ทั่วไป
น้ำท่วมถือว่าเป็นเรื่องปกติของบ้านเมืองไทยเรา เพราะประเทศไทยอยู่ในเขตพื้นที่ราบลุ่ม และมีล่องมรสุมพัดผ่านทุกปี เป็นแหล่งที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยน้ำ เหมาะแก่ทำการเกษตรเพาะปลูกพืชพันธุ์ ธัญญาหารเลี้ยงประชากรโลก ดังนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเกิดน้ำท่วมในแต่ละจังหวัดทั่วประเทศ จะมากบ้าง น้อยบ้างในแต่ละปี และมีหลายจังหวัด จะมีพื้นที่น้ำท่วมเป็นประจำทุกปี
น้ำท่วมถือว่าเป็นเรื่องปกติของบ้านเมืองไทยเรา เพราะประเทศไทยอยู่ในเขตพื้นที่ราบลุ่ม และมีล่องมรสุมพัดผ่านทุกปี เป็นแหล่งที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยน้ำ เหมาะแก่ทำการเกษตรเพาะปลูกพืชพันธุ์ ธัญญาหารเลี้ยงประชากรโลก ดังนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเกิดน้ำท่วมในแต่ละจังหวัดทั่วประเทศ จะมากบ้าง น้อยบ้างในแต่ละปี และมีหลายจังหวัด จะมีพื้นที่น้ำท่วมเป็นประจำทุกปี
แต่ปีนี้เป็นอีกปีที่มีน้ำท่วมหนักในเขตที่ไม่เคยจะท่วมมาก่อน กล่าวคือ ในรอบ 40-50 ปี ที่ผ่านมาไม่เคยเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ราบสูง อย่างเช่น จังหวัดนครราชสีมา หรือ เมืองโคราช ถือเป็นที่ราบสูง มีคนเคยพูดว่า ถ้าน้ำท่วมโคราช กรุงเทพ ฯ ก็จมอยู่ใต้ทะเล ซึ่งมาปีนี้โคราชทั้งจังหวัด รวมทั้งจังหวัดใกล้เคียงโดยรอบเขาใหญ่ จมน้ำอย่างหนัก เกิดอะไรขึ้นกับธรรมชาติที่ฝนฟ้าเทลงมาอย่างต่อเนื่องหลายวัน จนน้ำหาทางลงทะเลไม่ทัน
จะโทษฟ้าโทษฝน จะโทษคนทำลายป่า หรือว่าคนเมืองก่อสร้างที่อยู่อาศัยขัดใจธรรมชาติ สร้างถนนหนทางปิดกันเส้นทางน้ำไหล ทั้งหมดถือว่าเป็นความประมาทของผู้คนที่ประเมินภัยธรรมชาติต่ำเกินไป อาจเห็นว่าหลาย 10 ปี ไม่มีภัยเกิด คงจะไม่เกิดภัยเป็นแน่ แต่นานๆ พอเกิดขึ้นที ก็เดือดร้อนไปทั่ว แล้วจะโทษใครดี ตอนนี้ที่ทำได้ ก็แค่ช่วยกัน แก้สถานการณ์เฉพาะหน้าไปก่อนเท่านั้น
น้ำท่วมเป็นอีกภัยหนึ่ง ที่บริษัทประกันภัยกลัวมาก รองลงมาจากภัยระเบิด และอัคคีภัย เพราะภัยน้ำท่วมทำให้ทรัพย์สินเสียหาย ต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนกันอ่วมอรทัย ดังนั้นกรมธรรม์ประกันภัย ทรัพย์แทบทุกประเภท จะยกเว้นภัยน้ำท่วมไว้ หากจะให้คุ้มครอง ซื้อเพิ่ม และต้องจ่ายแพงกว่าภัยอื่นๆ ซึ่งบริษัทประกันภัย อาจไม่ยอมขายให้ ในบ้างพื้นที่ที่เสี่ยงก็ได้ เช่น พื้นที่ที่เคยเสียหายจากภัยน้ำท่วมมาก่อนแล้ว
แต่สำหรับกรมธรรม์รถยนต์ ที่คุ้มครองตัวรถแบบภัยทุกชนิด (All RISK) หรือที่เราเรียกว่าประกันประเภท 1 จะรวมคุ้มครองภัยจากน้ำท่วมและภัยธรรมชาติอื่นๆ ไว้ด้วย ดังนั้นหากเกิดความเสียหายจากภัยน้ำท่วมเกิดขึ้น จึงสามารถเคลมค่าสินไหมทดแทนได้ ตามความเสียหายที่แท้จริง แต่ไม่เกินจากทุนประกันภัยที่แจ้งทำเอาไว้
หมายถึง ความเสียหายเกิดกับส่วนที่เป็นตัวรถ เช่น เครื่องยนต์ เบาะ และภายในตัวรถยนต์ เมื่อแจ้งทำเคลมบริษัทประกันภัย ก็จะจ่ายค่าล้างทำความสะอาด และซ่อมแซมให้กลับคืนสภาพเดิม แต่ถ้าเป็นส่วนที่ตกแต่งเพิ่มเติม เช่น เครื่องเสียง หรือส่วนตกแต่งอื่นๆ ก็จะต้องไปดูในตัวกรมธรรม์ว่า ได้แจ้งซื้อเพิ่มความคุ้มครองไว้หรือไม่ และจำนวนเท่าไร ถ้าซื้อไว้ ก็จะได้รับการคุ้มครองตามจำนวนที่ซื้อ ถ้าไม่ได้ซื้อ หรือซื้อไว้น้อยกว่าจำนวนที่เสียหายจริง ก็ต้องรับผิดชอบเอง ตามส่วนต่างความเสียหายนั้นๆ
ที่สำคัญ คือ ผู้ประกันภัยหรือเจ้าของรถ จะต้องมีส่วนร่วมในความเสียหายส่วนแรก 1,000 บาท อันเนื่องจากภัยน้ำท่วมที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เป็นความเสียหายที่เกิดจากการชน หรือคว่ำ ตามเงื่อนไขกรมธรรม์
ส่วนการประกันภัยรถยนต์ประเภทอื่นๆ ที่ไม่ใช่ประเภท 1 และไม่ได้มีการซื้อความคุ้มครองภัยน้ำท่วมหรือภัยธรรมชาติไว้ ก็ไม่สามารถจะมาทำเคลมความเสียหายจากภัยน้ำท่วมได้
น้ำท่วมปีนี้เสียหายในวงกว้างและรุนแรงในหลายพื้นที่คาดว่าจะมีรถยนต์เสียหายหลายหมื่นคันและในจำนวนนี้ น่าจะมีความคุ้มครองประเภท 1 ที่สามารถทำเคลมความเสียหายจากภัยน้ำท่วมนี้หลายพันคัน ซึ่งแต่ละคันมีความเสียหายเฉลี่ยที่ 50,000 บาท ถ้ามีเคลม 1,000 คัน บริษัทประกันภัย ก็ต้องจ่าย 50 ล้านบาท ถ้า 10,000 คัน ก็จ่าย 500 ล้านบาท รวมเป็นเงินไม่น้อยเลยทีเดียว
ยังไม่รวมความเสียหายจากภัยอื่น เป็นภัยจากการประกันอัคคีภัย และการเสี่ยงภัยทุกชนิดของอาคารบ้านเรือน โรงงาน สำนักงานต่างๆ และยังมีการประกันภัยพืชผลทางการเกษตรอีก คาดว่าความเสียหายโดยรวมที่บริษัทประกันภัยต้องรับผิดชอบ ในค่าสินไหมรวมปีนี้ ไม่น้อยกว่า 10,000 ล้านบาท จากภัยน้ำท่วมอย่างเดียว
น้ำท่วมครั้งนี้ ก็จะเป็นบทพิสูจน์ความแข็งแรงของบริษัทประกันภัย และ คปภ. ที่จะต้องดูแลให้ประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อนให้ได้รับการบริการที่ดี ได้รับค่าสินไหมที่เป็นธรรม และรวดเร็ว เนื่องด้วยปัจจุบันมีหลายบริษัทประกันภัยมีปัญหาสภาพคล่อง ที่แย่ มีเงินกองทุนที่ติดลบ ถูก คปภ. สั่งลงโทษหลายบริษัท เมื่อต้องมาเจอภัยปัญหาภัยน้ำท่วมครั้งนี้ด้วย อาจมีหลายบริษัทต้องล่มจมไปพร้อมๆ กับภัยน้ำท่วมครั้งนี้เลยทีเดียว
ที่ลองมาดูการประเมินผลเสียหายเบื้องต้น จากภัยน้ำท่วมปีนี้ของแต่ละบริษัท ข้อมูล ณ วันที่ 20 ตุลาคม 2553
อานนท์ วังวสุ ผู้อำนวยการฝ่ายสินไหมทดแทนยานยนต์ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด และเลขาธิการ สมาคมประกันวินาศภัย ประเมินความเสียหายร่วมกับบริษัทประกันวินาศภัยหลายแห่ง คาดว่า รถยนต์จะได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์น้ำท่วมหนักใน 6-7 จังหวัด ประมาณ 1,000 คัน เฉพาะบริษัท กรุงเทพประกันภัย ฯ มีการแจ้งเคลมเข้ามาแล้วประมาณ 30 คัน และจากการพูดคุยกับผู้บริหารบริษัท วิริยะประกันภัย ฯ ทราบว่ามีลูกค้าประกันภัยรถยนต์ แจ้งเคลมเข้ามาแล้วประมาณ 100 คัน
สำหรับ การจ่ายสินไหมทดแทน ไม่มีปัญหาใดๆ เพราะในกรมธรรม์ระบุชัดเจนว่า ประกันรถยนต์ชั้น 1 คุ้มครองภัยน้ำท่วม ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ชัดเจน ส่วนใหญ่คาดว่าจะเป็นความเสียหาย 100 % เพราะระดับน้ำไม่ลดลงเลย ทำให้รถจมอยู่ใต้น้ำหลายวัน ซึ่งรถที่น้ำท่วมขึ้นมาถึงระดับใกล้เคียงพวงมาลัย จะเสียหายทั้งคัน ใช้ไม่ได้ เนื่องจากปัจจุบันรถยนต์ควบคุมโดยระบบอีเลคทรอนิคส์ เช่น บริเวณโรงพยาบาลมหาราช และ เซนต์แมรี่ นครราชสีมา ที่น้ำมาอย่างรวดเร็ว ไม่สามารถนำรถออกมาได้ จมอยู่ใต้น้ำหลายวัน ซึ่งเสียหายไปกว่า 70 คัน
หากเสียหาย 100 % คิดเป็นทุนประกัน 5 แสนบาท/คัน ก็ประมาณ 500 ล้านบาท ซึ่งไม่มีปัญหา เราพร้อมจ่าย แต่ไม่ใช่ทุกคันที่เสียหายจะทำประกันภัยชั้น 1 แต่คาดว่าส่วนใหญ่จะมีประกันภัยชั้น 1 ที่เหลือจะเป็นประกันภัยชั้น 2 และ ชั้น 3 พิเศษ ซึ่งไม่มีความคุ้มครองเรื่องภัยน้ำท่วม
พุทธิพงษ์ ด่านบุญสุต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยเศรษฐกิจประกันภัย ฯ เปิดเผยว่า ลูกค้าประกันภัยรถยนต์ของบริษัท ฯ ที่ได้รับความเสียหายจากภัยน้ำท่วม ช่วงนี้มีเคลมประกันภัยรถยนต์จากน้ำท่วมประมาณ 30 คัน จากทั้งหมด 250 ราย ส่วนใหญ่เป็นรถที่ใช้ในการเกษตร ซึ่งไม่ได้ทำประกันภัยชั้น 1
ด้าน กี่เดช อนันต์ศิริประภา กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท แอกซ่าประกันภัย ฯ คาดว่าจะมีการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนเข้ามา จะเป็นประกันภัยรถยนต์ เพราะส่วนใหญ่ผู้ที่ทำประกันชั้น 1 จะได้รับความคุ้มครองภัยน้ำท่วม
สรญา สุขวณิช หัวหน้าฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท แอกซ่าประกันภัย ฯ เปิดเผยว่า บริษัท ฯ ได้รับการแจ้งเหตุจากผู้เอาประกันภัยที่ได้รับความเดือดร้อนจากภัยน้ำท่วมแล้ว 14 ราย ซึ่งเป็นผู้เอาประกันที่ประสบภัยในพื้นที่อำเภอเมือง อำเภอปากช่อง อำเภอปักธงชัย นครราชสีมา อำเภอแก่งคอย สระบุรี และอำเภอเมือง ลพบุรี โดยเป็นเคลมประกันภัยรถยนต์ 5 ราย มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 2 ล้านบาท และเคลมประกันภัยทรัพย์สิน 9 ราย ซึ่งอยู่ในช่วงประเมินความเสียหายอยู่
มนตรี วงศ์ท่าเรือ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการตลาดลูกค้าในประเทศ บริษัท โตเกียวมารีนศรีเมืองประกันภัย ฯ คาดว่าลูกค้าประกันภัยรถยนต์จะได้รับความเสียหายมาก เพราะบริษัท ฯ เน้นให้ทำประกันภัยชั้น 1 ที่จะคุ้มครองความเสียหายจากน้ำท่วม
ความเสียหายจากภัยน้ำท่วม ไม่ได้จำกัดเฉพาะเกษตรกร แต่ยังเสียหายไปถึงสถาบันการเงินที่ปล่อยสินเชื่อให้แก่เกษตรกร ซึ่งปัจจุบันสถาบันการเงินเหล่านี้ได้หาทางแก้ไขปัญหาให้กับตัวเองได้แล้ว ด้วยการยอมจ่ายเงินซื้อประกันสินเชื่อให้แก่เกษตรกรฟรี เช่น ธนาคารกรุงไทย และ ธกส. ที่ยอมแจกฟรีประกันสินเชื่อให้แก่ลูกหนี้นอกระบบ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร เพื่อที่ว่าเมื่อลูกหนี้เสียชีวิต บริษัทประกันชีวิตจะเป็นผู้ชำระหนี้ส่วนที่เหลือให้กับธนาคาร
จำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลจะต้องเร่งให้โครงการร่วมบรรเทาความเสียหายของเกษตรกรโดยเร็ว เพราะผลการศึกษาเบื้องต้นที่คาดว่าเกษตรกรปลูกข้าว จะได้รับความเสียหายจากภัยน้ำท่วมนั้นมีสูงถึงประมาณปีละ 3,500 ล้านบาท และหากรวมข้าวโพด มันสำปะหลัง ด้วย จะคิดเป็นเงินประมาณ 5,000 ล้านบาท
ด้าน คปภ. (คณะกรรมการกำกับเเละส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย) แจ้งเตือนประชาชนที่ทำประกันความเสี่ยงจากปัญหาอุทกภัย แจ้งบริษัทประกันเข้าประเมินความเสียหาย ขอเงินชดเชย ทั้งนี้ จากการตรวจสอบประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาอุทกภัย มีการทำประกันอัคคีภัยเเละความเสี่ยงจากทรัพย์สินจำนวน 3.42 แสนกรมธรรม์ ซึ่งครอบคลุมภัยจากภัยน้ำท่วม ขอให้ประชาชนรีบเเจ้งต่อบริษัทประกันภัย เพื่อตรวจสอบความเสียหายเเละรับค่าสินไหมทดแทน
สำหรับการทำประกันภัยรถยนต์ประเภทที่ 1 ในพื้นที่ประสบปัญหาอุทกภัย มีกว่า 1 แสนคัน หากรถยนต์เสียหายมากกว่า 70 % ของมูลค่ารถ บริษัทประกันภัยจะชดเชยให้เต็มวงเงินประกัน และกรณีรถยนต์ถูกกระเเสน้ำพัดไปชนกับรถยนต์คันอื่น บริษัทประกันก็จะรับผิดชอบคู่กรณีให้ด้วย
มีปัญหา ข้อสงสัย ไม่ได้รับความเป็นธรรมเกี่ยวกับประกันภัย โทร 1186 สายด่วนประกันภัย
เรื่องโดย : กฤชกมล นิติธรรมโกศล formula@autoinfo.co.th
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน ธันวาคม ปี 2553
คอลัมน์ Online : ทั่วไป
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/29162