เปรียบเทียบเอสยูวีหรูพลังไฮบริด กับดีเซล

โลกของเอสยูวียุคใหม่ เป็นการขับเคี่ยวระหว่างระบบขับเคลื่อนพันทาง หรือไฮบริด ที่นับวันจะมีบทบาทมากขึ้น จากประสิทธิภาพของมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้แรงบิดสูง ผสานกับความปราดเปรียวของเครื่องยนต์เบนซิน จนเกิดคำถามว่า ระหว่างเครื่องยนต์ไฮบริด กับเจ้าแห่งแรงบิด และความประหยัดเชื้อเพลิงเดิมอย่างเครื่องยนต์ดีเซล แบบไหนจะให้ความคุ้มค่ามากกว่ากัน ? เราจึงนำเอสยูวีหรู 2 คัน นั่นคือ เลกซัส อาร์เอกซ์ 450 เอช (LEXUS RX 450H) ตัวแทนของเอสยูวีไฮบริด และเมร์เซเดส-เบนซ์ เอมแอล 320 ซีดีไอ บลูเทค (MECEDES-BENZ ML 320 CDI BLUETEC) ตัวแทนของเอสยูวีดีเซลยุคใหม่ มาเปรียบเทียบข้อมูลทางสมรรถนะ เพื่อให้เห็นภาพเครื่องยนต์ทั้ง 2 ชนิด ว่าจะมีจุดเด่น จุดด้อย อย่างไรบ้าง แนะนำตัวกันก่อน เลกซัส อาร์เอกซ์ 450 เอช สัญชาติอเมริกัน เชื้อชาติญี่ปุ่น ใช้เครื่องยนต์เบนซิน รหัส 2GR-FXE วี 6 สูบ ขนาด 3.5 ลิตร กำลัง 246 แรงม้า ที่ 6,000 รตน. จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าติดตั้งที่ล้อคู่หน้า กำลัง 174 แรงม้า แรงบิด 34.2 กก.-ม. นอกจากนี้ยังมีมอเตอร์ไฟฟ้าอีก 1 ตัว ติดตั้งที่ล้อคู่หลังที่ทำงานเมื่อล้อหลังเกิดอาการหมุนฟรี ให้กำลัง 67 แรงม้า แรงบิด 14.2 กก.-ม. เมื่อรวมทั้งระบบแล้ว พละกำลังที่ได้เท่ากับ 295 แรงม้า เอสยูวีเมืองเบียร์ ต้นตำรับเครื่องยนต์ดีเซล เมร์เซเดส-เบนซ์ เอมแอล 320 ซีดีไอ ใช้เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ บลูเทค 3.0 ลิตร กำลัง 210 แรงม้า ที่ 3,800 รตน. แรงบิดสูงสุด 55.7 กก.-ม. ที่ 1,600 รตน. พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา แบบ โฟร์-เมทิค (4-MATIC) อาร์เอกซ์ 450 เอช ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 6.4 วินาที ส่วน เอมแอล 320 ซีดีไอ ตามกันมาที่เวลา 8.1 วินาที ความเร็วปลายถึง 160 กม./ชม. เลกซัส ทำได้ 13.5 วินาที ขณะที่ เมร์เซเดส-เบนซ์ ทำได้ 18.5 วินาที แสดงให้เห็นว่าทั้งอัตราเร่งตีนต้น และตีนปลาย เครื่องยนต์ไฮบริดมีความได้เปรียบทั้ง 2 ส่วน ช่วงตีนต้นออกตัวดี เนื่องจากแรงบิดสูงจากเครื่องยนต์มอเตอร์ไฟฟ้ามาเสริมแรง ขณะที่ความเร็วปลายก็เป็นหน้าที่ของเครื่องยนต์เบนซิน ในขณะที่เครื่องยนต์ดีเซลของ เมร์เซเดส-เบนซ์ ยังถือว่าให้อัตราเร่งที่ดี แต่การปรับแต่งเครื่องยนต์ให้มีบุคลิกที่เน้นความนุ่มนวลของค่ายรถแห่งนี้ ทำให้สมรรถนะที่ออกมาดูต่างกันพอสมควร สำหรับความประหยัดเชื้อเพลิง เลกซัส ได้เปรียบกับการขับขี่ในเมืองที่อัตรา 12.0 กม./ลิตร นับว่าทำได้ดีสำหรับเอสยูวีขนาดใหญ่เช่นนี้ เนื่องจากการใช้ความเร็วต่ำเป็นหน้าที่ของมอเตอร์ไฟฟ้า ช่วยแบ่งเบาภาระของเครื่องยนต์เบนซินได้ไม่น้อย ทางด้าน เมร์เซเดส-เบนซ์ สิ้นเปลือง 7.7 กม./ลิตร ตามมาตรฐาน แต่สามารถตีตื้นขึ้นมาได้ในส่วนการขับขี่ย่านความเร็วสูงบนไฮเวย์ เอมแอล 320 ซีดีไอ มีอัตราสิ้นเปลือง 10.3 กม./ลิตร ส่วน อาร์เอกซ์ 450 เอช ใกล้เคียงกันที่ 11.2 กม./ลิตร คาแรคเตอร์ของเครื่องยนต์ไฮบริดจะเป็นเช่นนี้ นั่นคือ มีการสิ้นเปลืองที่การขับบนไฮเวย์ด้อยกว่าการขับในเมือง เพราะการใช้ความเร็วสูงจะเป็นหน้าที่ของเครื่องยนต์เบนซินล้วนๆ ทำให้การสิ้นเปลืองเพิ่มมากขึ้น เรายังสังเกตว่า เลกซัส พยายามออกแบบภายในให้ดูล้ำสมัย จนทำให้ไม่แน่ใจว่ารูปทรงของคอนโซลที่โค้งไปมานั้น ดู ล้ำ หรือ เลอะ กันแน่ ทั้งๆ ที่ราคาค่าตัวขนาดนี้น่าจะเน้นด้านความหรูหราเสียบ้าง เทียบกับภายในของ เอมแอล 320 ซีดีไอ ที่เรียบหรู และลงตัว ในสไตล์ของ เมร์เซเดส-เบนซ์ เดิมทีเครื่องยนต์ไฮบริดถูกมองว่าพัฒนาขึ้นมาเพื่อเน้นความประหยัดเท่านั้น ทำให้มีผู้วิจารณ์ว่าเครื่องยนต์ดีเซลขนาดพอเหมาะ ก็ให้ความประหยัดเชื้อเพลิงที่ดีพออยู่แล้ว แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป เทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังมากขึ้นกว่าเดิมโดยเฉพาะด้านแรงบิด เป็นผลให้รถยนต์ไฮบริดมีแรงบิดที่ดีในตีนต้น ไม่แพ้เครื่องยนต์ดีเซล แต่ยังคงความได้เปรียบช่วงความเร็วตีนปลาย และคงไว้ซึ่งความประหยัด กลายเป็นเหตุผลหนึ่งที่ค่ายรถหลายแห่งต้องหันมาเสริมทัพด้วยรุ่นที่วางเครื่องระบบไฮบริดมากมาย ล่าสุด เมร์เซเดส-เบนซ์ เองยังเพิ่มรุ่น เอมแอล 450 ไฮบริด ข้อมูลจำเพาะ เลกซัส อาร์เอกซ์ 450 เอช เครื่องยนต์ เบนซิน ไฮบริด 4 สูบ DOHC ความจุ (ซีซี) 3,456 กำลังสูงสุด (แรงม้า/รตน.) 295/6,000 แรงบิดสูงสุด (กก.-ม./รตน.) 34.9/4,800 ระบบขับเคลื่อน (ล้อ) 4 ข้อมูลจำเพาะ เมร์เซเดส-เบนซ์ เอมแอล 320 ซีดีไอ บลูเทค เครื่องยนต์ ดีเซล เทอร์โบ 4 สูบ DOHC ความจุ (ซีซี) 2,987 กำลังสูงสุด (แรงม้า/รตน.) 215/3,800 แรงบิดสูงสุด (กก.-ม./รตน.) 55.7/1,600 ระบบขับเคลื่อน (ล้อ) 4