พิเศษ
เจ้าของรถหมดระยะประกัน มักมีเหตุมีผลสารพัดว่าจะนำรถของตัวเข้ารับบริการเชคระยะที่ไหนดี ระหว่างศูนย์บริการ หรือเข้าร้านจำพวกที่เรียกว่า ฟาสต์ เซอร์วิศ (FAST SERVICE) หรือ ควิค เซอร์วิศ (QUICK SERVICE)
เจ้าของรถหมดระยะประกัน มักมีเหตุมีผลสารพัดว่าจะนำรถของตัวเข้ารับบริการเชคระยะที่ไหนดี ระหว่างศูนย์บริการ หรือเข้าร้านจำพวกที่เรียกว่า ฟาสต์ เซอร์วิศ (FAST SERVICE) หรือ ควิค เซอร์วิศ (QUICK SERVICE)
บ้างก็ว่าเข้าศูนย์ ฯ ดีกว่า แม้จะหมดระยะประกันไปแล้ว ก็ควรจะเข้าศูนย์ ฯ เพราะรถจะได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง มีประวัติดี ส่งผลให้ขายต่อได้ราคา และยอมรับว่าแม้จะแพงกว่าก็ต้องยอม บางคนถึงขั้นว่าซื้อรถมือสองมาก็ควรนำมาเข้าศูนย์ ฯ แล้วเริ่มนับหนึ่งใหม่ จะได้รับการดูแลที่เหนือกว่า
แต่บางคนไม่สนศูนย์ ฯ ชอบนำรถเข้า ฟาสต์ เซอร์วิศ เพราะเป็นของใหม่ ผู้ให้บริการบางรายโฆษณาว่าเขาสามารถเชคระยะแทนศูนย์บริการได้เลย อีกทั้งอะไหล่ก็ยังมีให้เลือกครบถ้วน หลากหลาย ที่สำคัญ ราคาก็ไม่แพงเท่า แถมมักจัดพโรโมชันบ่อยๆ ส่วนมาตรฐานดูแล้วไม่น่าจะต่างกัน
ตกลงใครถูกใครผิด อะไรจริง อะไรไม่จริง !?
เหตุนี้เราจึงจัดการทำรีวิว เพื่อเปรียบเทียบ และให้คะแนนกันดู !
ศูนย์บริการ และ ฟาสต์ เซอร์วิศ
ศูนย์บริการของบริษัทรถยนต์ได้รับการพัฒนาไปมาก จากหลายเหตุผล เช่น ปริมาณรถที่เพิ่มขึ้น บริษัทต่างชาติเข้ามาดำเนินกิจการกันเอง หรือเรื่องธรรมชาติก็คือ ธุรกิจและการบริการทุกอย่างก็สมควรได้รับการพัฒนาอยู่เสมอ โดยการพัฒนาในส่วนงานบริการของบริษัทผู้จำหน่ายรถยนต์นั้น มักพยายามสร้างมาตรฐานให้เท่าเทียมกันทุกแห่ง เรียกว่าเข้าศูนย์ ฯ หรือสาขาไหนก็เหมือนกันนั่นแหละ
ด้าน ฟาสต์ เซอร์วิศ ในบ้านเราก็ขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ทั้งผู้ให้บริการรายเดิม และรายใหม่ ต่างขยายสาขากระจายไปทั่วกรุง และทั่วทุกภูมิภาค โดยโชว์จุดเด่นแตกต่างกัน แต่เรื่องใหม่ที่น่าจะเป็นทเรนด์ล่าสุด มีความพยายามที่จะแย่งชิงลูกค้าศูนย์บริการรถยนต์หลังรถหมดระยะประกันไปไม่น้อย ก็คงจะเป็นการเข้าเชคระยะที่รับประกันว่าทั้งคุณภาพ และการบริการเหมือนศูนย์ไม่มีผิดเพี้ยน
การทดลองเข้าเชคระยะ 6 หมื่นกม. ของเราครั้งนี้ไม่เปิดเผยชื่อบริษัท โดยเราทดลองกับศูนย์บริการมาตรฐานของบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นยี่ห้อหนึ่ง กับ ฟาสต์ เซอร์วิศ สัญชาติอเมริกันเจ้าหนึ่งที่โฆษณาว่ารับประกันได้ว่าไม่ต่างจากศูนย์ ฯ อย่างไรก็ตามยังมีตัวแปรหลายด้านที่เราควบคุม คือ 1. รถยนต์คันเดียวกัน 2. เข้ารับบริการวันศุกร์เหมือนกัน (แต่คนละสัปดาห์) ไปถึงศูนย์เวลา 9.00 น. เช่นเดียวกัน ส่วนการรีวิวจะแบ่งออกเป็น 5 หัวข้อ ให้คะแนนในแต่ละหัวข้อ แล้วนำมาสรุปผลเป็นตารางในตอนท้าย
จำนวนดาว และการตัดเกรด
มี 5 หัวข้อ แบ่งเป็นหัวข้อละ 20 คะแนน ถ้ารวมกันแล้วได้...
90-100 คะแนน คือ 5 ดาว ดีเด่น: ควรไปอุดหนุนโดยพลัน ไกลหน่อยก็ต้องยอม
80-89 คะแนน คือ 4 ดาว ดีมาก: ไปใช้บริการได้เลย ยิ่งใกล้บ้านยิ่งยอด
70-79 คะแนน คือ 3 ดาว ดี: ฝากผีฝากไข้ได้สบาย
60-69 คะแนน คือ 2 ดาว พอใช้: ถ้าจำเป็นค่อยเข้าไป
50-59 คะแนน คือ 1 ดาว ควรปรับปรุง: ไปที่อื่นดีกว่าไหม อย่าย่างกรายไปใกล้เชียว
ต่ำกว่า 50 คะแนน คือ 0 ดาว ย่ำแย่: ปิดบริการไปเลยน่าจะดีที่สุด
ศูนย์บริการ
การต้อนรับ
เราโทรศัพท์นัดไปที่ศูนย์ ฯ ก่อน 2 วัน ได้วันนัดหมายและคิวเวลา 9.00 น. เราไปถึงช้านิดเดียว เวลา 9.06 น. เมื่อไปถึง มีช่องจอดรับรถทั้งหมด 3 ช่อง เจ้าหน้าที่รับรถสาว แอบดูป้ายทะเบียนเราก็รีบไปหยิบคิวนัดมาแล้วยิ้มแย้มแจ่มใสยกมือไหว้สวัสดีแบบใกล้ๆ จะประทับใจ ก่อนพาเราเข้าไปรอในห้องรับรอง ที่มีคนนั่งรออยู่ 3 คน นั่งได้รอ 4-5 นาที ก็เห็นเจ้าหน้าที่นำรถของเราออกไปจากช่องจอด อีก 5 นาทีเจ้าหน้าที่รับรถ ก็เชิญเราไปรับฟังรายละเอียดการเชคระยะ และถามถึงสเปคน้ำมันเครื่องที่เราต้องการใช้ เมื่อเราถามกลับไปว่าแบบไหนดี ราคาเท่าไร ก็ได้คำตอบที่ชัดเจนพอสมควร แจ้งเวลารับรถประมาณ 11.00 น. เราตัดสินใจรอ เพื่อเฝ้าดูการทำงานจนจบ สรุปแล้วเจ้าหน้าที่รับรถอัธยาศัยปานกลาง เน้นดูดีมีหลักการมากกว่า ถ้ายิ้มแย้มกว่านี้อีกนิด จะสมบูรณ์สุดๆ ตอนจ่ายเงินและรับรถกลับก็ยิ้มแย้มปานกลาง
คะแนน 16
อาคารสถานที่
เนื่องจากเมื่อขึ้นชื่อว่าศูนย์บริการมาตรฐานของบริษัทรถยนต์ เราจึงใช้ฐานความคิดว่า เข้าศูนย์ไหนก็ต้องเหมือนกัน ว่ากันตรงๆ เราไม่ได้เลือกเข้าศูนย์ ฯ ใหม่เอี่ยม แต่ก็ไม่ได้เก่าแก่จนเกินไปนัก แถมยังได้รับการปรับปรุงพอสมควร อาคารสถานที่จึงอยู่ในระดับดีและสวยใช้ได้ ทั้งโชว์รูม และห้องรับรอง แต่จะดูธรรมดาๆ ในส่วนของช่องให้บริการ ซึ่งส่วนใหญ่ศูนย์จะไม่ค่อยชอบให้ลูกค้าเข้าไปป้วนเปี้ยนอยู่แล้ว ฉะนั้นภายในห้องรับรอง จึงอุดมไปด้วยหนังสือนานาชนิด โทรทัศน์ แอลซีดี คอมพิวเตอร์ต่ออินเตอร์เนท 3 เครื่อง มุมกาแฟชงเอง ที่สำคัญยังมีทีวีวงจรปิดที่ฉายภาพสลับไปมาระหว่างช่องให้บริการแต่ละช่อง และมีทีวีแสดงสถานะการให้บริการอย่างที่เห็นในภาพ อย่างไรก็ตามเรายังลองดื้อจะเดินไปดูการให้บริการรถของเรา และถ่ายรูปเก็บไว้เพื่อมารีวิว สักพักก็ถูกทีวีวงจรปิดเจ้ากรรมจับได้ มารู้ตัวก็เมื่อผู้จัดการเดินมาเชิญให้กลับไปนั่งรอที่ห้องรับรอง ซึ่งเราก็ยอมแต่โดยดี และเมื่อถามเหตุผลไปว่าทำไมเข้าไปดูไม่ได้ ก็ได้รับคำตอบ (แบบสุภาพ) ว่าเพื่อให้ช่างทำงานได้สะดวก
คะแนน 18
เครื่องไม้เครื่องมือ
ก่อนถูกจับได้ เราก็ได้เก็บข้อมูลมาเรียบร้อยว่า จากพื้นที่ให้บริการที่แม้จะดูโทรมไปหน่อย แต่ก็มีช่องซ่อมทั้งหมด 4 ช่องธรรมดา และช่อง 1 ซ่อมพิเศษสำหรับรถไฮบริด กับช่าง (เท่าที่เห็น) 5 คน เครื่องไม้เครื่องมือครบครันทันสมัยตามสไตล์ศูนย์ ฯ พิสูจน์ได้จากบางชิ้นเราก็ยังไม่รู้จัก สภาพแม้ไม่ใหม่นักเพราะใช้งานมาพอสมควร แต่ก็มีจำนวนเท่าๆ กับช่องให้บริการ ซึ่งจะทำให้ไม่ติดขัดเวลามีรถเข้ามาเต็มช่องซ่อม มีป้ายแสดงสถานะวางบนหลังคารถ และป้ายแสดงผู้รับผิดชอบการทำกิจกรรม 5 ส. (สะสาง สะดวก สะอาด สุขลักษณะ สร้างนิสัย) ในแต่ละวัน การแบ่งสัดส่วนการทำงานชัดเจน และมีเครื่องมือสำหรับซ่อมหนักและซ่อมเบามากมาย (เครื่องตั้งศูนย์ล้อไม่มีให้เห็นเลย) ระบบจัดเก็บน่าจะหยิบง่ายใช้คล่อง
คะแนน 17
ระยะเวลา
ระบบบริหารจัดการเวลาของศูนย์ ฯ ในช่วงการต้อนรับ และการบริการ ทั้งยามรับรถและส่งรถ ถือว่าทำได้ดี รวดเร็วเกินคาด ใช้เวลาประมาณไม่เกิน 10 นาทีก็เสร็จ แต่ไปช้าเอาตอนเข้าช่องซ่อม ที่สังเกตได้ว่าต้องรอคิวช่องซ่อม และรอช่างซ่อมด้วย เนื่องจากไปช่วยทำรถอีกคันหนึ่ง รวมระยะเวลาทำงานของช่าง 1 ชั่วโมง 47 นาที แต่ทั้งนี้ศูนย์ ฯ มีบริการล้างรถให้ฟรีด้วย อย่างไรก็ตามเราไม่ได้แยกเวลาการล้างรถ และดูดฝุ่นออกจากการเชคระยะของช่าง (เพราะถูกเชิญตัวออกมาก่อนแล้ว) จึงยกประโยชน์ให้จำเลยว่า การทำงานน่าจะเร็วกว่านี้สักครึ่งชั่วโมง อย่างไรก็ตามเมื่อรวมระยะเวลาในการเชคระยะทั้งหมดใช้ไปถึง 2 ชั่วโมง 4 นาที
คะแนน 15
ค่าใช้จ่าย
ปัจจัยสำคัญของค่าใช้จ่าย จะแพงไม่แพงขึ้นอยู่กับชนิดน้ำมันเครื่องเป็นหลัก เราตัดสินใจเลือกชนิดกึ่งสังเคราะห์ สรุปแล้วทั้งหมด มีค่าใช้จ่าย คือ 2,176.38 บาท ได้ส่วนลด 15 % เหลือ 2,060 บาท (รับบัตรเครดิท) เนื่องจากเราโทรศัพท์มานัด (ศูนย์ ฯ สนับสนุนการโทรศัพท์มานัดเพื่อความรวดเร็วของทั้งสองฝ่าย) แจกแจงได้เป็น ค่าสลับยางถ่วงล้อ 160 บาท ที่แยกไว้ต่างหาก ค่าอะไหล่ทั้งหมด 1,874 บาท ประกอบไปด้วย น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ 4 ลิตร 800 บาท ไส้กรองแอร์ 450 บาท (ลดเหลือ 382.50 บาท) แหวนรองนอทถ่าย 49 บาท (ลดเหลือ 41 บาท) ไส้กรองน้ำมันเครื่อง 220 บาท (ลดเหลือ 187 บาท) น้ำยาทำความสะอาดเบรค 50 บาท และน้ำยาล้างหัวฉีดเบนซิน 305 บาท และค่าภาษีอีก 142.38 บาท สังเกตได้ว่ามีรายการเปลี่ยนนอกเหนือจากการเชคระยะปกติ คือ ไส้กรองแอร์ น้ำยาทำความสะอาดเบรค และน้ำยาล้างหัวฉีดเบนซิน ซึ่งไม่ได้ระบุในคู่มือว่าให้ใช้ แต่ศูนย์ ฯ ก็ได้แจ้งเราไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าจะเปลี่ยน
คะแนน 14
คะแนนรวม 80 ได้ 4 ดาว หมายถึงดีมาก: ไปใช้บริการได้เลย ยิ่งใกล้บ้านยิ่งดี อย่าลืมโทรนัดด้วยล่ะ
ฟาสต์ เซอร์วิศ
การต้อนรับ
เราลองโทรศัพท์นัดไปที่ ฟาสต์ เซอร์วิศ แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่มีระบบนัด ให้เข้ามาได้เลย เราจึงไปในเวลาประมาณ 9.15 น. เมื่อไปถึง นำรถไปจอดที่จุดรับรถ ซึ่งมีช่องเดียว มีเจ้าหน้าที่สาวออกมาต้อนรับ ไม่ค่อยยิ้มแย้มแจ่มใสสักเท่าไร แต่พูดจาดีมีมารยาท เราแจ้งไปก่อนว่ามาเชคระยะ 6 หมื่นกม. เธอจึงสอบถามว่าเคยใช้บริการมาแล้วหรือไม่ พร้อมพาเราเดินไปที่โต๊ะภายในห้องรับรอง แล้วเชคประวัติเรา พร้อมถามว่าใช้น้ำมันสังเคราะห์ยี่ห้อเดิมหรือไม่ เราสอบถามราคาไปแล้ว แต่ก็สู้ราคาพโรโมชัน 1,680 บาท ไม่ไหว (เพราะเปลี่ยนรอบที่ 2 แล้วภายในสัปดาห์เดียวกัน) จึงเลือกอีกยี่ห้อหนึ่ง ราคาพโรโมชัน 1,360 บาท สุดท้ายเธอเชิญนั่งรอ และเมื่อถึงช่วงเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง เราจึงเดินไปดูการทำงาน ปรากฏว่าช่างเทน้ำมันเครื่องผิดยี่ห้อไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นยี่ห้อแพงกว่าที่เราไม่เอา เราจึงปล่อยเลยตามเลย เมื่อไปดูที่ใบแจ้งซ่อมก็ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่เขียนมาผิด เราไปบอกความผิดพลาดของเธอตอนจ่ายเงิน เธอก็ขอโทษขอโพยและบอกเหตุผลว่าเธอสับสน เราคิดว่าทั้งนี้อาจเป็นเพราะเธอทำงานคนเดียว และรับหลายหน้าที่ ทั้งต้อนรับและบริการ ดังนั้นจึงเกิดความผิดพลาด และไม่ยิ้มแย้มแจ่มใสนัก เพราะงานหนักไปหน่อย อย่างไรก็ตามเธอก็บริการได้เร็วไม่แพ้ศูนย์ ฯ ซึ่งอาจเป็นเพราะระบบงานไม่ซับซ้อนด้วย
คะแนน 10
อาคารสถานที่
เนื่องจากเพิ่งเปิดใหม่ไม่กี่เดือน อาคารและสถานที่ของที่นี่จึงใหม่เอี่ยม ทั้งส่วนของห้องรับรองที่เป็นห้องกระจกมองการทำงานของช่างได้ง่าย และส่วนบริการ ห้องรับรองมีโทรทัศน์ แอลซีดี ขนาดใหญ่ โซฟา หนังสือ เครื่องคอมพิวเตอร์ต่ออินเตอร์เนท 1 เครื่อง เสียดายที่ไม่มีมุมเครื่องดื่มให้บริการ แต่มีมุมโชว์ผลิตภัณฑ์เผื่อขายได้ด้วย นอกจากนั้นยังมีห้องน้ำที่สะอาดและหอมอย่างน่าชื่นชมทีเดียว เมื่อเทียบกับศูนย์ ฯ แล้ว โดยรวม สู้ไม่ได้ แต่ถ้าเทียบขนาดของกิจการ ได้เท่านี้ ก็ถือว่าใช้ได้แล้ว
คะแนน 14
เครื่องไม้เครื่องมือ
ฟาสต์ เซอร์วิศ ที่เราไปใช้บริการนี้ เพิ่งเปิดใหม่ ทั้งช่องซ่อม และเครื่องไม้เครื่องมือในการซ่อมมีความหลากหลายและใหม่เอี่ยมกว่าศูนย์บริการ อาจจะเป็นด้วยสถานที่แห่งนี้ โฆษณาโดยเน้นเครื่องไม้เครื่องมือมาเป็นอันดับ 1 เพื่อแข่งขันกับศูนย์ ฯ อยู่แล้ว ประกอบด้วยช่องซ่อม 5 ช่อง มีเครื่องตั้งศูนย์ล้อ ถ่วงล้อ และไดนาโมมิเตอร์ เครื่องวิเคราะห์ระบบเครื่องยนต์ ระบบเผาไหม้ อีซียู กระทั่งแบทเตอรี ซึ่งเครื่องมือบางชนิดศูนย์ ฯ บางแห่งก็ไม่มี แต่อย่างไรก็ตามด้วยเครื่องมือวิเคราะห์ที่ต้องใช้กับรถหลายรุ่น อาจมีประสิทธิภาพไม่เท่าของศูนย์ ฯ ซึ่งตรงรุ่นเป๊ะ เครื่องมือชิ้นเล็กๆ ทั่วไปถูกจัดเก็บอย่างเป็นระเบียบ บริเวณซ่อมเข้าไปเดินดูได้ ถามไถ่ช่างได้ (อัธยาศัยดีด้วย) โดยไม่มีใครเชิญออก
คะแนน 18
ระยะเวลา
เนื่องจากระบบบริหารจัดการไม่ค่อยซับซ้อน ระยะเวลาในการรับรถก่อนนำรถเข้าช่องซ่อม และช่วงจ่ายเงิน ใช้เวลาอย่างละไม่เกิน 3 นาที ซึ่งถือว่าเร็วกว่าศูนย์ ฯ เสียอีก ส่วนเวลาในการบริการอยู่ที่ 31 นาทีเท่านั้น ซึ่งประหยัดเวลาไปได้ชั่วโมงกว่าๆ เมื่อเทียบกับเข้าศูนย์ ฯ แต่ทั้งนี้เพราะไม่ได้สลับยางถ่วงล้อ เปลี่ยนไส้กรองแอร์ ทำความสะอาดเบรค ล้างหัวฉีดเบนซิน และล้างรถดูดฝุ่น ซึ่งเหล่านี้นานาจิตตังว่าใครจะมองว่าจำเป็นหรือไม่ก็ได้ เมื่อรวมระยะเวลาทั้งหมดตั้งแต่นำรถเข้าจอด และสตาร์รถขับกลับอยู่ที่ 35 นาทีเท่านั้นเอง ถูกใจคนรักความเร็วเป็นอย่างยิ่ง
คะแนน 19
ค่าใช้จ่าย
เข้า ฟาสต์ เซอร์วิศ ครั้งนี้ จ่ายเงินไป 1,870 บาท แบ่งเป็น น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ 1,680 บาท (แทนที่จะได้ 1,360 บาท) กรองน้ำมันเครื่อง 180 บาท แหวนรองนอท 10 บาท และภาษีมูลค่าเพิ่ม 155.34 บาท อย่างไรก็ตามที่นี่พิจารณาเปลี่ยนอะไหล่ให้น้อยกว่าศูนย์ ฯ (อาจเป็นเพราะเห็นว่าอะไหล่ยังใหม่อยู่) เมื่อคิดราคารวมจึงถูกกว่าด้วย ราคาอะไหล่ที่ต่างกัน และการพิจารณาเปลี่ยนอะไหล่ที่ต่างกันเป็นผลทำให้ค่าใช้จ่ายแตกต่างกัน ขอให้ไปดูราคาเปรียบเทียบในการเชคระยะ ที่ตารางเพื่อความชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง
คะแนน 16
คะแนนรวม 78 ได้ 3 ดาว หมายถึงดี: ฝากผีฝากไข้ได้สบายๆ
ตารางเปรียบเทียบราคาอะไหล่ ในการเชคระยะ ระหว่างศูนย์บริการ กับ ฟาสต์ เซอร์วิศ
อะไหล่ (ลดแล้ว) ราคา (บาท)
ศูนย์บริการ ฟาสต์ เซอร์วิศ
น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ (4 ลิตร) 800 800
น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ (4 ลิตร) 1,880 1,360/1,680
ไส้กรองน้ำมันเครื่อง 187 180
แหวนรองนอตถ่ายน้ำมันเครื่อง 41.65 10
ไส้กรองแอร์ 450 490
สลับยางถ่วงล้อ 160 200
รวม 3,548.65 2,740/3,060 (เฉลี่ย 2,900 บาท)
เข้า ฟาสต์ เซอร์วิศ ราคาต่างกับศูนย์ ฯ ประมาณ 19 % (จ่ายน้อยกว่า)
สรุป
พิจารณาจากประเด็นย่อยที่ใช้เปรียบเทียบกันระหว่างศูนย์บริการ: ฟาสต์ เซอร์วิศ ได้ดังนี้
การต้อนรับ 16: 10 คะแนน
ศูนย์ ฯ ยังเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัดเจน และแทบไม่มีความเสี่ยงในการเกิดข้อผิดพลาด เหลือเพียงอัธยาศัยที่เป็นบุคลิกลักษณะเฉพาะตัว
อาคารสถานที่ 18: 14 คะแนน
ความทันสมัย และความหลากหลายของการให้บริการ และภายในห้องรับรอง ศูนย์ ฯ ยังดีกว่าอย่างเห็นได้ชัดเจน
เครื่องไม้เครื่องมือ 17: 18 คะแนน
ข้อนี้คะแนนนำพลิกกลับมาเป็นของ ฟาสต์ เซอร์วิศ นี้บ้าง จากเครื่องมือที่ทันสมัยและหลากหลายกว่าศูนย์ ฯ แต่ก็ต้องยอมรับความจริงว่า แม้จะทันสมัยกว่า แต่ไม่ได้โฟคัสไปที่รถยี่ห้อใด หรือรุ่นใดรุ่นหนึ่ง ความเที่ยงตรง และประสิทธิภาพในการประเมินผลจึงคงยังสู้ไม่ได้
ระยะเวลา 15: 19 คะแนน
ศูนย์ ฯ ใช้เวลามากกว่า ฟาสต์ เซอร์วิศ ไปตั้ง 1 ชั่วโมง 29 นาที แต่ทั้งนี้เพราะให้การบริการมากรายการกว่า ซึ่งมีการสลับยางถ่วงล้อ เปลี่ยนไส้กรองแอร์ ทำความสะอาดเบรค ล้างหัวฉีดเบนซิน และล้างรถดูดฝุ่น ให้ด้วย
ค่าใช้จ่าย 14: 16 คะแนน
โดยเฉลี่ย ราคาอะไหล่ของศูนย์ ฯ แพงกว่าของ ฟาสต์ เซอร์วิศ ราว 20 % และการให้บริการของศูนย์ ฯ ที่มากกว่าในหลายเรื่อง ซึ่งแต่ละคนจะพิจารณาว่าจำเป็นหรือไม่แตกต่างกันไป แต่สุดท้ายศูนย์ ฯ ก็ยังแพงกว่าอยู่ดี
อย่างไรก็ตาม แม้โดยรวม ฟาสต์ เซอร์วิศ จะได้เพียง 3 ดาว (77 คะแนน) และศูนย์ ฯ ได้ 4 ดาว (80 คะแนน) แต่เมื่อดูจากตัวเลขคะแนน กลับต่างกันเพียง 3 แต้มเท่านั้นเอง ฉะนั้นความพยายามของ ฟาสต์ เซอร์วิศ ยุคใหม่ ที่จะก้าวเข้ามาแทนที่ศูนย์บริการให้ได้ ก็เริ่มใกล้ความจริงเข้ามาทุกทีแล้ว แต่ถ้าอ้างอิงจากการทดลอง ถามว่ารถหมดประกันแล้ว จะเข้าที่ไหนดี วันนี้เราขอตอบว่า ศูนย์ ฯ ไว้ใจได้ ฟาสต์ เซอร์วิศ ก็ไม่ต่างกันมาก
ผู้ใช้รถคิดอย่างไร ?
เราถามผู้ใช้รถที่ต่างเพศต่างวัยด้วยคำถามเดียวกันว่าถ้ารถหมดประกันจะเลือกเข้าที่ไหน ? เพื่อให้เขาและเธอแสดงทัศนคติ พร้อมด้วยเหตุผลในการตัดสินใจเลือกใช้ผู้ให้บริการทั้ง 2 ผลที่ออกมาน่าสนใจดังนี้
อายุ 20-29 ปี
กนิษฐา จันทรสาขา
ผู้ช่วยนักวิจัย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ
"เพิ่งซื้อรถใหม่มาใช้ได้ไม่กี่เดือนค่ะ ถ้าได้มาก็คิดว่าคงจะเข้าศูนย์ ฯ ก่อนไปจนหมดระยะรับประกัน และหลังจากนั้นคงจะตัดสินใจอีกที จากการสังเกตว่าราคาเป็นอย่างไร ให้บริการเราได้ดีหรือไม่ แค่ไหน ส่วนตัวเชื่อว่ากว่าเราจะซื้อรถมาคันหนึ่งไม่ใช่ง่ายๆ เข้าศูนย์ ฯ แล้วถ้าแพงกว่ากันนิดหน่อยก็ไม่ควรจะเสียดาย แถมเรายังไม่ค่อยรู้เรื่องรถด้วย จะปรึกษาแฟนทุกครั้งก็เกรงใจ ถ้าไม่แพงมาก และดูแลดี ก็จะเข้าศูนย์ ฯ ไปจนกว่าจะเลิกใช้แหละค่ะ"
อายุ 30-39 ปี
อาจารย์ ดร. บุรินทร์ ศรีสมถวิล
อาจารย์ประจำสาขาวิชาภาษาจีน คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
"รถคันเก่าผมยังไม่ทันหมดประกัน ผมก็เอารถเข้าเชคระยะที่ ฟาสต์ เซอร์วิศ แล้ว เหตุเพราะไม่ประทับใจการทำงานของศูนย์ ฯ ยี่ห้อนั้น โดยผมใช้วิธีการเปิดคู่มือการเชคระยะของศูนย์ ฯ มาเทียบ ว่าอันไหนต้องเปลี่ยน อันไหนแค่เชค ก็ให้ช่างเขาจัดการตามที่เราสั่ง ประทับใจบ้าง ไม่ประทับใจบ้าง แต่ก็สนุกดี เขาสาขานั้นประจำจนสนิทกัน แต่ว่าตอนนี้เปลี่ยนรถคันใหม่ ยี่ห้อใหม่ บวกกับงานที่หนัก เวลาก็น้อยลง ผมเลยเอาเข้าศูนย์ ฯ ตลอด ส่วนเจ้าใหม่นี้ผมประทับใจการทำงาน และการบริการของเขามากกว่าคันเก่าเยอะ"
อายุ 40-49 ปี
อินทิรา คงบัว
นักวิเคราะห์และวางแผน บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)
"เลือกศูนย์บริการค่ะ เพราะน่าเชื่อถือมากกว่า เชื่อว่าเขาจะสามารถเชคระยะให้เราได้อย่างถูกต้อง ที่สำคัญเรื่องอะไหล่ เราก็ชัวร์ว่าเป็นของแท้ แต่ก็พยายามเลือกสินค้าและบริการที่เหมาะสมที่สุดนะคะ อย่างเวลาเปลี่ยนยางก็เข้า ฟาสต์ เซอร์วิศ เพราะมักมี พโรโมชัน ที่ดีกว่า บางอย่างที่ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนที่ศูนย์ ฯ ก็ต้องพิจารณาเอาเอง ที่ยังเข้าศูนย์ ฯ อยู่ เพราะราคาค่าบริการของศูนย์ ฯ ที่ใช้ตอนนี้ก็ไม่ถือว่าแพงมาก รับได้ค่ะ"
เรื่องโดย : กองบรรณาธิการบทความและสารคดี formula@autoinfo.co.th
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน สิงหาคม ปี 2553
คอลัมน์ Online : พิเศษ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/28792