เกีย โซเรนโต 2011 เอสยูวีชั้นนำจากสาธารณรัฐเกาหลี ได้รับการออกแบบใหม่หมดทั้งคัน โดยแชสซีส์กับตัวรถเป็นชิ้นเดียวกัน ใช้เฟรมร่วมกับ ฮันเด ซันตา เฟ ใหม่ ในขณะที่รุ่นเก่าจะเป็นแบบนำโครงสร้างตัวรถมาติดตั้งอยู่บนพแลทฟอร์ม ส่วนสูงและฐานล้อของตัวรถมีขนาดย่อมลงมาจาก โซเรนโต รุ่นเก่า ความสูงที่ใต้ท้องรถเตี้ยลง 2 นิ้ว ตัวรถยาวขึ้น 2 นิ้ว ส่วนความกว้างของตัวถังเพิ่มขึ้น 1 นิ้ว ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน 0.38 การต้านกระแสลมลดลง 11 % เมื่อเทียบกับรุ่นเดิม

เกีย โซเรนโต 2011 เอสยูวีชั้นนำจากสาธารณรัฐเกาหลี ได้รับการออกแบบใหม่หมดทั้งคัน โดยแชสซีส์กับตัวรถเป็นชิ้นเดียวกัน ใช้เฟรมร่วมกับ ฮันเด ซันตา เฟ ใหม่ ในขณะที่รุ่นเก่าจะเป็นแบบนำโครงสร้างตัวรถมาติดตั้งอยู่บนพแลทฟอร์ม ส่วนสูงและฐานล้อของตัวรถมีขนาดย่อมลงมาจาก โซเรนโต รุ่นเก่า ความสูงที่ใต้ท้องรถเตี้ยลง 2 นิ้ว ตัวรถยาวขึ้น 2 นิ้ว ส่วนความกว้างของตัวถังเพิ่มขึ้น 1 นิ้ว ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน 0.38 การต้านกระแสลมลดลง 11 % เมื่อเทียบกับรุ่นเดิม โซเรนโต ใหม่ ตั้งใจจะให้รถรุ่นนี้เป็นคู่แข่งโดยตรงกับบรรดาคอมแพคท์เอสยูวีชั้นนำทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น ฮอนดา ซีอาร์-วี, เชฟโรเลต์ อีควินอกซ์, มาซดา ซีเอกซ์-7 และโตโยตา รัฟโฟร์ โดยรถรุ่นนี้ผลิตที่โรงงานแห่งใหม่ในเวสต์พอยท์ ห่างจากเมืองแอทแลนทา 144 กม. ไปทางตะวันตกเฉียงใต้ อยู่ใกล้กับโรงงาน ฮันเด มีกำลังการผลิตได้ถึง 300,000 คัน/ปี และยังเป็นที่ผลิตเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ให้ทั้ง เกีย และฮันเด ด้วย เราได้มีโอกาสทดลองขับ เกีย โซเรนโต 2011 ซึ่งสร้างความประทับใจอย่างมากในหลายๆ ด้าน เกีย ให้ความสำคัญในเรื่องการออกแบบรถโดยมีบุคลิกที่หลากหลายมากกว่าคู่แข่งในคลาสส์เดียวกัน นอกเหนือจากการใช้โครงสร้างแบบเป็นหนึ่งเดียวกัน หรือ ยูนิบอดี แล้วยังมีระบบขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อตลอดเวลาให้เลือก รวมไปถึงระบบรองรับด้านหลังยังเป็นแบบอิสระ มัลทิลิงค์ อีกด้วย แม้เฟรมรถค่อนข้างแข็ง แต่ระบบรองรับได้รับการเซทมาเป็นอย่างดี ให้ความรู้สึกที่ไม่นุ่มนวลจนเกินไป หรือแข็งจนนั่งไม่สบาย ทำให้การขับขี่ที่ความเร็วสูงเต็มไปด้วยความมั่นคงและสะดวกสบาย ไม่เครียดราวกับเรากำลังนั่งอยู่หลังพวงมาลัยรถเก๋งชั้นดี เอสยูวีแดนโสมคันนี้มีอุปกรณ์พิเศษ คือ เบาะที่นั่งแถวที่ 3 ซึ่งหายากในรถยนต์ระดับเดียวกัน แม้จะมีขนาดที่เล็ก ซึ่งเหมาะสำหรับเด็กๆ มากกว่า ถ้าไม่มีเบาะนั่งแถวที่ 3 แล้วพับเบาะแถว 2 ลง จะได้พื้นที่บรรทุกสัมภาระมากกว่า 70 ลูกบาศก์ฟุต เครื่องยนต์รุ่นพื้นฐานเป็นแบบ 4 สูบ 2.4 ลิตร (เครื่องยนต์เดิมจะเป็นแบบ วี 6 สูบ) ให้กำลัง 172 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ ส่วนเกียร์อัตโนมัติเป็นอุปกรณ์พิเศษสำหรับรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ แต่จะเป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับรุ่น วี 6 สูบ 3.5 ลิตร 273 แรงม้า รุ่น 4 สูบ จะมีความสามารถในการลากจูง 908 กก. ส่วนรุ่น วี 6 สูบ ทำได้ 1,589 กก. รุ่น วี 6 สูบ เต็มเปี่ยมด้วยพละกำลังในทุกสถานการณ์ แรงบิดดีกว่า วี 6 สูบตัวเดิมถึง 30 % ระบบพวงมาลัยและการควบคุมบังคับทำได้ดี การขับขี่ให้ความรู้สึกที่คล้ายกับรถเก๋ง สามารถนำมาใช้งานได้ในทุกวัน การเปลี่ยนเกียร์เป็นไปอย่างนุ่มนวลและแม่นยำ โดยรวมประสิทธิภาพในการขับขี่ได้ถูกพัฒนาดีขึ้นกว่ารุ่นที่แล้ว การตอบสนองเป็นไปด้วยดีกว่าที่เราคาดคิดไว้ ในขณะที่ระบบเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะติดตั้งอยู่ในรุ่นต่ำสุด แต่ผู้ขับขี่ส่วนใหญ่ต้องการเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ เนื่องจากในสถานการณ์โดยทั่วไปแล้ว เกียร์อัตโนมัติจะมีการทำงานได้อย่างเหมาะสม และสะดวกสบายในการใช้งาน อุปกรณ์เพื่อความปลอดภัย เช่น ถุงลมนิรภัย 6 จุด, โครงสร้างหลังคาที่แข็งแรง, ระบบควบคุมเสถียรภาพ ฯลฯ ติดตั้งมาให้ครบครัน ในระหว่างการใช้งานซึ่งส่วนใหญ่เป็นการขับข้ามรัฐ มีบางช่วงขับในเมือง การขับขี่เป็นไปอย่างราบรื่น ห้องโดยสารเก็บเสียงได้ดี ให้ความผ่อนคลายไปกับบรรยากาศโดยรอบในยามเดินทางไกลจากการที่มีพื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง สะดวกสบาย เบาะนั่งแถวที่ 2 ให้พื้นที่วางขาได้อย่างพอเพียง พนักพิงหลังสามารถปรับเอนได้ตามต้องการ ทัศนวิสัยโดยรอบชัดเจนดี แม้ว่าเสาหลังคาด้านหลัง หรือ เสา ดี (D-PILLAR) จะมีความหนาอยู่บ้าง การควบคุมคันเร่งทำงานแบบ ดไรฟ-บาย-ไวร์ แม้ว่าจะไม่ใช่ระบบที่ดีนัก แต่การตอบสนองก็น่าพอใจ ระบบนำทางใช้งานง่าย มีประโยชน์ในการให้ข้อมูลด้านการจราจรเป็นอย่างดี เครื่องเสียงพร้อมลำโพง 6 ตัว เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ส่วนลำโพงขนาด 12 นิ้ว เป็นอุปกรณ์พิเศษ ส่วนบลูทูธเป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับรถทุกรุ่น เราคิดว่า เกีย เดินมาถูกทางแล้ว โดยเริ่มต้นจากรุ่นนี้ที่มีความหลากหลายให้เลือก เครื่องยนต์ 2 ขนาด คือ 4 สูบเรียง และ วี 6 สูบ ระบบขับเคลื่อน 2 แบบ คือ ขับเคลื่อนล้อหน้า และขับเคลื่อนแบบออลล์วีลดไรฟ เบาะนั่งมีทั้งแบบ 5 และ 7 ที่นั่ง การตกแต่งภายในประณีต และมีหลายรูปแบบให้เลือก อุปกรณ์ติดตั้งมาครบครัน คุณภาพในการขับขี่อยู่ในเกณฑ์ดี เหมาะกับการเป็นรถสำหรับครอบครัวที่เหนือกว่ารุ่นเดิมอย่างเห็นได้อย่างชัดเจน คุณรู้หรือไม่ ? - เกีย ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยของการชนในระดับ 5 ดาวจาก ยูโร เอนแคพ (EURO NCAP) และยังคาดหวังว่าจะได้รับมาตรฐานความปลอดภัยในระดับ GOOD จากหน่วยงาน IIHS (INSURANCE INSTITUTE FOR HIGHWAY SAFETY) ของประเทศสหรัฐอเมริกา