รถใหม่
รถสปอร์ทในคราบของแฮทช์แบคสุดหรู
เดือนนี้นำเรื่องราวของรถใหม่มาเล่าสู่กันฟังรวม 5 ชุด ทั้งหมดเป็นรถใหม่พันธุ์ยุโรปที่เพิ่งออกจำหน่าย หรือกำลังจะออกจำหน่าย และทั้งหมดกล่าวได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่าเป็นรถขับมัน และทำให้ความดัน (โลหิต) พุ่งสูง
เปิดรายการด้วย โพร์เช พานาเมรา (PORSCHE PANAMERA) รถหรู ยอดดัง ที่เป็นข่าวมานมนาน และอวดตัวให้เห็นในลักษณะ SPY SHOT หรือ "จากเลนส์สายลับ" มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่เพิ่งปรากฏตัวอย่างเป็นทางการในรูปลักษณ์สมบูรณ์แบบ ที่งานมหกรรมยานยนต์เซี่ยงไฮ้ ในสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมานี่เอง
การที่ค่าย โพร์เช เลือกงานแสดงรถยนต์ในสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นที่เปิดตัวรถรุ่นสำคัญนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ากังขาอะไร เพราะปัจจุบันสาธารณรัฐประชาชนจีน มีฐานะเป็นตลาดใหญ่อันดับ 3 ของรถติดยี่ห้อ โพร์เช รองจากตลาดอเมริกาเหนือ และตลาดเยอรมนี ในรอบปีงบประมาณ 2007/2008 โพร์เช สามารถจำหน่ายรถในตลาดเมืองมังกรได้ถึง 7,600 คัน หรือเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 140 จากรอบปีก่อนหน้านั้น
โพร์เช พานาเมรา รถยนต์นั่ง 5 ประตูแฮทช์แบค แบบแรกในประวัติศาสตร์ 61 ปี ของยอดผู้ผลิตรถสมรรถนะสูงรายนี้ ปรากฏตัวในรูปลักษณ์ของรถสปอร์ทขับมันที่อำพรางตัวอยู่ในโครงร่างของรถยนต์นั่ง ระดับสุดหรู ตัวถัง 5 ประตู 4 ที่นั่ง ยาว 4.970 ม.กว้าง 1.931 ม. และสูง 1.418 ม. วางตัวอยู่บนช่วงฐานล้อยาว 2.920 ม. ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ ซึ่งบ่งบอกความลื่นลม นับว่าเยี่ยมยอดเมื่อเทียบกับรถระดับเดียวกันแบบอื่นๆ คือ ต่ำเพียง 0.29-0.30
รูปทรงองค์เอวของตัวถังที่ออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมด ตั้งแต่หัวจรดหาง ครึ่งหน้าของตัวรถ ต่อให้ถอดโลโกที่ติดอยู่บนหน้าหม้อออกหมด เห็นแวบเดียว คนรักรถอายุ 7 ขวบ ก็ยังรู้ว่าเป็นรถ โพร์เช ส่วนครึ่งหลัง ไม่มีจุดเด่นใดๆ ที่น่าจะกล่าวถึงได้ เมื่อมองจากด้านหลังตรงๆ หรือเมื่อขับรถคันอื่นตามหลัง มีอยู่เพียง 2-3 จุด เท่านั้น ที่บ่งบอก เตือนว่าอย่าล้อเล่นกับรถคันนี้ คือ ตัวอักษร PORSCHE ขนาดโตที่ปะติดอยู่ตรงบั้นท้าย กับท่อไอเสียหน้าตัดรูปสี่เหลี่ยม และสามเหลี่ยมลบมุม ที่ติดตั้งอยู่ข้างละ 2 ท่อ รวมแล้ว 4 ท่อ
ภายในห้องโดยสาร ที่ออกแบบอย่างประณีตพิถีพิถัน คนที่เคยทดลองนั่งมาแล้ว บางคนให้ความเห็นว่า เหมือนนั่งอยู่ในรถสปอร์ท โพร์เช 911 (PORSCHE 911) มากกว่านั่งอยู่ในรถหรูอย่างที่มันเป็น เก้าอี้ที่นั่งคู่หน้า ตั้งสูงกว่ารถ โพร์เช 911 ประมาณ 3 ซม.แต่ก็ยังต่ำกว่ารถที่เป็นคู่ต่อสู้โดยตรง อย่าง บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์-7 (BMW 7-SERIES) เมร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาสส์ (MERCEDES-BENZ S-CLASS) มาเซราตี กวัตตโรโปร์เต (MASERATI QUATTROPORTE) และ เลกซัส แอลเอส 460 (LEXUS LS460) แผงหน้าปัดอุปกรณ์ ก็เห็นชัดว่า ได้รับอิทธิพลเป็นอย่างมาก จากรถสปอร์ท โพร์เช 911
ในระยะแรก โพร์เช พานาเมรา มีรถให้ลูกค้าเงินถัง เลือกใช้รวม 3 โมเดล คือ โพร์เช พานาเมรา เอส (PORSCHE PANAMERA S) โพร์เช พานาเมรา 4 เอส (PORSCHE PANAMERA 4S) และ โพร์เช พานาเมรา เทอร์โบ (PORSCHE PANAMERA TURBO)
โมเดลเริ่มต้น คือ โพร์เช พานาเมรา เอส เป็นรถขับล้อหลัง ติดตั้งเครื่องยนต์ฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC วี 8 สูบ ความจุ 4,806 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 400 แรงม้า ที่ 6,500 รตน. และแรงบิดสูงสุด 51.0 กก.-ม. ที่ 3,500-5,000 รตน. ส่วนระบบเกียร์มีให้เลือก 2 แบบ คือ เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ กับเกียร์คลัทช์คู่ (PDK) 7 จังหวะ สมรรถนะความเร็วตามตัวเลขของผู้ผลิต กรณีติดตั้งเกียร์ธรรมดา อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ใน 5.6 วินาที อัตราเร่ง 0-200 กม./ชม. ทำได้ใน 18.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 285 กม./ชม. กรณีติดตั้งเกียร์คลัทช์คู่ ตัวเลขจะเปลี่ยนเป็น 5.4 วินาที 18.5 วินาที และ 283 กม./ชม. ส่วนอัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ กรณีแรก 293 กรัม/กม. กรณีหลังลดเหลือ 253 กรัม/กม.
โมเดลถัดไป คือ โพร์เช พานาเมรา 4 เอส เป็นรถขับเคลื่อน 4 ล้อ ติดตั้งเครื่องยนต์บลอคเดียวกับโมเดลแรก แต่มีระบบเกียร์แบบเดียว คือ เกียร์คลัทช์คู่ (PDK) 7 จังหวะ รถโมเดลนี้ ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 5.0 วินาที 0-200 กม./ชม. ใน 18.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 282 กม./ชม. ส่วนอัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ที่ 260 กรัม/กม.
ส่วนโมเดลหัวกะทิ คือ โพร์เช พานาเมรา เทอร์โบ เป็นรถขับเคลื่อน 4 ล้อ ติดตั้งเครื่องยนต์บลอคเดียวกับ 2 โมเดลแรก แต่เพิ่มเทอร์โบชาร์เจอร์เข้าไป 2 ชุด ทำให้กำลังสูงสุดพุ่งขึ้นเป็น 500 แรงม้า ที่ 6,000 รตน. และแรงบิดสูงสุด พุ่งขึ้นเป็น 71.4 กก.-ม.ที่ 2,250-4,500 รตน. ระบบเกียร์มีแบบเดียวเหมือนรถโมเดลที่ 2 คือ เกียร์คลัทช์คู่ (PDK) 7 จังหวะ สมรรถนะความเร็ว ทั้งตีนต้น และตีนปลาย เห็นตัวเลขแล้วความดันพุ่งปรู๊ดปร๊าด อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ใน 4.2 วินาที อัตราเร่ง 0-200 กม./ชม. ทำได้ใน 13.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 303 กม./ชม. ส่วนอัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์หนักหน่อย คือ 286 กรัม/กม.
นอกจากรถ 3 โมเดลนี้แล้ว รายงานข่าวระบุว่า ที่จะตามมาในปี 2010 และ 2011 คือ โมเดลที่ติดตั้งเครื่องยนต์ วี 6 สูบ โมเดลที่ติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซล และโมเดลที่ใช้ระบบขับเคลื่อนแบบพันทาง หรือ HYBRID DRIVE
สนนราคาค่าตัวที่ซื้อขายกันในตลาดเยอรมนี ยังหาตัวเลขไม่พบ แต่สำหรับรถพวงมาลัยขวา ที่จะเริ่มขายในอังกฤษ วันที่ 12 กันยายน 2009 คาดหมายกันว่า ราคาจะเริ่มต้นที่ระดับ 72,200 ปอนด์ หรือเท่ากับประมาณ 4.0 ล้านบาทไทย เมื่อคิดอัตราแลกเปลี่ยนในยุคที่เงินอังกฤษ มีค่าต่ำติดดิน คือ เงินอังกฤษ 1 ปอนด์ แลกได้ด้วยเงินไทยแค่ 56 บาทถ้วน
เรื่องโดย : ชูศักดิ์ ชมจินดา chusak@autoinfo.co.th
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน สิงหาคม ปี 2552
คอลัมน์ Online : รถใหม่
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/27907