ศึกชิงสุดยอดสปอร์ทซีดานระดับหรู

ตลาดสปอร์ทซีดานระดับหรู ร้อนแรงสุดขีด เมื่อผู้เบิกทางเซกเมนท์นี้อย่าง เมร์เซเดส-เบนซ์ เปิดตัวรถแนวคิดรุ่นใหม่ เอฟ 800 สไตล์ คอนเซพท์ (F800 STYLE CONCEPT) ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นการบ่งบอกรูปทรง และคุณลักษณะ ที่ ซีแอลเอส รุ่นใหม่พึงมี ขณะเดียวกันค่ายรถคู่แข่งตัวฉกาจอย่าง บีเอมดับเบิลยู แม้จะมาทีหลัง แต่ก็ไม่ยอมน้อยหน้าเปิดตัว กรัน คูเป คอนเซพท์ (GRAN COUPE CONCEPT) ในงานมหกรรมยานยนต์ปักกิ่งที่เพิ่งผ่านพ้นไป ภายนอก ปราดเปรียว ปะทะ คมเข้ม เส้นสายของ เอฟ 800 สไตล์ ล้ำสมัยในแบบฉบับของรถแนวคิด กระจังหน้าอิงรูปแบบจากรถสปอร์ท เอสแอลเอส เอเอมจี (SLS AMG) ไฟหน้าแอลอีดีทรงเรียว ขณะที่ด้านท้ายค่อนข้างสั้น ขึ้น/ลงสะดวก เพราะประตูหลังเป็นแบบเลื่อนเปิดออกเหมือนรถ เอมพีวี ส่วน กรัน คูเป ของค่ายใบพัดสีฟ้าขาว เห็นแล้วรู้เลยว่าใกล้เคียงกับการทำตลาดจริงในเร็ววันนี้ เอกลักษณ์ต่างๆ ของ บีเอมดับเบิลยู แสดงออกผ่านเส้นสายอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้าไตคู่ ที่มีความกว้างค่อนข้างมาก แนวหลังคาทรงโค้งราวกับสปอร์ทคูเป และเส้นข้างในแนวตรงตลอดตัวถัง ให้ความรู้สึกที่หนักแน่น อย่างไรก็ตามยังไม่แน่ชัดว่ารถแนวคิดคันนี้จะถูกพัฒนาเป็น ซีรีส์ 6 ซีดาน หรือการกลับมาของ ซีรีส์ 8 กันแน่ ภายใน บอกใบ้เทคโนโลยีที่จะนำมาใช้จริง ขอกล่าวถึงเฉพาะห้องโดยสารของ เอฟ 800 สไตล์ เท่านั้น เพราะขณะนี้ กรัน คูเป ยังไม่เผยให้เห็นการออกแบบภายในแต่อย่างใด โทนสีที่ เอฟ 800 สไตล์ ถูกนำมาใช้ เน้นความนุ่มนวล เบาะใช้วัสดุแมกนีเซียม สลับกับคาร์บอนไฟเบอร์ รองรับสรีระด้วยตาข่ายที่มีความยืดหยุ่นอย่างพอเหมาะ ตกแต่งบริเวณประตู ด้านล่างคอนโซล และฐานของเก้าอี้คู่หน้าด้วยวัสดุไม้แท้ชั้นดี แปลกตาไปอีกแบบ อุปกรณ์ที่ทาง เมร์เซเดส-เบนซ์ นำมาทดลองติดตั้ง คือ ระบบสั่งงานบนจอภาพผ่านแป้นสัมผัส (HMI หรือ HUMAN MACHINE INTERFACE) ทำงานคล้ายกับทัชแพดของโนทบุค ผู้โดยสารไม่จำเป็นต้องเอื้อมมือไปถึงหน้าจอมอนิเตอร์ที่ติดอยู่บริเวณคอนโซลกลาง นอกจากนี้ยังมีกล้องที่จะบันทึกตำแหน่งการเคลื่อนไหวของมือบน HMI ที่จะบันทึก และนำมาใช้งานได้ ไม่จำเป็นต้องเคลื่อนไหวมือซ้ำไปมา เครื่องยนต์ ทั้งแรง และประหยัดสุดๆ รูปทรงล้ำสมัยขนาดนี้ ขุมกำลังก็ต้องไม่แพ้กัน อย่างแรกเป็นระบบไฮบริด แบบพลัก-อิน (PLUG-IN HYBRID) ประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 296 แรงม้า ทำงานคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 108 แรงม้า รวมทั้งระบบให้กำลังถึง 403 แรงม้า อยากจะแรงก็ทันใจด้วยอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 4.7 วินาที หรืออยากประหยัดด้วยการใช้ระบบไฟฟ้าล้วนๆ ก็ทำได้ เพียงเสียบปลั๊กชาร์จไฟจนเต็ม สามารถวิ่งได้เป็นระยะทาง 29 กม. ความเร็วไม่เกิน 120 กม./ชม. คิดเฉลี่ยแล้วอาจจะได้ค่าความประหยัดเชื้อเพลิงถึง 34.5 กม./ลิตร ค่าไอเสียเพียง 68 ก./กม. เรียกได้ว่ารถนาครจิ๋วๆ ยังต้องอาย หากจะอนุรักษ์ธรรมชาติ เอฟ 800 สไตล์ ก็มีเครื่องยนต์ไฟฟ้าระบบเชื้อเพลิงไฮโดรเจน (FUEL CELL) พละกำลังไม่หวือหวาที่ 136 แรงม้า แต่ให้แรงบิดสูงสุดมากถึง 30.0 กก.-ม. อย่างไรก็ตามคงเป็นเพียงแนวคิดเท่านั้น เพราะม้าฝูงเล็กๆ ที่เห็น ไม่น่าจะสร้างความพึงพอใจสำหรับลูกค้าสปอร์ทซีดานระดับพรีเมียมราคาแพงเช่นนี้ได้ หันมาทาง กรัน คูเป ยังไม่เปิดเผยขุมกำลังที่จะนำมาวางกับรถรุ่นนี้ แต่จะมีรุ่นที่ใช้ระบบพันทางแน่นอน หลังจากที่นำมาใช้แล้วกับ เอกซ์ 6 แอคทีฟไฮบริด (X6 ACTIVEHYBRID) และ ซีรีส์ 7 แอคทีฟไฮบริด ( 7 SERIES ACTIVEHYBRID) ส่วนตัวแรงรหัส “เอม” (M) คงต้องลุ้นกันอีกที ระบบรองรับ อนาคตที่ปลอดภัยกว่าเดิม เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยของ เอฟ 800 สไตล์ ก็ถูกนำเสนอมากมาย เช่น ระบบแสดงผลข้อมูลสะท้อนกระจกบังลมหน้า ไม่ธรรมดาตรงที่มีการปรับการแสดงผลให้เหมาะสมกับระยะสายตาที่กำลังมองถนน ระบบขับเคลื่อนตามรถคันหน้าในสภาพการจราจรที่ติดขัด ที่ความเร็วไม่เกิน 40 กม./ชม. (DISTRONIC PLUS) ซึ่งสามารถแยกแยะได้ว่ากำลังเคลื่อนไปในทางโค้ง หรือว่ารถคันหน้ากำลังหักเลี้ยวออกไปจากถนน สุดท้าย คือ ระบบเตรียมตัวก่อนเกิดอุบัติเหตุรอบทิศทาง (PRESAFE 360) ตรวจจับการชนแม้แต่ด้านหลัง ระบบเบรคก่อนถูกชนท้ายในช่วงเสี้ยว 0.6 วินาที เพื่อไม่ให้ตัวรถถลำไปข้างหน้า และเกิดความเสียหายต่อเนื่องขึ้นไปอีก แต่หากผู้ขับเหยียบคันแร่งเพื่อหลบการปะทะจากด้านหลัง ระบบดังกล่าวก็จะไม่ทำงาน สรุป ปลายปีนี้รู้ผล แม้จะยังมีข้อมูลอีกหลายส่วนที่ทั้ง 2 ค่ายคู่แข่งยังอุบไต๋เอาไว้ แต่สิ่งที่นำเสนอออกมาก็ทำให้เห็นว่า สปอร์ทซีดานยุคหน้าจะถูกพัฒนาไปไกลกว่ารูปแบบเดิมๆ ในปัจจุบันมาก ไม่ใช่แค่ความหรูหราผสมผสานสมรรถนะแบบรถสปอร์ทเท่านั้น แต่ยังจะต้องมีทั้งความประหยัด และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วย ดูแล้วเป็นโจทย์ที่หนักหนาเอาการสำหรับวิศวกรผู้พัฒนารถยนต์เหล่านี้ น่าติดตามเหลือเกินว่าค่ายรถเจ้าไหนจะสามารถบรรลุจุดหมายที่ว่านี้ได้ก่อนกัน ซึ่งคาดหมายกำหนดการเผยโฉมตัวจริงเสียงจริงจากทั้ง 2 ค่ายแดนเบียร์ ไม่เกินปลายปีนี้แน่นอน