จากต้นแบบที่เปิดตัวในงานมหกรรมยานยนต์ปารีส 2008 ในที่สุด บีเอมดับเบิลยู ได้ผลักดันจนกลายเป็นจริง และถือว่าเป็นการตัดหน้าคู่ปรับอย่าง เอาดี และเมร์เซเดส-เบนซ์ ในการขยับแนวรุกลงสู่ตลาดเอสยูวีรุ่นเล็ก

จากต้นแบบที่เปิดตัวในงานมหกรรมยานยนต์ปารีส 2008 ในที่สุด บีเอมดับเบิลยู ได้ผลักดันจนกลายเป็นจริง และถือว่าเป็นการตัดหน้าคู่ปรับอย่าง เอาดี และเมร์เซเดส-เบนซ์ ในการขยับแนวรุกลงสู่ตลาดเอสยูวีรุ่นเล็ก บีเอมดับเบิลยู เอกซ์ 1 มีคิวเปิดตัวปลายปีที่งานมหกรรมยานยนต์ฟรังค์ฟวร์ท ประเทศเยอรมนี ก่อนจะเริ่มขายในยุโรปทันที ช่วงต้นปีหน้า ส่วนตลาดหลักอย่างสหรัฐอเมริกา กลับต้องรอกันถึงปี 2554 รูปทรงได้รับอิทธิพลมาจากรุ่นพี่ทั้ง เอกซ์ 3 และเอกซ์ 5 ผลิตออกมาให้เป็นคู่แข่งโดยตรงกับ โฟล์คสวาเกน ทีกวน และฮอนดา ซีอาร์-วี รวมไปถึง เอาดี คิว 3 ที่กำลังจะเปิดตัวเร็วๆ นี้ โดยเน้นการขายในตลาดยุโรป และสหรัฐอเมริกา เป็นหลัก ใช้โรงงานไลพ์ซิก ในเยอรมนี เป็นแหล่งการผลิต เอกซ์ 1 มีน้ำหนักที่เบากว่า เอกซ์ 3 จึงให้การขับขี่ที่คล่องตัวกว่า แต่พื้นที่ภายในห้องโดยสารแคบกว่า ตัวรถมีขนาดเล็กกว่า อคูรา อาร์ดีเอกซ์ และอินฟินิที อีเอกซ์ ใกล้เคียงกับ แลนด์ โรเวอร์ แอลอาร์ 2 ถึงแม้ว่าจะมีราคาที่ย่อมเยา แต่ เอกซ์ 1 ได้ติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานมาให้ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ระบบเบรคเอบีเอส, ทแรคชัน คอนโทรล, ถุงลมนิรภัยทั้งที่ด้านหน้าและด้านข้าง ฯลฯ และสำหรับสปอร์ทแพคเกจ จะติดตั้งระบบรองรับที่ให้การยึดเกาะถนนดีขึ้น, วงล้อพร้อมยางขนาดใหญ่, ระบบนำทางควบคุมจากไอดไรฟ, เบาะหุ้มหนังแท้, ระบบเครื่องเสียงระดับไฮเอนด์, ไฟหน้าปรับทิศทางตามการหมุนของพวงมาลัย ฯลฯ ที่จะเพิ่มความสะดวกสบาย และหรูหรา ในการใช้งานเพิ่มขึ้น ความสูงจากพื้นต่ำกว่ารถประเภทครอสส์โอเวอร์ทั้งหลาย แสดงถึงไดนามิคที่เหนือชั้นจากค่ายบาวาเรีย ในขณะที่รูปทรงภายนอกทำได้อย่างสวยงาม ตามสไตล์ที่เราคาดว่าจะได้รับจาก บีเอมดับเบิลยู เราเชื่อว่า เอกซ์ 1 จะได้รับความนิยมในอนาคตอย่างแน่นอน สปอร์ท ครอสส์โอเวอร์ รุ่นนี้ใช้โครงสร้างหลายๆ ส่วนร่วมกับ ซีรีส์ 3 ซีดาน และเอกซ์ 3 ส่วนสูงของตัวรถมีขนาด 60.8 นิ้ว แตกต่างจากรถคู่แข่งโดยเฉลี่ย 5-8 นิ้ว ใต้ท้องรถสูงจากพื้นดิน 7.6 นิ้ว เบาะนั่งอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ ทำให้มีเนื้อที่เหนือศีรษะสำหรับผู้โดยสารทั้งด้านหน้าและหลัง มากกว่า เอกซ์ 3 มีพื้นที่วางหัวเข่า วางขา ในขณะที่เมื่อวัดจากรูปทรงภายนอกแล้ว เอกซ์ 3 จะมีส่วนสูงถึง 66 นิ้ว ที่ด้านหน้าจะสูงกว่า เอกซ์ 1 อยู่ 2.2 นิ้ว และด้านหลัง 3.2 นิ้ว แต่มีพื้นที่วางหัวไหล่น้อยกว่า เอกซ์ 1 อยู่ 1 นิ้ว ส่วนพื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวางอย่างน่าประทับใจ รวมไปถึงพื้นที่เก็บสัมภาระท้ายรถขนาด 14.7 ตารางฟุต และเมื่อพับเบาะหลังลงจะมีเนื้อที่ถึง 47.7 ตารางฟุต เบาะหลังพับลงได้ในอัตราส่วน 40/20/40 นอกจากนี้พนักพิงยังสามารถปรับเอนได้ถึง 31 องศา ภายในห้องโดยสารบริเวณคอนโซลกลางมีจอไอดไรฟ ขนาด 8.8 นิ้ว เพื่อแจ้งข้อมูลที่สำคัญให้ผู้ขับขี่ทราบ แต่เดิมมีการเปิดเผยว่า เอกซ์ 1 จะมีทางเลือกที่หลากหลาย ทั้งเครื่องยนต์เบนซิน และเทอร์โบดีเซล ในแบบ 4 และ 6 สูบ แต่สุดท้ายในช่วงแรกได้รับการยืนยันมาแล้วว่า จะมีแค่ 4 รุ่นเท่านั้น สำหรับตลาดยุโรป เริ่มจาก เอกซ์ดไรฟ 28 ไอ เบนซิน 6 สูบ 3,000 ซีซี 258 แรงม้า ที่ 6,600 รตน. แรงบิดสูงสุด 31.6 กก.-ม. ที่ 2,600-3,000 รตน. มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 6.8 วินาที และทำความเร็วสูงสุด 208 กม./ชม. แต่จะเพิ่มเป็น 230 กม./ชม. หากจ่ายเงินเพิ่มสำหรับชุดไฮสปีด เซทอัพ ที่เหลืออีก 3 รุ่นเป็นเทอร์โบดีเซลล้วนๆ เริ่มจาก เอสดไรฟ และเอกซ์ดไรฟ 18 ดี วางเครื่องยนต์ 4 สูบเทอร์โบ แบบ VGT 2,000 ซีซี 143 แรงม้า ที่ 4,000 รตน. แรงบิดสูงสุด 32.6 กก.-ม. ที่ 1,750-3,000 รตน. มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 9.6 วินาที สำหรับรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง และ 10.1 วินาที สำหรับรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ และทำความเร็วสูงสุด 200 และ 195 กม./ชม. ตามด้วยรุ่น เอสดไรฟ และเอกซ์ดไรฟ 20 ดี เครื่องยนต์ 2,000 ซีซี เหมือนกัน แต่ขยับกำลังขึ้นมาเป็น 177 แรงม้า ที่ 4,000 รตน. แรงบิดสูงสุด 35.6 กก.-ม. ที่ 1,750-3,000 รตน. มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 8.1 และ 8.4 วินาที และทำความเร็วสูงสุดเท่ากันที่ 205 กม./ชม. แต่เมื่อติดตั้งระบบ ไฮสปีด เซทอัพ จะเพิ่มเป็น 218 กม./ชม. สำหรับรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง และ 213 กม./ชม. สำหรับรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ยังไม่มีข่าวว่าเครื่องยนต์ทวินเทอร์โบ จะถูกนำมาใช้กับรถรุ่นนี้ สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล ซึ่งเราได้นำมาทดสอบกันนี้ มีขนาดความจุ 2.0 ลิตร ส่งพละกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ แบบซีคเวนเชียล นอกจากนี้ยังมีระบบเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะให้เลือกใช้ด้วย ในส่วนของระบบขับเคลื่อน มีให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อนล้อหลัง และเอกซ์ดไรฟ โฟร์วีลดไรฟ ความรู้สึกที่ได้รับจากการขับขี่ คือ ความสนุกที่ลดลงไปบ้างจากที่เคยได้สัมผัสใน เอกซ์ 3 หรือ ซีรีส์ 3 สปอร์ทแวกอน ได้กลับคืนมาอีกครั้งในรถรุ่นนี้ คล้ายกับว่าเรากำลังควบคุมรถโกคาร์ท พวงมาลัยให้การตอบสนองดี แม่นยำ และรวดเร็ว ส่วนหนึ่งมาจากการปรับองศาของระบบรองรับที่ด้านหน้าได้อย่างลงตัว ล้อขนาด 17 นิ้ว เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน แต่ในรถคันที่เรานำมาทดสอบติดตั้งล้อขนาด 18 นิ้ว ทำจากวัสดุอลูมิเนียม พร้อมยางปิเรลลี 225/45 R18 ระบบรองรับติดตั้งชอคอับจากซัคส์ พร้อมคอยล์สปริงจากมิวบี แทนระบบอแดพทีฟ แต่ก็ให้การขับขี่ที่สมบูรณ์แบบ และเมื่อปิดสวิทช์ควบคุมระบบ สตาบิลิที คอนทโรล และทแรคชัน คอนทโรล เราต้องขับขี่อย่างตั้งใจ เพื่อไม่ให้ล้อเกิดอาการหมุนฟรี และท้ายปัด ที่ความเร็วต่ำให้การควบคุมที่เฉียบคม โครงสร้างแชสซีส์ให้ความมั่นคงในการควบคุมรถ เหมาะสำหรับตัวรถสไตล์นี้ แรงบิดปริมาณมากเกิดขึ้นที่รอบต่ำจากเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ กำลัง 177 แรงม้า เกิดขึ้นที่ 4,000 รตน. ในขณะที่แรงบิด 35.6 กก.-ม. เกิดขึ้นที่ 1,750-3,000 รตน. เท่านั้นเอง ส่วนหนึ่งเป็นผลงานของเทอร์โบการ์เรทท์ ที่มีแรงดันถึง 24.7 พีเอสไอ อัตราความสิ้นเปลืองทำได้ดีในระดับ 18.2 กม./ลิตร ส่วนปริมาณไอเสียอยู่ที่ 153 กรัม/กม. ในขณะที่รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ ทำได้ 18.9 กม./ลิตร ค่าไอเสีย 139 กรัม/กม. เครื่องยนต์ดีเซลทำงานได้อย่างราบรื่น รอบต่ำ มีช่วงการทำงานที่กว้าง ความยืดหยุ่นสูง แม้ว่ามีเสียงรบกวนจากกระแสลมที่เสาเออยู่บ้าง แต่โดยรวมถือว่าดีทีเดียว ระบบพวงมาลัยที่มีเพาเวอร์ช่วยผ่อนแรง ให้ความแม่นยำสูง มีน้ำหนัก และอัตราทดกำลังดี สำหรับราคาของ เอกซ์ 1 ในเยอรมนี ตั้งเอาไว้ต่ำกว่า เอกซ์ 3 อยู่ 7-11 % เท่ากับว่าราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 27,000 ยูโร หรือ 1.21 ล้านบาทเท่านั้น และรุ่นสูงสุด 41,500 ยูโร หรือ 1.86 ล้านบาท ขณะที่ตลาดสหรัฐอเมริกายังต้องรอกันไปก่อน เพราะ บีเอมดับเบิลยู วางคิวเปิดตัวปี 2554 คุณรู้หรือไม่ ? ระบบ เพอร์ฟอร์มานศ์ คอนทโรล ใน เอกซ์ 1 เป็นอุปกรณ์พิเศษให้เลือกติดตั้งเช่นเดียวกับใน เอกซ์ 6 โดยจะเบรคเพื่อลดความเร็วที่ล้อหลังด้านในโค้ง เพื่อลดอาการอันเดอร์สเตียร์ หรือหน้าดื้อขณะเข้าโค้ง มีลักษณะการทำงานคล้ายกับระบบ ลิมิเทด สลิพ ที่ควบคุมการทำงานด้วยไฟฟ้า