ทั่วไป
คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ. เตรียมมอบของขวัญปีใหม่ 2553 ให้กับพี่น้องประชาชนคนไทย โดยจะประกาศปรับเพิ่มความคุ้มครองกรมธรรม์คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ หรือ พรบ. กรณีเสียชีวิตจากเดิมให้ความคุ้มครองสูงสุดรายละ 100,000 บาท เป็นรายละ 200,000 บาท เริ่มมีผลคุ้มครองตั้งแต่ 1 มค. 2553 นี้
คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ. เตรียมมอบของขวัญปีใหม่ 2553 ให้กับพี่น้องประชาชนคนไทย โดยจะประกาศปรับเพิ่มความคุ้มครองกรมธรรม์คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ หรือ พรบ. กรณีเสียชีวิตจากเดิมให้ความคุ้มครองสูงสุดรายละ 100,000 บาท เป็นรายละ 200,000 บาท เริ่มมีผลคุ้มครองตั้งแต่ 1 มค. 2553 นี้
เรื่องนี้ต้องถือเป็นข่าวดีสำหรับหรับพี่น้องใช้รถใช้ถนนเลยทีเดียว โดย จันทรา บูรณฤกษ์ เลขาธิการ คปภ. ได้ชี้แจ้งว่า นอกจากจะมีการเพิ่มความคุ้มครอง พรบ. จาก 100,000 บาท เป็น 200,000 บาทแล้ว ยังได้เพิ่มความคุ้มครองเป็นค่าชดเชยรายวันให้แก่ผู้ประสบภัยจากรถที่ต้องเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลอีกวันละ 200 บาท แต่รวมกันแล้วต้องไม่เกิน 20 วัน ต่อการเกิดอุบัติเหตุ 1 ครั้ง และขยายวงเงินค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้นจาก 15,000 บาท เป็น 50,000 บาท
ซึ่งที่ผ่านมา คปภ. ได้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงร่าง พรบ. ดังกล่าวมากกว่า 8 ครั้ง และปรับค่าลดเบี้ยประกันภัยภาคบังคับลงมาโดยตลอด ตลอดจนเข้มงวดในเรื่องการจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นให้แก่ผู้ประสบภัยที่จะต้องดำเนินการให้เสร็จภายใน 7 วัน หากผู้ประสบภัยรายใดไม่ได้รับค่าเสียหายเบื้องตันภายใน 7 วัน สามารถยื่นเรื่องขอรับค่าเสียหายดังกล่าวได้จากกองทุนทดแทนผู้ประสบภัย สำนักงาน คปภ. ทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังมีข่าวดีให้พี่น้องประชาชน ที่ใช้รถซาเล้ง เป็นรถที่ใช้ในการหากิน เพราะ คปภ. จัดให้เข้ามารวมอยู่ในหมวดของรถจักรยานยนต์ คิดค่าเบี้ยวันละ 1 บาท ชาวบ้านเฮเกิดอุบัติเหตุจ่ายภายใน 7 วัน ไม่มีข้ออ้างใดๆ ทั้งสิ้น
เลขาธิการ คปภ. ได้เปิดเผยเพิ่มเติมอีกว่า คปภ. ได้ร่วมลงนามกับสมาคมประกันวินาศภัย เกี่ยวกับการบังคับใช้ พรบ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ปี 2535 เพื่อปรับปรุงหลักเกณฑ์ระเบียบต่างๆ ให้ทันสมัย และครอบคลุมมากขึ้น โดยกำหนดให้นำรถซาเล้งเข้ามารวมอยู่ในหมวดของรถจักรยานยนต์ โดยคิดค่าเบี้ยประกันภัยปีละ 365 บาท หรือวันละ 1 บาทเท่านั้น เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองตาม พรบ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ฯ เช่นกัน ซึ่งจะเริ่ม ผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มค. 2553 เป็นต้นไปเพื่อเป็นของขวัญในวันขึ้นปีใหม่ให้ประชาชนเช่นกัน
นับแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 เป็นต้นไป เมื่อประชาชนเกิดอุบัติเหตุ บริษัทประกันจะต้องจ่ายเงินทดแทนค่าสินไหมตามกฎหมาย โดยจะต้องไม่มีข้ออ้างใดๆ ทั้งสิ้น หลังจากนั้นค่อย มาดำเนินการหักล้าง ซึ่งบริษัทประกันจะชดเชยกรณีเกิดอุบัติเหตุภายใน 7 วัน และให้ลดขั้นตอนเอกสารต่างๆ เพื่อให้เป็นประโยชน์แก่ประชาชนมากที่สุด ซึ่งจากเดิมที่เมื่อผู้ประสบภัยประสบอุบัติเหตุแล้วต้องสำรองจ่ายเงินไปก่อน ซึ่งเห็นว่าไม่ถูกต้อง ทำให้ประชาชนผู้ประสบอุบัติเหตุเดือดร้อน พร้อมทั้งได้เร่งให้บริษัทประกันภัยต่างๆ ปรับปรุงประสิทธิภาพการจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ผู้ประสบภัยและโรงพยาบาลเพื่อความรวดเร็ว ตลอดจนหาแนวทางลดระยะเวลาการจ่ายให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพด้วย ซึ่งในส่วนของต่างจังหวัดนั้นยังล่าช้าอยู่มาก ก็จะได้รับการแก้ไขไปในคราวเดียวกัน
ขณะนี้สมาคมประกันวินาศภัยรับปาก คปภ. ว่า จะลดขั้นตอนและวิธีการ พร้อมปฏิบัติตาม กฎระเบียบอย่างเคร่งครัด ซึ่งยอมรับว่า ที่ผ่านมา มีบางบริษัทประวิงการจ่ายค่าสินไหม จึงได้กำชับว่าหากไม่ปฏิบัติตามและประชาชนยังร้องเรียน เข้ามาที่ 1186 หากบริษัทประกันภัยใดจ่ายล่าช้าหรือเรียกหลักฐานเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด คปภ. จะดึงเรื่องดังกล่าวมาพิจารณาผ่านคณะกรรมการเปรียบเทียบปรับและลงโทษ โดยจะถูกลงโทษเปรียบเทียบปรับประวิงจ่ายสินไหมทดแทน ปรับไม่เกิน 500,000 บาท รวมทั้งประจานผ่านสื่อและเวบไซท์ของ คปภ. อย่างน้อย 6 เดือน
ด้านบริษัทประกันภัยทุกค่ายเตรียมหาทางหนีทีไล่ อ้างเหตุผลข้อกำหนดกองทุนสำรองความเสี่ยงใหม่ที่สูงขึ้นประกอบกับต้นทุนค่าสินไหมประกัน พรบ. จะต้องสูงขึ้นแน่นอนตามที่ คปภ.ปรับเพิ่มใหม่ จ่อคิวขึ้นอัตราเบี้ยประกันภาคสมัครใจ ทุกประเภท โดยเฉพาะกลุ่มรถเล็กที่ประกันเบี้ยซ่อมห้าง และรถบรรทุกใหญ่ที่สถิติการเกิดอุบัติเหตุแล้วมีความเสียหายสูง ซึ่งทางสมาคมประกันวินาศภัย ได้ตั้งคณะทำงานเพื่อปรับปรุงพิกัดอัตราเบี้ยประกันภัยภาคสมัครใจครั้งใหม่
ตัวอย่าง ค่ายใหญ่ที่รับประกันภัยรถยนต์มากที่สุด คือ บจก. วิริยะประกันภัย กฤษณ์ หิญชีระนันทน์ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายการตลาด กล่าวว่า ในส่วนของบริษัทวิริยะ ฯ มีสัดส่วนงานรับประกันภัยรถสูงสุดในตลาด โดยมีส่วนแบ่งตลาดถึง 25 % ปัจจุบันมีฐานลูกค้าประกันภัยรถยนต์ประมาณ 3 ล้านราย เฉลี่ยเบี้ยรับรวมต่อปีอยู่ที่ 16,000-17,000 ล้านบาท กำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมสถิติย้อนหลัง โดยประเภทรถที่มีค่าสินไหมทดแทนเกิน 100% เช่น รถบรรทุก รถขนาดเล็กกลุ่มซิตีคาร์ มีแนวโน้มจะต้องปรับราคาเบี้ยประกันภัยเพิ่มอย่างแน่นอน เนื่องจากมีสถิติการเกิดอุบัติเหตุค่อนข้างสูง เพราะเป็นรถคันแรกและเจ้าของรถส่วนใหญ่อยู่ในช่วงวัยรุ่น ขณะที่รถบรรทุกนั้นเกิดความเสียหายแต่ละครั้งจะมีมูลค่าค่อนข้างสูง
ค่ายบริษัท ไทยพาณิชย์สามัคคีประกันภัย จำกัด (มหาชน) จิรวุฒิ บุญศิริ กรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า จากเกณฑ์กำกับเงินกองทุนตามระดับความเสี่ยง (RBC: RISK-BASED CAPITAL) ประกอบกับค่าแรง ค่าสี ค่าอะไหล่ที่ปรับเพิ่มขึ้นทุกปี ทำให้ธุรกิจประกันวินาศภัยส่วนใหญ่ต้องมีต้นทุนเพิ่มขึ้น วิธีการแก้ปัญหาแรกสุด คือ ควรต้องทบทวนปรับอัตราเบี้ยประกันภัยขึ้น จากเดิมปีละครั้งเป็นปีละ 2 ครั้ง โดยเฉพาะประกันภัยรถ กลุ่มรถประกันภัย ประเภท 1 ที่เป็นรถซิทีคาร์ ต่ำกว่า 1,800 ซีซี เพราะที่ผ่านมาตลาดกลุ่มนี้แข่งขันตัดราคาสูง ขณะที่อัตราการสูญเสียยังสูงถึง 80 %
สำหรับอัตราเบี้ยประกันรถประเภท 1 ของบริษัทได้ปรับขึ้นล่าสุดเมื่อเดือนสิงหาคม 2552 ที่ผ่านมาประมาณ 5-10 % เทียบเท่ากับบริษัทที่มีอัตราเบี้ยเฉลี่ยสูง จากภาพรวมตลาดปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี 2550 ขณะที่อัตราความเสียหายประกันภัยรถรวมยังสูงและไม่คุ้มต้นทุน อย่างไรก็ตามปี 2553 การพิจารณาปรับขึ้นเบี้ยจะประเมินตลาดอีกครั้ง หลังรอให้บริษัทอื่นปรับขึ้นมาให้เท่ากันก่อน
ส่วนงานประกันภัยรถ ชั้น 1 ผ่านแบงค์ไทยพาณิชย์ ฯ เป็นงานที่ไม่คุ้มทุน มองว่าปีหน้า พอร์ทนี้จะไม่มีกำไรเหมือนที่ผ่านมา อาจมีการปรับเพิ่มความคุ้มครองและการเปลี่ยนกระบวนการรับประกันใหม่
ค่ายบริษัท สินทรัพย์ประกันภัย จำกัด กล่าวดร. สมนึก สงวนสิน กรรมการผู้จัดการ มองว่าในปีหน้าอาจมีความจำเป็นต้องขึ้นเบี้ยประกันรถ ประเภท 1 ซ่อมห้างอีก 2,000 บาท จากปัจจุบันบริษัทได้ปรับเบี้ยขึ้นกลุ่มนี้แล้วอยู่ที่ 19,000 บาท จาก 14,000 บาท ส่วนซ่อมอู่ ปรับขึ้นเป็น 13,000 บาท จาก 10,000 บาท เพื่อให้เท่ากับกลุ่มตลาดพรีเมียม ซ่อมห้าง เช่น แอกซาประกันภัย ซึ่งอยู่ที่ 27,000 บาท และกรุงเทพประกันภัย 32,000 บาท และยังต้องรอระบบไอทีวิเคราะห์อัตราความสูญเสียของรถแต่ละกลุ่ม รวมถึงผลประกอบการปลายปีนี้ก่อน
ค่าย บริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด เลิศชาย ประภาศิริรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานประกันภัย มองว่า เกณฑ์กำกับเงินกองทุนใหม่ จะมีผลกระทบกับบริษัทที่รับงานประกันภัยรถจำนวนมากรวม จึงต้องปรับเบี้ยประกันภัยในตลาดแน่นอน โดยเฉพาะกลุ่มรถประเภท 5 คอมแพคท์คาร์ หรือ ซิทีคาร์ ต่ำกว่า 2,000 ซีซี ทั้งนี้บริษัทยังจำกัดการรับงานประกันรถกลุ่มนี้ เพื่อไม่ให้กระทบกับเงินกองทุน ทำให้ต้องปรับอัตราเบี้ยประกัน จากขณะนี้สูงกว่าเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดถึง 9 เท่า
โดยสรุปแล้วปีหน้า 1 มกราคม 2553 เป็นที่ประชาชนจะได้รับของขวัญจากประกันภัย 2 อย่างพร้อมๆ กัน คือ คปภ. ปรับเพิ่มความคุ้มครองประกัน พรบ. ขณะเดียวกันก็จะได้รับค่าเบี้ยประกันรถยนต์ภาคสมัครใจที่ปรับสูงขึ้นจากบริษัทประกันภัยด้วย คนมีรถใช้คงต้องเตรียมเงินจ่ายค่าเบี้ยประกันภัยสูงขึ้นแน่นอน
เรื่องโดย : กฤชกมล formula@autoinfo.co.th
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน มกราคม ปี 2553
คอลัมน์ Online : ทั่วไป
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/28331