคร
ในบรรดารถหรู 3 คันที่เราได้ทดสอบ เรื่องสมรรถนะต้องยกให้กับ แจกวาร์ เอกซ์เจแอล เพราะใช้เครื่องยนต์บลอคใหญ่ขนาด 5.0 ลิตร ซึ่งเป็นพิกัดเครื่องยนต์เทียบเท่ากับ บีเอมดับเบิลยู 750 ไอ หรือแม้แต่ เมร์เซเดส-เบนซ์ เอส 500 บทความทดสอบครั้งนี้เราจึงยกให้ เอกซ์เจแอล เป็นเหมือนตัวแทนของ ตัวหรู ขาโหด และนำมาวัดสมรรถนะให้เห็น
เครื่องยนต์ขนาด 5.0 ลิตร วี 8 สูบ รหัส AJ-V8 ถูกพัฒนาต่อเนื่องมาเป็นรุ่นที่ 3 ให้กำลังถึง 385 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. จากเครื่องมือวัดสมรรถนะดาทรอนทำได้ในเวลา 6.9 วินาที และทะลุความเร็ว 200 กม./ชม. ในเวลา 22.9 วินาที หากนำมาวิ่งควอร์เตอร์ไมล์ จะทำเวลาได้ 14.9 วินาที
อัตราเร่งยืดหยุ่นที่ความเร็ว 60-100 กม./ชม. คือ 3.1 วินาที และ 80-120 กม./ชม. ใช้เวลา 3.8 วินาที แสดงให้เห็นว่าเครื่องยนต์ขนาดใหญ่เช่นนี้ สมรรถนะแทบไม่ลดลงเลยในย่านความเร็วดังกล่าว และอัตราเร่ง 0-1,000 ม. ใช้เวลาเพียง 26.3 วินาที กับความเร็วปลาย 212.4 กม./ชม. ปรับช่วงล่างแบบสปอร์ท และเข้าสู่โหมด COMPETITION (ปุ่มรูปธงตราหมากรุก) จะเร้าใจจนแทบลืมไปเลยว่านี่คือ ซีดานหรูคันโต ขุมกำลังขนาดใหญ่ มีสมรรถนะที่จัดจ้านมากๆ แต่ใครที่อยากหรูหรา และร้อนแรงในเวลาเดียวกันคงต้องจัดงบประมาณกันหนักหน่อย เพราะค่าตัวของ เอกซ์เจแอล คันนี้ แตะๆ 14 ล้านบาทเลยทีเดียว !
ค่าตัวระดับนั้น อาจจะเกินความจำเป็นสำหรับหลายคนที่ต้องการแค่ความหรูภูมิฐานก็พอ และไม่มุ่งเน้นเรื่องสมรรถนะมากนัก อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า รถหรูระดับนี้จะมีรุ่นพื้นฐานที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตรกันเป็นส่วนใหญ่ ลองมาดูกันว่า บีเอมดับเบิลยยู 730 แอลไอ เครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร 218 แรงม้า ความสะดวกสบายครบครัน แต่สมรรถนะจะรับได้หรือไม่ มาลองดูตัวเลขกัน โดยเปรียบเทียบกับคู่ปรับพิกัดเครื่องยนต์ที่ชนกันเต็มๆ อย่าง เมร์เซเดส-เบนซ์ เอส 300 แอล (219 แรงม้า)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 730 แอลไอ ทำได้ในเวลา 10.3 วินาที เท่ากันพอดิบพอดีกับของ เอส 300 แอล หรือจะไล่บี้กันต่อถึง 160 กม./ชม. บีเอมดับเบิลยู ทำได้ 24.6 วินาที ส่วน เมร์เซเดส-เบนซ์ ยังไม่เลิกรากับเวลาแทบจะเท่ากันที่ 24.8 วินาที ส่วนอัตราเร่งยืดหยุ่น 80-120 กม./ชม. ค่ายรถคู่รักคู่แค้นก็กลับทำเวลาเท่ากันอีก คือ 7.1 วินาที
ขณะที่อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ความเร็ว 80 และ 100 กม./ชม. 730 แอลไอ อาจมีความได้เปรียบเรื่องเครื่องยนต์ที่ทันสมัยกว่า (เอส 300 แอล ถูกทดสอบเมื่อปี 2551) มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 15.0 และ 13.6 กม./ลิตร ขณะที่ เอส 300 แอล ทำได้ 12.7 และ 11.8 กม./ลิตร ตามลำดับ
จากตัวเลขอัตราเร่ง และอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง เครื่องยนต์ขนาด 3.0 ลิตร สามารถให้สมรรถนะในระดับพอเพียง ไม่หวือหวา แม้ 730 แอลไอ จะมีระบบที่เอื้อต่อการขับแบบสปอร์ทก็ตาม อย่างเช่นโหมด สปอร์ท พลัส (SPORT +) ที่จะปรับการตอบสนองทั้งเครื่องยนต์ และช่วงล่าง ให้ความรู้สึกที่ขับสนุกขึ้นอีกเล็กหน่อย แต่อัตราเร่งก็ไม่ได้แตกต่างกันอย่างชัดเจน เหมือนมีไว้สำหรับที่อยาก แก้เบื่อ กับซีดานหรูคันนี้ พอหอมปากหอมคอ
อีกทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการทั้งสมรรถนะที่น่าพอใจ กับอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่เหมาะสม ทำให้รถหรูหลายคันหันมาวางเครื่องยนต์ดีเซล ที่ปัจจุบันนี้ถูกพัฒนาจนมีประสิทธิภาพที่ดีกว่าแต่ก่อนมาก และตัวแทนของรถหรูเครื่องยนต์ดีเซลที่เรานำมาทดสอบคือ เมร์เซเดส-เบนซ์ เอส 350 ซีดีไอ เครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร เทอร์โบ 211 แรงม้า ลองเปรียบเทียบดูว่าจะแตกต่างจากเครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร ของ 730 แอลไอ แค่ไหน
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ของ เอส 350 ซีดีไอ ทำได้ 9.0 วินาที ถือว่าเร็วกว่า 730 แอลไอ เล็กน้อย ส่วนความตีนปลาย 0-160 กม./ชม. ค่ายดาวสามแฉกทำได้ 21.9 วินาที ขณะที่เครื่องยนต์เบนซินของค่ายใบพัดสีน้ำเงินแผ่วลงไปกับเวลา 24.6 วินาที และอัตราเร่งยืดหยุ่น 80-120 กม./ชม. เอส-คลาสส์ (ดีเซล) ทำได้ 6.0 วินาที ส่วน ซีรีส์ 7 (เบนซิน) ทำได้ 7.1 วินาที
แม้สมรรถนะเหมือนจะต่างกันพอประมาณ แต่สิ่งสำคัญ คือ อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ที่ความเร็ว 80/100/120/140 กม./ชม. เอส 350 ซีดีไอ ทำได้ 19.2/16.4/14.4/12.4 กม./ลิตร ตามลำดับ ซึ่งเป็นตัวเลขที่ดีกว่าเครื่องยนต์เบนซินทุกย่านความเร็ว เหล่าเศรษฐีที่เปิดกว้าง และมองหาประสิทธิภาพด้านความประหยัดเชื้อเพลิงไม่ควรมองข้าม (ทาง บีเอมดับเบิลยู ก็มีรถหรูเครื่องยนต์ดีเซลทำตลาดเช่นกัน นั่นคือ 730 แอลดี)
ระบบรองรับ และความปลอดภัย
ช่วงล่างหลากหลาย ความปลอดภัยครบ
บีเอมดับเบิลยู 730 แอลไอ 5 ดาว
เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส 350 ซีดีไอ 4 ดาว
แจกวาร์ เอกซ์เจแอล 4 ดาว
จากการที่ 730 แอลไอ ไม่ได้มีสมรรถนะดุดันจากเครื่องยนต์ที่มีขนาดค่อนข้างเล็ก เราจึงรู้สึกว่าการขับขี่ในโหมดคอมฟอร์ท (COMFORT) ดูจะเหมาะกว่าส่วนการขับขี่แบบเน้นสมรรถนะ ระบบควบคุมการขับขี่แบบไดนามิค ในโหมดสปอร์ท จะปรับการทำงานของเครื่องยนต์ รวมไปถึงช่วงล่างแบบถุงลม ให้มีความเหมาะสม เพิ่มความหนึบแน่น มั่นใจยิ่งขึ้น (โหมดสปอร์ท พลัส จะปิดการทำงานของระบบป้องกันการลื่นไถลด้วย) และยังมีระบบกล้องมองด้านข้าง (ติดตั้งบริเวณด้านบนซุ้มล้อคู่หน้า) เห็นสิ่งกีดขวางได้ชัดในยามค่ำด้วยระบบทัศนวิสัยในที่มืด (NIGHT VISION) ซึ่งเราทดลองใช้งานก็พบว่าภาพที่ได้มีความคมชัด เห็นวัตถุ หรือแม้แต่บุคคลที่อยู่เบื้องหน้าได้อย่างชัดเจน
ส่วน เอส 350 ซีดีไอ สัมผัสระบบช่วงล่างจะสวนทางกับสมรรถนะเครื่องยนต์ เรารู้สึกว่าช่วงล่างยังคงนุ่มนวลในสไตล์ของ เมร์เซเดส-เบนซ์ มีปุ่มกดช่วงล่างแบบสปอร์ท (SPORT) ให้มาเท่านั้น แม้ขณะทดสอบอัตราเร่ง ภายในห้องโดยสาร ก็ไม่ได้รู้สึกกระชาก หรือโยนตัวมากมายแต่อย่างใด แต่ตัวเลขอัตราเร่งกับทำได้ดีเกินคาด เรียกได้ว่า เอส 350 ซีดีไอ แรงแบบนุ่มนวลก็ว่าได้ ส่วนระบบความปลอดภัยที่ขึ้นชื่อมาแต่ไหนแต่ไร คือ ระบบเตรียมความพร้อมก่อนเกิดการปะทะ (PRE-SAFE) ลดความรุนแรง และอาการบาดเจ็บได้บางส่วนเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
ขณะที่ แจกวาร์ เอกซ์เจแอล มีรูปแบบออกไปทางสปอร์ทซีดานเต็มตัว ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบปีกนกคู่ และด้านหลังแบบมัลทิลิงค์ เน้นการยึดเกาะ รองรับสมรรถนะสูง ต่างจากรถหรูหลายค่ายที่ใช้ช่วงล่างแบบถุงลม เพื่อความหลากหลายของการตอบสนอง โหมดการขับเคลื่อนแบบสปอร์ท (รูปธงตราหมากรุก) ทำให้ขณะเร่งมีความมั่นคงที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งเพิ่มอรรถรสด้วยเสียงคำรามของเครื่องยนต์แล้ว รถยนต์หรูคันนี้ จึงมีมาดที่หรูหรา และดุดันมากกว่าคู่แข่ง
สรุป
ความหรูที่แตกต่าง จุดหมายหนึ่งเดียวกัน
จากการที่เรานำรถหรูทั้ง 3 คัน มาเปรียบเทียบในแง่มุมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น 730 แอลไอ สมรรถนะไม่หวือหวา แต่ติดตั้งอุปกรณ์ความปลอดภัยต่างๆ มากมาย ทั้งๆ ที่เป็นรุ่นประกอบในประเทศ เหมาะสำหรับคนที่ไม่ได้ต้องการพละกำลังที่รุนแรง แต่เน้นความหรูหราให้สมบารมี กัความสะดวกสบายให้สมกับฐานะ ก็เพียงพอแล้ว
ขณะที่เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ ของ เอส 350 ซีดีไอ ก็แสดงให้เห็นว่า เครื่องยนต์ชนิดนี้ สามารถตอบสนองสมรรถนะได้เหนือกว่าเครื่องยนต์เบนซิน ที่มีขนาดเท่ากันด้วยซ้ำไป และยังมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ดีมาก เมื่อเทียบกับราคาค่าตัว และขนาดตัวถัง เหมาะสำหรับเศรษฐีที่ไม่อยากแวะเข้าปั๊มน้ำมันบ่อยจนเกินไป
สุดท้าย คือ แจกวาร์ เอกซ์เจแอล คือ ความหรูแบบ "จัดหนัก" สำหรับคนที่ต้องการทั้งความหรูหรา ล้ำสมัย และสมรรถนะที่จัดจ้าน โดยไม่เกี่ยงงบเรื่องประมาณ และรถคันนี้ ก็ตอบสนองความต้องการที่ว่าได้เป็นอย่างดี แต่เนื่องจากเป็นรถนำเข้าทั้งคัน บวกกับอัตราภาษีที่ค่อนข้างสูง ทั้งขนาดเครื่องยนต์ และแรงม้า ทำให้ เอกซ์เจแอล มีอุปกรณ์ความสะดวกสบายที่ขาดหายไปบ้าง
สำหรับอีกหลายๆ คน รถยนต์หรู ราคาหลายล้านบาท อาจจะดูเกินเอื้อม แต่ความจริงแล้ว บรรดาอุปกรณ์ และระบบความปลอดภัยที่ใช้กันแพร่หลายในทุกวันนี้ แรกเริ่มเดิมที ก็มีเฉพาะรถยนต์หรูเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็น ถุงลมนิรภัย หรือเบรค เอบีเอส (เมื่อหลาย 10 ปีก่อน) มาปัจจุบันนี้ก็สามารถติดตั้งในรถยนต์นั่งราคาไม่แพงได้ ประโยชน์อีกประการของบรรดารถหรูทั้งหลาย คือ การบุกเบิก และนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ เพื่อวันข้างหน้า สิ่งเหล่านั้นจะถูกนำมาใช้วงกว้างต่อไปในอนาคต
ข้อมูลจำเพาะ บีเอมดับเบิลยู 730 แอลไอ
ตัวแทนจำหน่าย บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู (ประเทศไทย) จำกัด
โทร. 0-2305-8888
มิติ และน้ำหนัก
ยาว/กว้าง/สูง (มม.) 5,179/1,902/1,478
ช่วงล้อ หน้า/หลัง (มม.) 1,578/1,596
ฐานล้อ (มม.) 3,128
น้ำหนักรถ (กก.) 1,930
ความจุถังเชื้อเพลิง (ลิตร) 82
เครื่องยนต์
แบบ เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว
ความจุ (ซีซี) 2,996
กระบอกสูบ/ช่วงชัก (มม.) 88.0/85.0
อัตราส่วนกำลังอัด 10.8:1
กำลังสูงสุด (แรงม้า/รตน.) 218/6,600
แรงบิดสูงสุด (กก.-ม./รตน.) 30.6/2,600-3,000
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง หัวฉีดอีเลคทรอนิค
ระบบถ่ายทอดกำลัง
เกียร์ (จังหวะ) อัตโนมัติ 6
ขับเคลื่อน (ล้อ) 2 หลัง
ระบบรองรับ
หน้า อิสระ ปีกนกคู่
หลัง อิสระ มัลทิลิงค์
ระบบบังคับเลี้ยว
แบบ ฟันเฟือง และตัวหนอน เพาเวอร์ผ่อนแรง
ระบบห้ามล้อ
แบบ เอบีเอส ดีเอสซี
หน้า จาน มีช่องระบายความร้อน
หลัง จาน มีช่องระบายความร้อน
ราคา (บาท) 7,299,000
ข้อมูลจำเพาะ เมร์เซเดส-เบนซ์ เอส 350 ซีดีไอ
ตัวแทนจำหน่าย บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด
โทร. 0-2676-6222
มิติ และน้ำหนัก
ยาว/กว้าง/สูง (มม.) 5,206/1,871/1,473
ช่วงล้อ หน้า/หลัง (มม.) 1,577/1,570
ฐานล้อ (มม.) 3,165
น้ำหนักรถ (กก.) 1,925
ความจุถังเชื้อเพลิง (ลิตร) 90
เครื่องยนต์
แบบ วี 6 สูบ DOHC 24 วาล์ว
ความจุ (ซีซี) 2,997
กระบอกสูบ/ช่วงชัก (มม.) 88.0/82.1
อัตราส่วนกำลังอัด 10.7:1
กำลังสูงสุด (แรงม้า/รตน.) 219/5,500
แรงบิดสูงสุด (กก.-ม./รตน.) 30.6/2,400-5,000
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง หัวฉีดอีเลคทรอนิค
ระบบถ่ายทอดกำลัง
เกียร์ (จังหวะ) อัตโนมัติ 7 พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์แบบวันทัช
ขับเคลื่อน (ล้อ) 2 หลัง
ระบบรองรับ
หน้า แมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมคานยึด 4 จุด แอร์สปริง และเหล็กกันโคลง
หลัง อิสระ มัลทิลิงค์ แอร์สปริง และเหล็กกันโคลง
ระบบบังคับเลี้ยว
แบบ ฟันเฟือง และตัวหนอน พร้อมเพาเวอร์ปรับน้ำหนักตามความเร็วรถ
ระบบห้ามล้อ
แบบ เอบีเอส/อีเอสพี และบีเอเอส
หน้า จาน มีช่องระบายความร้อน
หลัง จาน
ราคา (บาท) 7,999,000
ข้อมูลจำเพาะ แจกวาร์ เอกซ์เจแอล
ผู้แทนจำหน่าย บริษัท จากัวร์ คาร์ส (ประเทศไทย) จำกัด
โทร. 0-2261-5005-11
มิติ และน้ำหนัก
ยาว/กว้าง/สูง (มม.) 5,122/2,100/1,448
ช่วงล้อ หน้า/หลัง (มม.) 1,626/1,603
ฐานล้อ (มม.) 3,032
น้ำหนัก (กก.) 1,755
ความจุถังเชื้อเพลิง (ลิตร) 82
เครื่องยนต์
แบบ เบนซิน วี 8
ความจุ (ซีซี) 5,000
กระบอกสูบ/ช่วงชัก (มม.) 92.5/93
อัตราส่วนกำลังอัด 11.5:1
กำลังสูงสุด (แรงม้า/รตน.) 385/6,500
แรงบิดสูงสุด (กก.-ม./รตน.) 52.5/3,500
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง หัวฉีดไดเรคท์อินเจคชัน
ระบบถ่ายทอดกำลัง
เกียร์ (จังหวะ) อัตโนมัติ 6
ขับเคลื่อน (ล้อ) 2 ล้อหลัง
ระบบรองรับ
หน้า ปีกนกคู่ พร้อมเหล็กกันโคลง
หลัง ปีกนกคู่ พร้อมเหล็กกันโคลง
ระบบบังคับเลี้ยว
แบบ ฟันเฟือง และตัวหนอน เพาเวอร์แปรผัน
ระบบห้ามล้อ
แบบ เอบีเอส และ เอดีซี
หน้า จาน มีช่องระบายความร้อน
หลัง จาน มีช่องระบายความร้อน
ราคา (บาท) 12,900,000
เรื่องโดย : กองบรรณาธิการ formula@autoinfo.co.th
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน มกราคม ปี 2554
คอลัมน์ Online : ทดสอบ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/29198