ซูบารุ เอาท์แบค รถกิจกรรมกลางแจ้งมาดสปอร์ท แฝงรูปแบบของรถอเนกประสงค์คันแรกของโลก สั่งสมประวัติอันยาวนานกว่า 15 ปี โดยล่าสุด ซูบารุ ออกแบบ เอาท์แบค รุ่นใหม่สายพันธุ์ที่ 4 เพื่อตอบสนองรูปแบบการใช้ชีวิตที่หลากหลายได้เต็มที่

ซูบารุ เอาท์แบค รถกิจกรรมกลางแจ้งมาดสปอร์ท แฝงรูปแบบของรถอเนกประสงค์คันแรกของโลก สั่งสมประวัติอันยาวนานกว่า 15 ปี โดยล่าสุด ซูบารุ ออกแบบ เอาท์แบค รุ่นใหม่สายพันธุ์ที่ 4 เพื่อตอบสนองรูปแบบการใช้ชีวิตที่หลากหลายได้เต็มที่ เอาท์แบค คือ การนำ เลกาซี แวกอน มายกตัวรถให้สูงขึ้นจากพื้น พร้อมทั้งใส่ยางซีรีส์สูง กระจังหน้าและตัวรถปรับแต่งให้ดุดัน มีมัดกล้ามมากขึ้น แรคราวหลังคาออกแบบใหม่ เพื่อลดเสียงรบกวน โดยแกนเหล็กขวางจะพับหลบได้เมื่อไม่ได้ใช้งาน ซูบารุ เอาท์แบค ใหม่ มีรูปทรงอยู่ระหว่าง แวกอน, ครอสส์โอเวอร์ และ มีนีแวน เป็นรถที่คิดค้นร่วมกันกับ โตโยตา ในรุ่น เวนซา (VENZA) 3.5 ออลล์วีลดไรฟ โดยมีแนวคิดและราคาใกล้เคียงกับ ซูบารุ ซูบารุ เอาท์แบค โมเดลปี 2553 มีเครื่องยนต์เทอร์โบ 2 ขนาดให้เลือก คือ 2.5 ลิตร 4 สูบ 170 แรงม้า แรงบิด 23.5 กก.-ม. เป็นเครื่องยนต์ที่ให้แรงบิดดีในรอบต่ำ เกียร์มีให้เลือกทั้งแบบธรรมดา 6 จังหวะ และเกียร์แบบซีวีที ซึ่งในโหมดสปอร์ทจะมีแพดเดิลชิฟท์ สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้ด้วยตนเองเช่นเดียวกับเกียร์ธรรมดา ส่วนเครื่องยนต์ 6 สูบ 3.6 ลิตร 256 แรงม้า ที่ใช้ร่วมกับรุ่น ทรีเบคา ติดตั้งเกียร์แบบอัตโนมัติ 5 จังหวะ ต้องขอแสดงความผิดหวังกับบรรดาขาแรลลีทั้งหลายที่เครื่องยนต์บอกเซอร์ 4 สูบ เทอร์โบ 265 แรงม้า ที่ติดตั้งอยู่ใน เลกาซี จีที ไม่ได้นำมาใช้ใน เอาท์แบค ใหม่ ในรุ่น 2.5 เกียร์ซีวีที ในเมืองทำอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอยู่ที่ 7.8 กม./ลิตร นอกเมือง 10.3 กม./ลิตร เมื่อเทียบกับรุ่นที่แล้วในรุ่น 2.5 ซึ่งใช้เกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ ทำได้ 7.1 และ 9.2 กม./ลิตร ตามลำดับ ส่วนในรุ่น 3.6 ซึ่งใช้เกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ ทำอัตราการสิ้นเปลืองได้ 6.4 และ 8.9 กม./ลิตร ขนาดตัวรถใหญ่ขึ้นกว่าเดิมเมื่อเทียบกับโมเดลปี 2552 ความยาวเพิ่มขึ้นเกือบ 1 นิ้ว แม้ว่าโอเวอร์แฮงหน้า/หลังจะสั้นลง ฐานล้อกว้างขึ้นเกือบ 3 นิ้ว ตัวรถกว้างขึ้น 2 นิ้ว ความสูงเพิ่ม 4 นิ้ว ใต้ท้องรถสูงจากพื้นดิน 8.7 นิ้ว ห้องโดยสารออกแบบเน้นไปที่ความชื่นชอบของชาวอเมริกันโดยเฉพาะ ผู้โดยสารด้านหลังมีพื้นที่กว้างขวางขึ้น พื้นที่วางขายาวขึ้น 4 นิ้ว ส่วนพื้นที่เหนือศีรษะสูงขึ้น 2 นิ้ว และเมื่อพับเบาะจะได้พื้นที่บรรทุกสัมภาระอย่างเหลือเฟือ โดยเบาะแถวหลังพับลงได้ในอัตรา 60:40 พนักพิงสามารถปรับเอนได้เล็กน้อย เพื่อความสะดวกสบายในการนั่ง แผงหน้าปัดติดตั้งทริพคอมพิวเตอร์ ที่จะให้ข้อมูลขณะขับขี่ เบรคมือควบคุมการทำงานด้วยไฟฟ้า ในรุ่นทอพ เบาะจะหุ้มด้วยหนังแท้ ระบบเครื่องเสียงชั้นยอดขนาด 440 วัตต์ จาก HARMAN-KARDON และระบบนำทางที่สั่งงานด้วยเสียง ที่มาพร้อมกล้องมองหลังรถ, บลูทูธ, ไอพอด/ยูเอสบี เป็นอุปกรณ์พิเศษที่ผู้ซื้อสามารถเลือกติดตั้งได้ เมื่อทดลองขับ เอาท์แบค รุ่น 3.6 อาร์ ซึ่งใช้เกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ พบว่าเครื่องยนต์ให้การตอบสนองอย่างนุ่มนวล ถ่ายทอดกำลังลงสู่ล้อทั้ง 4 สามารถเปลี่ยนเกียร์ด้วยตนเองโดยใช้แป้นที่อยู่หลังพวงมาลัย ในขณะที่ขับอยู่บนเส้นทางคดเคี้ยวบนเขา ซูบารุ ให้ความมั่นใจจากระบบพวงมาลัยที่เซทมาอย่างลงตัว เมื่อเข้าโค้งแชสซีส์จะให้ความรู้สึกถึงการตอบสนองที่ดี บนทางฝุ่นและกรวด จากโครงสร้างตัวรถเป็นเหล็กที่มีความแข็งแกร่ง เครื่องยนต์ตัวใหม่ติดตั้งอยู่บนฐานรองเครื่องด้านหน้า ด้านท้ายรถเป็นซับเฟรม ระบบรองรับด้านหลังเป็นดับเบิลวิชโบน ที่ได้รับการออกแบบใหม่ ทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบ ให้การยึดเกาะถนนได้ราบรื่น เอาท์แบค ใหม่ เป็นครอสส์โอเวอร์ที่ดีเยี่ยมคันหนึ่งเลยทีเดียว เอาท์แบค 3.6 อาร์ เพิ่มแรงบิดพร้อมปรับปรุงระบบขับเคลื่อน 4 ล้อให้ใช้งานได้ดีขึ้น โดยเฉพาะบนเส้นทางที่ออกนอกไฮเวย์ เหนือชั้นกว่า ฟอร์ด เอกซ์พลอเรอร์ ออลล์วีลดไรฟ เครื่องยนต์บอกเซอร์ยังคงทำงานได้อย่างราบรื่น ข้อดีต่างๆ ของ ซูบารุ ยังคงมีอยู่ในรถคันนี้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ ซูบารุ รุ่นเครื่องยนต์ 2.5 ติดตั้งยางขนาด 215/70-16 ที่เหมาะกับการใช้งานในทุกสภาพถนน ส่วนรุ่น 3.6 ใช้ยางขนาด 225/60-17 ใหญ่และดูสปอร์ทมากขึ้น ระบบออลล์วีลดไรฟ แบบสมมาตรของ ซูบารุ จะมีการทำงานถึง 3 รูปแบบด้วยกัน ขึ้นอยู่กับระบบถ่ายทอดกำลังที่ใช้อยู่ รถที่ใช้เกียร์แบบธรรมดา จะใช้ระบบ VISCOUS-COUPLING CENTER DIFFERENTIAL ส่วนรถที่ใช้เกียร์ซีวีที จะเป็นระบบ ELECTRONICALLY MANAGED CONTINUOUSLY VARIABLE HYDRAULIC TRANSFER CLUTCH ส่วนเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ จะใช้ระบบขับเคลื่อนแบบ PLANETARY GEAR ถ้าในสถานการณ์ฉุกเฉิน ระบบออลล์วีลดไรฟ ยังให้ความปลอดภัยไม่เพียงพอ ก็ยังมีระบบ ELECTRONIC STABILITY AND TRACTION CONTROL ช่วยเพิ่มขีดความสามารถที่จะมอบความปลอดภัยสูงสุดในการขับขี่ เอาท์แบค 2.5 รุ่นต่ำสุดจะมีน้ำหนักตัว 1,536 กก. ส่วนรุ่น 3.6 อาร์ ตัวทอพ มีน้ำหนัก 1,660 กก. ในรุ่น 2.5 บอกเซอร์ 4 สูบ คาดว่าจะมีอัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ในเวลา 9 วินาที ส่วนรุ่น 6 สูบ 3.6 ลิตร น่าจะอยู่ที่ 8 วินาที ซูบารุ นำเทคโนโลยีเกียร์ซีวีที มาสู่สหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรกในปี 2530 จึงมีความชำนาญในเรื่องนี้ เมื่อผสมผสานเข้ากับเครื่องยนต์บอกเซอร์ ทำให้การขับเคลื่อนเต็มไปด้วยความนุ่มนวล ราบรื่น อย่างสมบูรณ์แบบ ให้เครื่องยนต์ทำงานอยู่ในรอบที่ให้กำลังสูงสุด และผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้ด้วยตนเองเช่นเดียวกับเกียร์ธรรมดา เมื่อเกียร์ซีวีทีได้รับการติดตั้งลงใน เอาท์แบค ใหม่ ช่วยเพิ่มความประหยัดเชื้อเพลิงได้มากทีเดียว โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับระบบเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ แม้ว่า ซูบารุ เอาท์แบค จะไม่ใช่รถที่ท้าทายการเข้าโค้งแบบ โพร์เช ซึ่งควรจะต้องนำไปเทียบกับรุ่น ดับเบิลยูอาร์เอกซ์ เอสทีไอ จึงจะคู่ควร แต่ เอาท์แบค เป็นรถที่ขับสบาย นุ่มนวล การควบคุมเป็นธรรมชาติ การตอบสนองพวงมาลัยไม่ทำให้ผู้ขับขี่ผิดหวัง โดยเฉพาะเมื่อขับบนทางฝุ่นจะเต็มไปด้วยความสนุกสนาน เพลิดเพลิน เครื่องยนต์รุ่น 6 สูบ ทำงานได้อย่างราบรื่น ซูบารุ ยังเป็นรถที่ได้รับความนิยมเฉพาะกลุ่ม โดยเฉพาะผู้ที่เน้นสมรรถนะ และการควบคุมบังคับที่ดีเยี่ยม ผู้ที่ซื้อ ซูบารุ ต้องมีความรู้และศึกษาข้อมูลมาเป็นอย่างดี และใช้เวลานานพอสมควรในการตัดสินใจ แต่เป็นรถที่ให้ความคุ้มค่ากับเงินที่เสียไป โดยเฉพาะ เอาท์แบค ใหม่ ที่ผู้ชื่นชอบการขับรถต้องประทับใจอย่างแน่นอนจากข้อดีต่างๆ ที่มีอยู่อย่างสมบูรณ์แบบ คุณรู้หรือไม่ ? - ซูบารุ นำเทคโนโลยีเกียร์ซีวีที มาสู่สหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรกในปี 2530 จึงมีความชำนาญในเรื่องนี้ เมื่อผสมผสานเข้ากับเครื่องยนต์บอกเซอร์ ทำให้การขับเคลื่อนเต็มไปด้วยความนุ่มนวล ราบรื่น อย่างสมบูรณ์แบบ ให้เครื่องยนต์ทำงานอยู่ในรอบที่ให้กำลังสูงสุด และผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้ด้วยตนเองเช่นเดียวกับเกียร์ธรรมดา - ซูบารุ เอาท์แบค คือ การนำ เลกาซี แวกอน มายกตัวรถให้สูงขึ้นจากพื้น พร้อมทั้งใส่ยางซีรีส์สูง กระจังหน้าและตัวรถปรับแต่งให้ดุดัน มีมัดกล้ามมากขึ้น ซูบารุ เอาท์แบค ใหม่ มีรูปทรงอยู่ระหว่างแวกอน, ครอสส์โอเวอร์ และมีนีแวน เป็นรถที่คิดค้นร่วมกันกับ โตโยตา ในรุ่น เวนซา (VENZA) 3.5 ออลล์วีลดไรฟ