มาตรการรัฐ ฯ ยังไม่เป็นผล ส่งให้ยอดการขายรถยนต์ 8 เดือนที่ผ่านมา ยังลดลงอีก 23.1 % ขายได้แค่ 317,835 คัน ลดลงทั้งรถเก๋ง รถกระบะ เรียกว่าตัวเลขติดลบกันถ้วนหน้า เพียงแต่ว่าเดือนสิงหาคมเดือนเดียว ลดลงเพียงเล็กน้อย 8.2 % เท่านั้นเอง

เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ เดือน สิงหาคม ปี 52 กับ 51 ตลาดโดยรวม ลด 8.2 % รถยนต์นั่ง และรถอเนกประสงค์ ลด 1.1 % รถกระบะ ลด 15.5 % รถกิจกรรมกลางแจ้ง เพิ่ม 25.6 % เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ เดือน มกราคม-สิงหาคม ปี 52 กับ 51 ตลาดโดยรวม ลด 25.0 % รถยนต์นั่ง และรถอเนกประสงค์ ลด 12.4 % รถกระบะ ลด 34.4 % รถกิจกรรมกลางแจ้ง ลด 14.7 % มาตรการรัฐ ฯ ยังไม่เป็นผล ส่งให้ยอดการขายรถยนต์ 8 เดือนที่ผ่านมา ยังลดลงอีก 23.1 % ขายได้แค่ 317,835 คัน ลดลงทั้งรถเก๋ง รถกระบะ เรียกว่าตัวเลขติดลบกันถ้วนหน้า เพียงแต่ว่าเดือนสิงหาคมเดือนเดียว ลดลงเพียงเล็กน้อย 8.2 % เท่านั้นเอง แต่ก็ยังประมวลเอาจากตัวเลขทางเศรษฐกิจอื่นๆ อย่างดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ที่เพิ่มขึ้นมาต่อเนื่องตลอด 3 เดือนล่าสุด รวมทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ ฯ เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง เริ่มส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม เพียงแต่มันยังไม่กว้างขวางทั่วถึง เลยทำให้ยอดการขายรถยนต์ยังไม่กระเตื้องเท่าที่ควร ส่วนการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพราะค่ายรถยนต์มองเห็นการเจริญเติบโตไปในทางบวก ส่งผลดีต่อตลาดรถยนต์โดยรวม รวมทั้งการประกาศเพิ่มกำลังการผลิต อย่างเคยลดเหลือกะเดียว ก็สั่งเตรียมพร้อมให้เพิ่มงานเป็น 2 กะ หรือประกาศรับพนักงานเพิ่มเติม ที่ข่าวค่อยๆ กระจายสู่สื่อมวลชน ก็ยังพอมองได้ว่า น่าจะเป็นไปในทิศทางบวก แต่ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน ยังคงได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบ อย่างเรื่องมาตรการอนุมัติสินเชื่อที่เข้มงวด หรือทิศทางราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ยอดขายสะสม 8 เดือน เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนเติบโตลดลง ก็ได้แต่หวังว่ามาตรการภาครัฐ ฯ จะกระจายลงสู่รากหญ้าได้รวดเร็วกว่านี้ นักการตลาดจะได้หายใจคล่องคอกันเสียที เรื่องสัพเพเหระเรื่องแรกหนนี้ ว่าด้วยเรื่องของเจ้าพนักงานจราจร เมื่อท่านได้รับใบสั่งจากเจ้าพนักงานจราจรแล้ว ท่านว่าให้ตรวจสอบให้เรียบร้อย เพราะเดี๋ยวนี้มีใบสั่งปลอมออกมาระบาดแล้ว แต่ที่จริงส่วนใหญ่จะเป็นบรรดาพวกรถบรรทุกที่ถูกจับตรวจควันดำ เอาไว้โชว์เจ้าพนักงานเวลาถูกตรวจสอบอีกครั้ง โดยปกติ เมื่อเจ้าพนักงานเขียนใบสั่งแก่ผู้ขับขี่ที่กระทำผิดกฎจราจรแล้ว จะให้ใบสั่งสีขาวแก่ผู้ขับขี่ ใช้แทนใบอนุญาตขับขี่ มีกำหนดจะต้องไปพบพนักงานสอบสวนเพื่อเสียค่าปรับภายในเวลา 7 วัน ส่วนกอพพีใบสีเหลืองติดไว้กับใบขับขี่ที่ยึดมาส่งไปเก็บไว้ที่โรงพัก ใบสีชมพูกับสีฟ้าจะติดไว้ที่ต้นขั้ว ส่งคืนกลับไว้ที่ สน. การควบคุมตรวจสอบได้ว่า มีการออกใบสั่งผู้กระทำผิดกฎจราจรจำนวนเท่าใด ให้ใครไปบ้าง เพื่อติดตามผลการชำระค่าปรับแล้วเท่าใด จะได้ทราบว่าแต่ละนายมีจำนวนส่วนแบ่งรางวัลนำจับเท่าใด ซึ่งผู้บังคับบัญชาจะต้องดูแลตรวจสอบการปฏิบัติ เมื่อใบสั่งหายไปก็จะรู้ กรณีที่ถูกใบสั่งแล้วไปกระทำผิดอีก ตำรวจจราจรสามารถจะออกใบสั่งตามข้อหาที่พบใหม่ จะยึดใบสั่งใบแรกไว้ หรือไม่ยึดก็ได้ ซึ่งใบสั่งใบหลังจะต้องระบุไว้ว่า ไม่ได้ยึดใบอนุญาตใบขับขี่ไว้ เมื่อไปถูกจับความผิดจราจรอีกครั้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องนำตัวผู้ขับขี่รายนั้นไปส่งพนักงานสอบสวนเพื่อเปรียบเทียบปรับข้อหาไม่พกพาใบอนุญาตใบขับขี่ จะต้องเสียค่าปรับเพิ่มจากข้อหาเดิมอีก 300 บาท ข้อหาไม่มารายงานตัว ตาม พรบ. จราจรทางบก ดังนั้น การเอาใบสั่งวางโชว์หน้ารถ หรือแสดงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าถูกออกใบสั่งมาแล้ว ไม่ใช่เหตุผลให้ตำรวจยกเว้นการกระทำผิดกฎจราจรครั้งต่อไปได้ ก็ต้องระมัดระวังกันบ้าง เพราะเดี๋ยวนี้ท่านเริ่มเข้มงวดกันมากขึ้น ไม่เช่นนั้นท่านอาจต้องชำระเงินมากกว่าปกติก็เป็นได้ กลับมาถึงมาตรวัดกันก่อน ในเมื่อยอดขายทั้งตลาดยังซวนเซจากการหดตัวของการลงทุน ขายกันได้เพียง 317,835 คัน ลดลง 23.1 % ก็ถือว่าลดลงอย่างต่อเนื่องมา 8 เดือนแล้ว ทั้งที่เดือนที่แล้วมีรายการแนะนำรถยนต์ใหม่ ที่ไม่ถือเป็นรถรุ่นใหม่กันหลากหลาย เพราะเพียงแค่ไมเนอร์เชนจ์ ในส่วนของยอดการขายรายเดือนสิงหาคม เดือนเดียว ยังลดลงเพียงเล็กน้อย แค่ 8.2 % ขายทั้งตลาด 43,251 คัน ก็พอหายใจหายคอได้โล่งอกขึ้นมาหน่อย มาดูกันว่าใครขายได้มากสุดจากยอดขายทั้งตลาด ก็ยังคงเป็น โตโยตา ขาย 18,708 คัน ลดเยอะ 8.3 % อันดับสอง อีซูซุ ขาย 8,884 คัน ลดลงเยอะกว่า 16.8 % อันดับสาม ฮอนดา ขาย 6,829 คัน เพิ่มมา 13.1 % อันดับสี่ นิสสัน รุกหนัก ขาย 2,432 คัน เพิ่มอีก 7.3 % และอันดับห้า มิตซูบิชิ ขาย 1,624 คัน เพิ่ม 15.3 % แยกประเภทเป็นรถยนต์นั่ง และรถอเนกประสงค์ ลดลงเพียงเล็กน้อย 1.1 % ขายรวม 17,790 คัน แชมพ์หน้าเดิม โตโยตา ขาย 8,502 คัน ลดลง 3.9 % ที่สอง ฮอนดา ขาย 6,366 คัน เพิ่มขึ้น 15.8 % ที่สาม นิสสัน ขาย 838 คัน เพิ่มขึ้น 21.1 % ที่สี่ เชฟโรเลต์ ขาย 344 คัน ลดเยอะ 40.9 % และที่ห้า มาซดา ขาย 332 คัน เพิ่ม 9.6 % ประเภทรถกระบะ ร่วงไป 15.5 % ขายได้ 19,751 คัน แชมพ์เดือนนี้เป็น โตโยตา ขาย 8,122 คัน ลด 13.1 % ส่วนแบ่ง 41.1 % อันดับสอง อีซูซุ ขาย 7,770 คัน ลด 21.1 % ส่วนแบ่ง 39.3 % ที่สาม นิสสัน ขาย 1,508 คัน เพิ่มนิดๆ 1.8 % ส่วนแบ่ง 7.6 % ที่น่าสนใจ คือ รถกิจกรรมกลางแจ้ง เดือนนี้ยอดขายเพิ่ม 25.6 % จำนวน 2,728 คัน แต่รวม 6 เดือน ยังหดตัวอยู่ 10.5 % ขายเพียง 20,657 คัน มีแชมพ์ประจำการ โตโยตา ขาย 1,124 คัน ส่วนแบ่ง 41.2 % ก็ต้องถือว่ายอดขายรถเดือนที่ผ่านมา ไม่ได้เลวร้ายเสียทั้งหมด แต่ก็ยังคงทำท่าสะลึมสะลือ เหมือนคนเพิ่งสร่างไข้ คงต้องคอยเงินอัดฉีดจากภาครัฐ ฯ ผ่านโครงการไทยเข้มแข็ง ให้ลงสู่รากหญ้าได้มากกว่านี้ ก็เชื่อว่ายอดขายคงจะกลับไปสู่ความสวยงามเหมือนเช่นเดิม แต่ก็ยังพอยิ้มออกได้ เมื่อแนวทางของโรงงานประกอบรถยนต์มีการเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่ดีขึ้น มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น ทำ 2 กะ แถมมีรถไมเนอร์เชนจ์จ่อคิวเตรียมออกสู่ตลาดอีกเพียบ เรียกว่างานมหกรรมยานยนต์หนนี้ ไม่มีกร่อยแน่ขอรับ ท่านผู้ชม