หัวเรื่องตอนนี้ ตั้งชื่อเหมือนหนังไทยทีเดียว ก็คงพอทราบกันบ้างแล้ว ว่ายอดการขายของเดือนมกราคม ที่ผ่านมาเดือนเดียว ทำเอานักการตลาดค่ายรถยนต์ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไปตามๆ กัน เพราะความเจริญเติบโตของการขายรถทุกรุ่น มันเพิ่มขึ้นมาตั้ง 54.5 %

เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ เดือน มกราคม ปี 53 กับ 52 ตลาดโดยรวม เพิ่ม 54.5 % รถยนต์นั่ง เพิ่ม 50.4 % กระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ เพิ่ม 53.4 % กระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ เพิ่ม 49.1 % รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) เพิ่ม 61.6 % รถอเนกประสงค์ (MPV) เพิ่ม 146.2 % อื่นๆ เพิ่ม 65.6 % หัวเรื่องตอนนี้ ตั้งชื่อเหมือนหนังไทยทีเดียว ก็คงพอทราบกันบ้างแล้ว ว่ายอดการขายของเดือนมกราคม ที่ผ่านมาเดือนเดียว ทำเอานักการตลาดค่ายรถยนต์ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไปตามๆ กัน เพราะความเจริญเติบโตของการขายรถทุกรุ่น มันเพิ่มขึ้นมาตั้ง 54.5 % พอไปกันได้กับหัวเรื่องไหมครับ ก่อนไปถึงเรื่องน่ายินดีในรอบปี มาคุยกันเรื่องรอบตัว ที่เกี่ยวข้องกับวงการยานยนต์ก่อนดีกว่า เรื่องแรก ต้องขอบคุณ HIGHWAY POLICE ที่เก็บเอาเรื่องน่ารู้ในชีวิตประจำวัน ของการใช้รถใช้ถนน มาเล่าสู่กันฟัง ทีนีก็ขออนุญาตนำมาถ่ายทอด เป็นวิทยาทานกับผู้อ่านของเรา เริ่มกันที่ สัญญาณ ภาษาบนท้องถนนที่คนอาจเข้าใจไม่ตรงกัน ในชีวิตประจำวัน เมื่อเราต้องการจะสื่อสารกับผู้อื่น หรือต้องการจะส่งสารไปให้ผู้อื่นได้รับทราบในความต้องการ หรือสิ่งที่เราจะทำนั้น เรามักจะมีวิธีส่งสารออกไปได้หลายวิธี เช่น ใช้ภาษาพูด ภาษาเขียน การแสดงออกทางสีหน้า หรือการแสดงกิริยาท่าทางออกมาให้ผู้อื่นได้รับรู้ และหลายครั้งที่การสื่อสารเหล่านี้ก็ได้รับการ "แปล" ความหมายที่ผิดไปจากความตั้งใจของผู้ส่งสาร บนท้องถนนก็เช่นเดียวกัน เพราะการใช้ถนนเปรียบเสมือนการเข้าร่วมสังคมอีกสังคมหนึ่ง และการสื่อสารก็เป็นเรื่องที่มีความจำเป็นไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการใช้ภาษาในชีวิตประจำวัน โดยภาษาที่ใช้บนท้องถนน คือ สัญญาณที่มาจากอุปกรณ์ต่างๆ ที่อยู่รอบๆ ตัวรถ รวมถึงการใช้ภาษามือของผู้ขับขี่เช่นกัน โดยภาษาที่ใช้สื่อสารบนท้องถนนทั่วๆ ไป ขอเริ่มด้วย สัญญาณไฟเลี้ยว (INDICATORS) ทีนี้เราลองมาดูเป็นข้อๆ กันดีกว่านะครับ ว่าสัญญาณแต่ละอย่างนั้น คุณมีความเข้าใจอย่างไร และใช้สัญญาณนั้นถูกต้องตามความเข้าใจของคนอื่นหรือไม่ เพื่อเป็นการป้องกันมิให้เกิดการแปลความหมายที่ผิด จนนำไปสู่อุบัติเหตุได้ครับ สัญญาณไฟเลี้ยว สัญญาณไฟเลี้ยวถือว่าเป็นสัญญาณที่ผู้ขับขี่ใช้บ่อยที่สุดในการขับรถในแต่ละวัน แต่ก็ยังมีหลายท่านที่มักใช้สัญญาณไฟเลี้ยวผิดวิธี หรือทำให้เกิดการสื่อสารที่ผิดพลาดได้ โดยการใช้สัญญาณไฟเลี้ยวให้มีประสิทธิภาพ ผมขอแนะนำให้ปฏิบัติดังนี้ครับ - การใช้สัญญาณไฟเลี้ยว ควรใช้ในลักษณะครั้งต่อครั้ง เช่น ถ้าท่านจะเลี้ยวซ้าย ก็จะต้องใช้สัญญาณเลี้ยวซ้ายในครั้งนั้นครั้งเดียว เพราะถ้าในกรณีที่ท่านเปิดไฟเลี้ยวซ้ายครั้งเดียวแล้วเลี้ยวซ้ายวนไปเรื่อยๆ 2-3 ครั้ง (เช่น ในซอย หรือในหมู่บ้าน) โดยท่านไม่ปิดสัญญาณหลังจากการเลี้ยวครั้งแรก อาจจะทำให้ผู้ที่ขับรถตามหลังมา เกิดความเข้าใจผิดในการเลี้ยวของท่านในครั้งต่อไปได้ครับ - สัญญาณเลี้ยวซ้ายเป็นสัญญาณที่สามารถสร้างความสับสนให้กับผู้อื่นได้มากที่สุด เพราะอาจจะทำให้ผู้อื่นแปลได้ 2 ความหมายในบางสถานการณ์ เช่น ในกรณีที่ท่านต้องการจะจอดเข้าข้างทาง แต่บังเอิญว่าจุดนั้นใกล้กับทางร่วมทางแยกพอดี ก็อาจจะทำให้ผู้อื่นเข้าใจว่าท่านกำลังจะเลี้ยวซ้ายได้ - การใช้สัญญาณไฟเลี้ยวต้องทำก่อนที่ท่านจะเลี้ยวจริงอย่างน้อยประมาณ 3-5 วินาที เพื่อเป็นการส่งสัญญาณให้ผู้อื่นได้ทราบล่วงหน้า การเปิดไฟเลี้ยวไว้เป็นเวลานาน อาจจะทำให้สัญญาณนั้นขาดความน่าเชื่อถือ และเกิดการแปลความหมายในเจตนานั้นผิดไป ถึงแม้รถเกือบทุกคันจะมีระบบที่สามารถยกเลิกสัญญาณเลี้ยวได้เอง แต่ในบางครั้งที่วงเลี้ยวไม่มากพอ ก็จะทำให้ไฟเลี้ยวไม่ตีกลับได้ ดังนั้นในคราวหน้าก็อย่าลืมตรวจดูสัญญาณไฟเลี้ยวของท่านหลังจากที่ท่านเปิดใช้งานด้วยนะครับ เล่ากันแค่เรื่องแรกพอก่อน กลับมาเรื่องมาตรวัดของเราได้แล้ว ยอดการขายเดือนมกราคม เดือนแรกแห่งปี ขายทั้งตลาด ทุกยี่ห้อ ได้ 49,560 คัน เพิ่มขึ้น 54.5 % ตำแหน่งแชมพ์เดือนแรก โตโยตา ขาย 20,268 คัน เพิ่มขึ้น 50.9 % ส่วนแบ่ง 40.9 % อันดับสอง อีซูซุ ขาย 10,168 คัน เพิ่ม 42.7 % ส่วนแบ่ง 20.5 % อันดับสาม ฮอนดา ขาย 7,701 คัน เพิ่ม 45.2 % ส่วนแบ่ง 15.5 % อันดับสี่ นิสสัน ขาย 2,679 คัน เพิ่ม 58.6 % ส่วนแบ่ง 5.4 % และอันดับห้า มิตซูบิชิ ขาย 2,245 คัน เพิ่มมากกว่าเพื่อน 79.6 % ส่วนแบ่ง 4.5 % พอแยกประเภทเป็นรถยนต์นั่ง ยอดรวมก็ยังเจริญเติบโตอยู่ 50.4 % ขายได้ 19,764 คัน โดยตำแหน่งปีนี้เริ่มแปรเปลี่ยน แชมพ์ยังได้แก่ โตโยตา ขาย 8,357 คัน เพิ่ม 29.3 % ส่วนแบ่ง 42.3 % ที่สอง ฮอนดา ขาย 6,835 คัน เพิ่ม 37.7 % ส่วนแบ่ง 34.6 % ที่สาม มาซดา ขาย 1,583 คัน เพิ่มมากมาย 447.8 % ส่วนแบ่ง 8.0 % ที่สี่ นิสสัน ขาย 962 คัน เพิ่ม 131.8 % ส่วนแบ่ง 4.9 % และที่ห้า เชฟโรเลต์ ขาย 468 คัน เพิ่ม 78.6 % ส่วนแบ่ง 2.4 % ผู้เสียภาษียอดเยี่ยม โพร์เช ขาย 8 คัน ฮัมเมอร์ และแฟร์รารี ขายเจ้าละ 3 คัน ลัมโบร์กินี 2 คัน เบนท์ลีย์ มิตซูโอกะ และแจกวาร์ ขายเจ้าละคัน ประเภทรถกระบะ 1 ตัน ขับเคลื่อน 2 ล้อ เพิ่ม 53.4 % ขายได้ 21,109 คัน แชมพ์เดือนนี้เป็น อีซูซุ ขาย 8,813 คัน เพิ่ม 40.0 % ส่วนแบ่ง 41.7 % อันดับสอง โตโยตา ขาย 8,508 คัน เพิ่มขึ้น 82.6 % ส่วนแบ่ง 40.3 % ที่สาม นิสสัน ขาย 1,572 คัน เพิ่ม 40.9 % ส่วนแบ่ง 7.4 % รถอเนกประสงค์ เพิ่ม 146.2 % ขายได้ 960 คัน โดยมีเจ้าตลาด โตโยตา ขาย 297 คัน เพิ่ม 14.2 % ครองส่วนแบ่งลดลงมาเป็นครึ่ง 30.9 % เพราะมีรถใหม่อย่าง ปโรตอน เอกโซรา ที่ตามมาด้วยยอด 260 คัน ส่วนแบ่ง 27.1 % และฮอนดา ฟรีด 224 คัน ส่วนแบ่ง 23.3 % ก็เป็นเรื่องน่ายินดี ที่พอเริ่มต้นปีขึ้นมา ตัวเลขการขายสามารถพุ่งสูงขึ้นมา เพราะสภาวะทางเศรษฐกิจ เริ่มนิ่ง สภาพทางการเมือง ก็ไม่ค่อยมีอะไรน่าเป็นห่วง ราคาน้ำมันก็ค่อนข้างคงที่ ดูไปแล้ว อะไรก็ดีไปหมด ก็ได้แต่หวังเอาไว้ว่า จะสามารถนิ่งไปได้อย่างนี้ จนถึงสิ้นปี ซึ่งย่อมไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน แต่ก็มองโลกกันในแง่ดีเอาไว้ก่อน ไม่ใช่เป็นสิ่งเสียหายมิใช่หรือ