พิเศษ
ฤดูร้อน เป็นช่วงที่ใครหลายคนเบื่อหน่ายกับสภาพอากาศที่อบอ้าว จนทำให้เหงื่อท่วมกาย การเดินทางหลีกหนีกับสภาพอากาศแบบนี้ ต้องมีการวางแผนกันล่วงหน้า เพราะหากจะเดินทางโดยไม่มีจุดหมายปลายทาง อาจกลายเป็นการหนีเสือปะจระเข้ แทนที่จะเป็นการหนีร้อน ไปพึ่งเย็น 4 WHEELS ฉบับนี้ขอทำหน้าที่ แนะนำเส้นทางหนีร้อนให้กับนักเดินทางทุกท่าน
ฤดูร้อน เป็นช่วงที่ใครหลายคนเบื่อหน่ายกับสภาพอากาศที่อบอ้าว จนทำให้เหงื่อท่วมกาย การเดินทางหลีกหนีกับสภาพอากาศแบบนี้ ต้องมีการวางแผนกันล่วงหน้า เพราะหากจะเดินทางโดยไม่มีจุดหมายปลายทาง อาจกลายเป็นการหนีเสือปะจระเข้ แทนที่จะเป็นการหนีร้อน ไปพึ่งเย็น 4 WHEELS ฉบับนี้ขอทำหน้าที่ แนะนำเส้นทางหนีร้อนให้กับนักเดินทางทุกท่าน
ขับรถเลาะโค้ง แอ่วเมืองปาย
ปาย ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมานานแล้ว แต่สำหรับคนไทย เพิ่งเป็นที่นิยมสูงสุดเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา นอกจากจะได้สัมผัสบรรยากาศแห่งสายหมอกแล้ว กิจกรรมที่กำลังได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยว คือ การขี่จักรยานชมเมืองปาย ลองไปขี่จักรยานที่ อ. ปาย บนเส้นทางสายปาย-น้ำพุร้อนท่าปาย เป็นเส้นทางง่ายๆ สบายๆ ระยะทางไม่เกิน 10 กม. ควรออกจากเมืองปายตอนเช้า เริ่มเดินทางโดยขี่ไปที่สี่แยกกลางเมือง ผ่านหน้าโรงเรียนปายวิทยาคาม มุ่งหน้าไปยังสะพานข้ามแม่น้ำปาย ขี่ไปอีกนิดจะพบทางแยกขึ้นอ่างเก็บน้ำแม่เย็น เส้นทางนี้จะมองเห็นทุ่งนาขั้นบันไดเป็นฉากหลัง จากปากทางอ่างเก็บน้ำ จะพบทางแยกเลี้ยวขวา แล้วพบทางเข้าวัดแม่เย็น ซึ่งตั้งเด่นเป็นสง่าบนยอดเขา จากด้านบนบริเวณวัด สามารถชมวิวที่ราบลุ่มเมืองปายได้
แม้จะเป็นเมืองที่เงียบสงบ แต่บรรยากาศในยามค่ำคืนของที่นี่ ก็คึกคักและมีสีสัน ที่เต็มไปด้วยสินค้าพื้นเมือง ซึ่งวางขายบนถนนคนเดิน และร้านอาหารสไตล์คันทรี นอกจากนี้ยังมีร้านขายโพสคาร์ดแบบกิ๊บเก๋ ให้ได้เลือกซื้อและเลือกชม อยู่มากมายหลายร้าน
การเดินทาง
เส้นทางที่สร้างความตื่นเต้นให้กับนักขับ กับทางโค้ง 1,864 โค้ง เพลิดเพลินกับภูมิประเทศที่หลากหลาย ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยตระการตา สภาพถนนเป็นแบบลาดยาง เรียบสบายตลอดการเดินทาง โดยเลือกใช้ทางหลวงหมายเลข 108 ตัดจาก จ. เชียงใหม่ ผ่าน อ. หางดง สันป่าตอง จอมทอง ฮอด แม่สะเรียง แม่ลาน้อย และขุนยวม ถึง อ. เมืองแม่ฮ่องสอน รวมระยะทางประมาณ 349 กม. เส้นทางสายนี้เป็นทางตัดขึ้นเขาสูง มีความสวยงามและคดเคี้ยว ปัจจุบันมีถนนจาก จ. เชียงใหม่ ถึง จ. แม่ฮ่องสอน เพิ่มขึ้นอีกสายหนึ่ง คือ ทางหลวงหมายเลข 1095 หรือที่เรียกโดยทั่วไปว่า เส้นทางสายแม่มาลัย-ปาย ตัดจาก อ. แม่แตง จ. เชียงใหม่ ถึง อ. ปาย จ. แม่ฮ่องสอน เหลือระยะทางเพียง 245 กม. แต่เส้นทางโหดกว่า และหากนักท่องเที่ยวสนใจเดินทางจาก จ. ตาก ไปยัง จ. แม่ฮ่องสอน โดยไม่แวะเข้า จ. เชียงใหม่ ก็สามารถเดินทางได้ตามทางหลวงหมายเลข 105 ผ่าน อ. แม่สอด แม่ระมาด ท่าสองยาง ถึง อ. แม่สะเรียง ระยะทางประมาณ 300 กม. เป็นทางลาดยาง
อาหารการกิน ในเมื่อมาแอ่วเมืองเหนือ นักเดินทางคงไม่พลาดกับอาหารเหนือที่ขึ้นชื่อหลากหลาย ทั้งน้ำพริกหนุ่ม แคบหมู แกงฮังเล แกงโฮะ หรือสั่งรวมในรูปแบบออร์เดิร์ฟอาหารเหนือ ที่เรียกว่า ขันโตก
ล่องใต้ ชมความงามของ กุ้ยหลิน เมืองไทย
บนระยะทาง เกือบ 700 กม. จากกรุงเทพ ฯ ถึงสุราษฎร์ธานี อาจไม่ใช่ระยะทางใกล้ๆ ที่ใครจะเลือกไปเที่ยว เพื่อพักผ่อนในวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่เพราะเสียงเล่าลือถึงความสวยงามของ "กุ้ยหลิน เมืองไทย" ภายในเขื่อนรัชชประภา ตั้งอยู่ระหว่างเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองแสง และอุทยานแห่งชาติเขาสก เป็นผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่ง ของเทือกเขาตะนาวศรี ซึ่งทำให้เราต้องแนะนำคุณ
จ่ายค่าเข้าอุทยาน ฯ คนละ 20 บาท ขับรถไปจอดที่ท่าเรือได้เลย ไม่ต้องห่วงรถหาย เพราะต้องแลกบัตร ค่าจ้างคนขับเรือจะต้องจ่าย 100 บาท แลกกับการเดินทางบนผิวน้ำกับระยะเวลาประมาณ 90 นาที จะมาถึงยังแพไม้หลายหลัง ซึ่งผูกติดกันเป็นแนวยาว สวยงามสไตล์ลูกทุ่ง ที่แพเราสามารถจับจองเรือแคนู พายเล่นได้อย่างมีความสุข แต่ต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะน้ำลึกเป็น 100 เมตร
ใต้ท้องน้ำแห่งนี้ ในอดีตเคยเป็นพื้นที่ป่านับแสนไร่ มีทั้งชุมชน โรงเรียน รวมทั้งวัดวาอารามต่างๆ เมื่อเริ่มกักเก็บน้ำ ยอดเขาจึงกลายเป็นเกาะถึง 162 แห่ง สัตว์ป่า 338 ชนิด หนีตาย แลกกับการกักเก็บน้ำ และผลิตไฟฟ้า ทีเด็ดอยู่ที่การล่องเรือชม "กุ้ยหลิน เมืองไทย" ไฮไลท์ของที่นี่ เล่ากันว่า แต่เดิมบริเวณนี้เรียกเขา 3 เกลอ เพราะมีปลายเขา 3 ยอด เมื่อน้ำเอ่อท่วมจากการสร้างเขื่อน จึงเห็นเพียง 3 ยอดเท่านั้น ซึ่งไปคล้ายคลึงกับ กุ้ยหลิน ของจีน
การเดินทาง
ผู้ขับจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อนเดินทาง เพราะจากระยะทางเกือบ 700 กม. หากเตรียมตัวไม่ดี อาจจะมีอาการเหนื่อยล้ากันได้ หรืออีกวิธีคือ การขับขี่แบบค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป อ่อนล้า หมดแรงที่ไหน ก็แวะหาปั๊มน้ำมันพักผ่อนตามอัธยาศัยได้ตลอดเส้นทาง
เขื่อนรัชชประภา ตั้งอยู่ที่ อ.บ้านตาขุน จ. สุราษฏร์ธานี ห่างจากกรุงเทพ ฯ 698 กม. การเดินทางโดยรถยนต์ใช้เส้นทางสายเพชรเกษม มุ่งตรงสู่ จ. สุราษฎร์ธานี เมื่อถึงสี่แยกที่จะเข้าตัวเมืองให้เลี้ยวขวามาตามเส้นทางหมายเลข 401 มุ่งสู่อำเภอบ้านตาขุน ขับตรงไปอีกประมาณ 67 กม. จะมีทางแยกขวาเข้าเขื่อนรัชชประภา มีป้ายเขื่อนรัชชประภาบอกชัดเจน เลี้ยวขวาไปตามป้ายอีก 12 กม. ขับตามที่ป้ายบอก จนกระทั่งถึงสันเขื่อน
อาหารการกิน
ใช่ว่า สุราษฏร์ธานีจะมีแต่อาหารทะเล หรือไข่เค็มที่ขึ้นชื่อเพียงอย่างเดียว เพราะถ้าขึ้นชื่อว่าเขื่อน หากนักเดินทางที่ชื่นชอบอาหารประเภทเนื้อปลานั้น ลองหาทานกันดูได้ ปลาเนื้อนุ่ม ไม่เหม็นคาว นำมาประกอบอาหารได้หลายรูปแบบ ยิ่งถ้าเป็นพ่อครัว และแม่ครัว ชาวปักษ์ใต้ ความจัดจ้านของรสชาติจะทำให้ผู้ที่ได้ลิ้มลอง ลืมไม่ลงเลยทีเดียว
ดำน้ำรอบเกาะช้าง นอนตีพุง ผึ่งลมทะเล
เกาะช้าง มีพื้นที่กว่า 268,125 ไร่ ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะทะเลอ่าวไทย และใหญ่เป็นอันดับ 2 ของไทย รองจากเกาะภูเก็ต
เกาะช้าง ตั้งอยู่ที่ อ. แหลมงอบ จ. ตราด ที่นี่มี 8 หมู่บ้าน คือ สลักเพชร สลักคอก ไก่แบ้ บ้านด่านใหม่ คลองสน คลองพร้าว คลองนนทรี และบ้านบางเบ้า ภายในเกาะมีสวนยางพารา และผลไม้ ให้เดินเล่นเที่ยวชม เที่ยวกิน ประมาณว่าเข้าสวนเด็ดผลไม้กินได้ตามใจปรารถนา
ชายหาดที่ขึ้นชื่อ ก็มีหาดทรายขาว หาดคลองพร้าว หาดไก่แบ้ ทั้ง 3 หาด มีรีสอร์ทตั้งเรียงรายริมหาดมากมาย ตั้งแต่ราคาหลังละ 200 บาท ถึง 5,000 บาท ขึ้นไป ที่สำคัญยังมีเกาะเล็กๆ รายล้อม ได้แก่ เกาะคลุ้ม เกาะเหลายา เกาะง่าม เกาะไม้ซี้ใหญ่ เกาะหวาย เกาะกระ เกาะรัง เกาะมันนอก เกาะมันใน เกาะกระดาด เกาะหมาก เกาะขาม ซึ่งเกาะเหล่านี้แหละ มีวิวใต้น้ำที่สวย โดดเด่นสุดๆ
ในช่วงเทศกาล เกาะเล็กเกาะน้อยที่ว่า มักเสนอแพคเกจทัวร์ดำน้ำ ปัจจุบันมีทัวร์รูปแบบต่างๆ มากมาย นอกจากการเล่นน้ำทะเลเที่ยวเกาะธรรมดาๆ เช่น ท่องเที่ยวเชิงเกษตร ขี่ช้างท่องไพร ล่องเรือ ตกปลา ไดหมึก หรือพักโฮมสเตย์กับหมู่บ้านชาวประมง น่าสนใจใช่ย่อย
ที่สำคัญ นักเดินทางที่นำรถส่วนตัวมา สามารถนำรถขึ้นเรือเฟอร์รีข้ามไปถึงที่พักได้สบายๆ
การเดินทาง
สภาพเส้นทางบนเกาะนั้น สามารถใช้พาหนะได้ทุกรูปแบบ ทั้งแบบเก๋ง กระบะ ซึ่งมีระบบขับเคลื่อนทั้ง 2 และ 4 ล้อ บนเกาะช้างไม่สามารถเดินทางได้รอบ หากจะไปเยี่ยมชมทุกสถานที่ต้องกลับมาเริ่มต้นใหม่ แต่เสน่ห์ในแต่ละสถานที่นั้นไม่เหมือนกัน บางแห่งจะพบไร่สวนของชาวบ้าน พบวิถีชีวิตการทำประมงของชาวบ้าน แต่บางแห่งก็จะพบความศิวิไลซ์ จากความเจริญของสังคมเมืองที่แพร่กระจายในรูปแบบของธุรกิจ ซึ่งจะมีเสน่ห์แตกต่างกัน
การเดินทาง สามารถใช้ได้ 3 เส้นทางหลัก ดังต่อไปนี้
1. ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 34 (หรือทางแยกระดับบางนา-บางปะกง) ต่อด้วยเส้นทางหลวงหมายเลข 344 ถึง อ. แกลง และต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 3 ผ่าน จ. จันทบุรี เพื่อมุ่งเข้าสู่ตัวเมืองตราด รวมระยะทางประมาณ 315 กม.
2. เส้นทางหลวงหมายเลข 3 ผ่านชลบุรี พัทยา สัตหีบ ระยอง ถึง อ. แกลง และต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 3 ผ่าน จ. จันทบุรี เข้าตัวเมือง จ. ตราด รวมระยะทางประมาณ 390 กม. หรือ
อาจใช้เส้นทางหมายเลข 36 จากพัทยาผ่าน จ. ระยอง อ. แกลง รวมระยะทาง 355 กม.
3. เส้นทางจากมอเตอร์เวย์ (ทางหลวงหมายเลข 7 ทางหลวงพิเศษกรุงเทพ ฯ-ชลบุรี) เชื่อมต่อมาจากถนนพระราม 9 - ศรีนครินทร์ ขับตรงมาจนพบกับทางหลวงหมายเลข 344 (บ้านบึง-แกลง) ถึง อ. แกลง และต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 3 ผ่าน อ. ขลุง จ. จันทบุรี ข้ามสะพานเวฬุ ผ่าน อ. เขาสมิง เข้าตัวเมือง จ. ตราด รวมระยะทางประมาณ 315 กม. ถ้าไม่ต้องการเข้าสู่ตัว จ. ตราด สามารถตรงไปยังท่าเรือเฟอร์รีได้ โดยเลี้ยวขวามาทางแหลมงอบได้เลย
อาหารการกิน
อาหารทะเลสดๆ หลากหลายชนิด ที่นำมาประกอบในรูปแบบต่างๆ ทั้งต้ม ผัด แกง ทอด รวมถึงผลไม้สดๆ ผลผลิตของชาวสวน ชาวไร่ ที่อาศัยอยู่บนเกาะ
ร้อนนี้ที่ "น้ำเอ่อ จ. กาญจนบุรี
น้ำเอ่อ เป็นลำน้ำสายสุดท้ายของเขื่อนศรีนครินทร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดนของ 3 จังหวัด คือ สุพรรณบุรี กาญจนบุรี และ อุทัยธานี ด้วยสภาพความสมบูรณ์ของพื้นที่ ทำให้รัพยากรธรรมชาติรอบบริเวณยังคงอยู่ นักเดินทางจะได้สัมผัสกับบรรยากาศกลางป่าปิด ระหว่างป่าห้วยขาแข้ง และป่าทุ่งใหญ่นเรศวร อากาศบริสุทธิ์ ซึ่งได้สูดเต็มๆ ปอด
กิจกรรมของที่นี่จะเน้นเป็นพวกกิจกรรมทางน้ำ เช่น ตกปลา ล่องเรือไหว้พระที่โบสถ์สเตนเลสส์ แห่งเดียวในประเทศไทย เดินป่าส่องสัตว์ เยี่ยมชมวิถีชีวิตชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมสายน้ำ
สำหรับผมแล้ว ในฐานะของนักตกปลา ผมขอยกให้ที่นี่เป็นอันดับ 1 ในดวงใจ เพราะพันธุ์ปลาที่หลากหลาย และชุกชุม อีกทั้งขนาดที่ใหญ่และแรงเยอะ ทำให้ผมไม่เคยลืมที่แห่งนี้ และยินดีที่จะแวะไปเยี่ยมเยียนทุกครั้งที่มีโอกาส
การเดินทาง
หากนักเดินทางที่ต้องการสัมผัสกับสภาพเส้นทางที่ไม่ทุรกันดารมากนัก เส้นทางนี้จะเป็นเส้นทางที่วัดใจผู้ใช้รถขับเคลื่อน 4 ล้อ ความโหดดิบของเส้นทาง ไม่สาหัสมาก ผนวกกับธรรมชาติข้างทางที่สมบูรณ์ จะทำให้การเดินทางของคุณเป็นทริพที่สนุกไม่รู้ลืมก็เป็นได้
จากบางบัวทอง เข้าถนนเส้น 345 มุ่งหน้าไปสุพรรณบุรี เลี้ยวซ้ายออกทางเลี่ยงเมือง (ดอนเจดีย์) เลี้ยวซ้ายอีกครั้งที่อนุสาวรีย์ดอนเจดีย์ ดูป้ายบ้านสระกระโจม ถึงสี่แยก เลี้ยวขวา ไปที่ด่านช้าง จากแยกนี้วิ่งไปอีกประมาณ 30 กม. สังเกตสามแยกใหญ่ เลี้ยวซ้ายไปตามป้าย หนองปรือ และ อุทยานแห่งชาติถ้ำธารลอด จากแยกอีกประมาณ 30 กม. เจอสี่แยก สังเกตป้ายอุทยานแห่งชาติถ้ำธารลอดให้เลี้ยวขวา
ขับตรงตามทางไปเรื่อยๆ ทางเริ่มแคบ ประมาณ 20 กม. จะเจอทางแยกร่วม (ถ้าตรงไปจะเจอวัดกับสันเขื่อนเล็กๆ) ให้เลี้ยวซ้ายอีกประมาณไม่ถึง 10 กม. จะเจอทางโค้งขวา ที่มีทางตรง (ถนนคอนกรีท) ให้ตรงไป ขับตามทางหลักไปเรื่อยๆ จะเจอทางขึ้นเนิน เป็นถนนคอนกรีท ไต่เขาไปเรื่อยๆ จะเจอหน่วยพิทักษ์พันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์เขากระชาย ต่อจากนั้นจะมีป้ายบอกตลอดทาง เพื่อไปยังหน่วยพิทักษ์พันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์ไกรเกรียง (น้ำเอ่อ) สำหรับรถขับเคลื่อน 2 ล้อ ควรขับขี่ด้วยความระมัดระวัง เพราะสภาพเส้นทางนั้นเหมาะกับรถขับเคลื่อน 4 ล้อ มากกว่า
อาหารการกิน
เมนูปลาหลากชนิด อาทิ ปลาตะเพียน ปลานิล ปลาช่อน ปลาชะโด ปลากระสูบ ปลากราย ปลาสวาย ปลาบึก ปลากดคัง ฯลฯ หากตกเองไม่ได้ แพปลาซึ่งเป็นแหล่งรวมปลาสดจากเขื่อนโดยชาวบ้านนำมาขาย นั่นคือ คำตอบสุดท้าย ที่จะหาไว้ประกอบอาหารด้วยฝีมือตัวเอง หรือจากแม่ครัวหัวป่าประจำแพ รวมถึงหน่อไม้สด ซึ่งหาได้ง่ายตลอดเส้นทาง
เรื่องโดย : ณัฐเทพ เผ่าจินดา NATTHEP@AUTOINFO.CO.TH
นิตยสาร 4wheels ฉบับเดือน เมษายน ปี 2553
คอลัมน์ Online : พิเศษ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/28561