ข่าวดีรับไตรมาสแรกของปี เมื่อยอดขายรถยนต์ในเดือนกุมภาพันธ์เดือนเดียว พุ่งสูงปรี๊ดขึ้นไปถึง 54,175 คัน เท่ากับยอดการขายเพิ่มจากช่วงเดียวของปีก่อนถึง 57.7 % ที่ต้องยอมรับว่าเป็นข่าวดีแห่งปีชิ้นแรก ท่ามกลางสารพันปัญหาด้านการเมืองที่เกิดขึ้น

ข่าวดีรับไตรมาสแรกของปี เมื่อยอดขายรถยนต์ในเดือนกุมภาพันธ์เดือนเดียว พุ่งสูงปรี๊ดขึ้นไปถึง 54,175 คัน เท่ากับยอดการขายเพิ่มจากช่วงเดียวของปีก่อนถึง 57.7 % ที่ต้องยอมรับว่าเป็นข่าวดีแห่งปีชิ้นแรก ท่ามกลางสารพันปัญหาด้านการเมืองที่เกิดขึ้น ก็เท่ากับว่ายอดขายรวมในไตรมาสแรกของปีนี้ มีทีท่าว่าจะทำลายสถิติในหลากหลายมิติ ต้องคอยดูผลงานเดือนมีนาคม ก็แล้วกัน มาดูกันบ้างว่า เรื่องที่เป็นเรื่องอยู่ในวงการรถยนต์ นับแต่ต้นปีมา มีอะไรกันบ้าง เริ่มด้วยเรื่องแรก ก็เรื่องที่มีผู้เดือดร้อนจากรถยนต์ หรือจักรยานยนต์ ที่ติดตั้งหลอดไฟซีนอน ในโคมไฟหน้ารถ ทำให้ไฟหน้าสว่างจ้า รบกวนสายตาผู้ใช้รถอื่น อันอาจเกิดอันตรายได้โดยง่าย เพราะติดตั้งไม่ถูกต้องตามหลักมาตรฐานสากล แถมเจ้าของรถบางราย ยังไปปรับแต่งให้ทิศทางของแสงไฟสูงขึ้นจากเดิม ก็ยิ่งทำให้รบกวน สายตาของผู้ใช้รถ ที่ขับอยู่ด้านหน้า อันที่จริงมันเป็นเรื่องของสามัญสำนึกในการใช้รถใช้ถนนร่วมกัน แต่ในยุคสมัยที่ต่างคนต่างก็คิดถึงแต่ตัวเองเป็นที่ตั้ง มันก็เลยกลายเป็นเรื่องที่ภาครัฐต้องออกโรง โดยกรมการขนส่งทางบก ประชุมคณะทำงานพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์ส่วนควบ และเครื่องอุปกรณ์ของรถ โดยจะออกประกาศให้มีรูปแบบการกระจายของแสง และแนวจำกัดของแสงอย่างชัดเจน เป็นไปตามมาตรฐานของ UNECE ก็ยังดีที่เมื่อมีวัวหายแล้ว ก็มีคนเอาคอกมาล้อม ทั้งที่เมื่อเริ่มต้นใช้หลอดไฟชนิดนี้ ไม่เห็นภาครัฐออกมาพูดอะไรกันเลย อีกเรื่องก็คือ รถที่ติดตั้งอุปกรณ์ใช้แกส ไม่ว่าจะอย่างไหน ต้องติดตั้งกับผู้ติดตั้งที่ได้รับความเห็นชอบเท่านั้น สังเกตได้จากป้ายสัญลักษณ์ และใบอนุญาตเป็นผู้ติดตั้ง ที่ตอนนี้มีอยู่ทั่วประเทศกว่า 600 ราย แยกเป็นผู้ติดตั้ง แอลพีจี 326 ราย อยู่ใน กทม. 101 ราย ต่างจังหวัด 225 ราย ผู้ติดตั้งแกส ซีเอนจี 332 ราย ในกทม. 79 ราย และต่างจังหวัด 253 ราย และก็ไม่ใช่ว่าติดตั้งจากศูนย์เหล่านี้แล้ว จะเลิกแล้วต่อกัน เพราะจะต้องเข้าตรวจและทดสอบความปลอดภัยจากผู้ตรวจที่ได้รับความเห็นชอบจากกรม ฯ อีกครั้ง ก่อนนำไปติดต่อแจ้งเปลี่ยนชนิดเชื้อเพลิง ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็เพื่อป้องกันผู้บริโภคถูกหลอกลวงจากผู้ไม่หวังดี นำอุปกรณ์ที่ไม่ได้มาตรฐานมาติดตั้ง หรือบางรายก็ไม่ได้ติดตั้งจริง แต่ขายอุปกรณ์และใบรับรองให้เจ้าอื่นไปติดตั้ง ผู้บริโภคที่คาดหวังจะใช้แกสเป็นเชื้อเพลิง สามารถตรวจสอบรายชื่อผู้ติดตั้งได้จาก www.dlt.go.th/ngv หรือง่ายสุดก็ โทร. 1584 เท่านั้นเอง แล้วอย่าลืมทำใจไว้ก่อน ว่าเมื่อใช้แกสเป็นเชื้อเพลิง คุณก็ต้องวิ่งหาปั๊มแกสที่จะเติมไม่ว่าชนิดไหน และการเติมแต่ละครั้ง ส่วนใหญ่ก็จะสามารถใช้เดินทางได้ราว 200 กม. นี่ว่าถึงขนาดถังใหญ่ที่สุดแล้ว แล้วคุณก็ต้องวิ่งหาปั๊มแกสเติมอีก เติมแต่ละครั้งก็ไม่เกิน 200 บาท ถ้าคิดว่าคุ้มค่ากับการใช้รถในการดำรงชีวิตประจำวันของคุณ ก็เป็นเรื่องที่ดี แต่อย่าลืมว่าต้องหาข้อมูลกันให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ จะได้ทำใจได้ถูก ว่าคุ้มค่าจริงๆ วิธีดีที่สุด ก็ไปคุยกับคนขับรถที่ใช้แกสนั่นแหละ หรือไม่ก็ต้องเข้าสู่โลกของไซเบอร์ ค้นข้อมูลกันให้สบายใจเสียก่อน แวะมาถึงโลกของไซเบอร์ ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ก็มีรถรุ่นใหม่ขนาดเล็กออกสู่ตลาด รวมทั้งอีโคคาร์ ก็เปิดตัวอย่างเป็นทางการ โลกไซเบอร์ ก็เลยมีรายการเปรียบมวยกันเล็กน้อย โดยเฉพาะ 2 รุ่นที่เพิ่งเปิดตัวนี่แหละ ลองดูความเห็นของบางท่านดู เริ่มด้วยท่านแรก วิจารณ์ อีโคคาร์ 1. ได้เกียร์อัตโนมัติ ที่ใครๆ ว่าเงียบ และไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนเกียร์ อาจจะเป็นข้อดีของใครบางคน แต่อาจจะเป็นข้อเสียของใครบางคน ที่ตั้งข้อสังเกตถึงความทนทานของมัน ค่าบำรุงรักษาของมัน ? 2. ได้ความประหยัดน้ำมัน แล้วมัน ที่เงื่อนไขใด ? ปิดแอร์ วิ่งไม่เกิน 60 วิ่งในเมืองรถติดๆ ที่ใช้ IDLE STOP แล้ววิ่งนอกเมืองล่ะ ? แตกต่างกับรถรุ่นอื่นๆ ไหม ? ขับต่างจังหวัด พื้นที่ขึ้นเขา กำลังเครื่องเทียบกับอัตราประหยัดน้ำมัน ? 3. ได้ AIR DIGITAL เหนือคู่แข่ง ที่ใครบางคนบอกว่า เอามาเพิ่มราคาให้รถฉันทำไม ปรับมือก็ไม่ได้ลำบาก ทนกว่าด้วย 4. ได้ KEYLESS-SMART ENTRY, START ได้โดยไม่ต้องใช้กุญแจ แสนทันสมัยสะดวกสบาย ซึ่งหลายๆ คนขอแค่มีเจ้านี่ก็ยินดีซื้อล่ะ มันเทียบชั้นรุ่นใหญ่เชียวนะ ในขณะที่อีกหลายคนบอกว่า เอาเพิ่มค่ารถทำไม รถราคาล้านกว่าก็สตาร์ทด้วยกุญแจ ไม่เห็นลำบากกว่ากัน 5. หน้าจอ HAPPY BIRTHDAY MULTIINFORMATION เดิ้นมาก วัยรุ่นจี๊ดเลย แต่ป้าๆ บอก เอามาทำไม ฉันจำวันเกิดฉันได้ 6. กระจกพับได้เมื่อดับเครื่องยนต์ สุดไฮเลยเนี่ย เท่จริงๆ แต่บางคนบอกเอามาทำไม ไม่พับก็ดีอยู่แล้ว เวลาจอดรอใครได้ดูผ่านกระจกข้างได้ง่ายๆ พับเข้าพับออกเดี๋ยวก็พัง 7. เซนเซอร์ถอยหลัง 4 จุด คนอื่นเขาแค่ 2 จุด นี่ได้ตั้ง 4 แน่ะ ใจถึงๆ แต่บางคนบอก 2 จุดมันก็จอดได้เหมือนกัน คันก็จึ๋งเดียว จ่ายแพงกว่า...เพื่ออะไร ? ก็ช่างเข้าใจคิดกันเหลือเกิน มาดูว่าท่านวิจารณ์อีกยี่ห้อหนึ่งว่ายังไง 1. ได้เครื่องที่แรงกว่า 1,500 ซีซี ในขณะที่ อีกยี่ห้อ 1,200 ซีซี แต่บางคนบอกเอามาทำไม 1,500 เพราะฉันขับในเมือง ไป/กลับ บ้าน-ที่ทำงาน 5 กม. ติดอยู่บนถนนซะส่วนใหญ่ วันๆ ใช้ชีวิตแค่นี้ 300 ที่เกินมา ขายทิ้ง ขอเป็นเงินคืน สัก 90,000 ได้ไหม ? ออกตัวติดไฟแดง ฉันก็พุ่งพอกับเธอ 2. ได้ช่วงล่างที่เหนือกว่า การทรงตัวที่ดีกว่า การหลบหลีกในที่คับขัน บางคนบอกแล้วไง ก็ไม่ได้ขับเร็ว ถนนก็ขับในกรุง เรียบๆ ขับชิลล์ๆ ไม่ได้ "ซิ่ง" แข่งกับใคร จะสปอร์ทไปหาอะไร ที่มีอยู่ก็ไม่ใช่ช่วงล่างเกวียน มันก็นิ่มอยู่แล้ว ไส้ก็ไม่ได้คลอน 3. ได้พวงมาลัย ควบคุมเครื่องเสียง พร้อมระบบปรับความดังตามความเร็วรถ สะดวกสบาย ปลอดภัยไม่ต้องละสายตาจากการขับรถ บางคนบอกแล้วไง มี 2 มือ มือซ้ายไม่ได้พิการ เอื้อมไปปรับ 2 วิ มันลำบากขนาดนั้นหรือ 4. ได้สวิทช์ไฟฟ้าเปิดท้ายรถ เท่ สะดวก ง่ายดาย บางคนบอกแล้วไง เอากุญแจไขก็ไม่ได้ลำบากขนาดขี้เกียจเปิดท้าย 5. ได้ฝากระโปรงแบบมีชอคอับ แถมยังกว้างขวางจุได้มากมาย กลิ่นในท้ายรถก็เข้าห้องโดยสารน้อยกว่า บางคนบอก ก็ขับคนเดียวสัมภาระก็ไม่มี เอาตูดโด่งๆ มาบังทัศนวิสัยทำไม 6. ได้รถการันตีรางวัลระดับโลก บางคนยังบอก แค่พับกระจกไฟฟ้า เพิ่มมานิดหนึ่งยังไม่ยอมเพิ่มมาให้ งกไปเปล่า ต่างคนต่างจิตต่างใจ การจะถอยรถป้ายแดงออกมาใช้สักคัน เดี๋ยวนี้ผู้บริโภคเขาวิจารณ์กันแบบนี้แล้วละครับ ท่านนักการตลาดทั้งหลาย ช่วยตามให้ทันกันหน่อย