ทั่วไป
ปีนี้ 2552 ปีที่ทั้งคอนเฟิร์ม และฟันธงกันอย่างแข็งขัน มั่นอกมั่นใจว่าหืดจับแน่ สำหรับเป้าหมายการจำหน่ายรถยนต์ภายในประเทศทุกแบบทุกโมเดลที่ 500,000 กว่าคัน โดยปรับลดลง
จากยอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศปีที่แล้ว แต่จะเดินทางไปถึงจุดหมายที่ปักธงกันเอาไว้ได้หรือเปล่า ยังไม่มีใครรับประกันได้
ปี 2551 แค่ติดลบไป 2.5 % สำหรับยอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศ
ปีนี้ 2552 ปีที่ทั้งคอนเฟิร์ม และฟันธงกันอย่างแข็งขัน มั่นอกมั่นใจว่าหืดจับแน่ สำหรับเป้าหมายการจำหน่ายรถยนต์ภายในประเทศทุกแบบทุกโมเดลที่ 500,000 กว่าคัน โดยปรับลดลง
จากยอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศปีที่แล้ว แต่จะเดินทางไปถึงจุดหมายที่ปักธงกันเอาไว้ได้หรือเปล่า ยังไม่มีใครรับประกันได้
เพราะปี 2552 นี้เป็นที่หนักหนาสาหัสเสียเหลือเกิน จากผลกระทบวิกฤติเศรษฐกิจที่ขยายวงลามไปทั่วทุกประเทศเกือบจะทุกสาขาอาชีพ ในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ และภาคส่วนที่
เกี่ยวเนื่องก็ไม่รอดจากวิกฤตินี้ บรรดายักษ์ใหญ่เจ้าพ่อยานยนต์ทั้งหลาย ทยอยประกาศผลการดำเนินงานในปีที่แล้วที่ติดตัวแดงเป็นครั้งแรกในรอบหลาย 10 ปี พร้อมทั้งประกาศนโยบายที่จะบรรเทาปัญหาการขาดทุนด้วยการปิดโรงงานประกอบบางแห่งชั่วคราว ลดเวลาทำงาน และสุดท้าย ปลดพนักงานออกเป็นจำนวนมิใช่น้อย ซึ่งคงเป็นทางออกของผู้บริหารที่ทารุณกรรมจิตใจผู้ใช้แรงงาน
ในบ้านเรา ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ ถูกจัดอันดับให้อยู่ในอันดับที่ 2 ของกลุ่มที่มีความเสี่ยงที่พนักงานจะถูกเลิกจ้างมากที่สุด ซึ่งคาดว่าจะอยู่ในราว 40,000-50,000 คน คาดว่าในจำนวนนี้ส่วนหนึ่งคงจะคืนกลับสู่ภาคเกษตรกรรมในถิ่นฐานบ้านเกิด บางส่วนที่โชคดีก็อาจจะได้งานใหม่ ขณะที่บางส่วนอาจต้องกลายสภาพเป็นคนว่างงานชั่วคราว ที่ไม่มีคำตอบว่าจะยาวนานสั้นเร็วขนาดไหน ในท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจฝืดเคืองตกสะเก็ดอย่างหนักหนาสาหัสเช่นนี้ ก็ไม่รู้ว่าคนบางส่วนนี้จะยืนหยัดอยู่ได้สักเพียงไหน
เอาน่า ตราบที่ชีวิตไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันไป
สำหรับธุรกิจยานยนต์ในประเทศไทย ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เศรษฐกิจจะฝืดเคืองขนาดไหน ยังไงๆ ก็ต้องเดินหน้าต่อไป การแข่งขันทางการตลาดก็ต้องว่ากันต่อ เพื่อรักษาส่วนแบ่งเอาไว้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ถึงจะไม่เติบโตสูงกว่าปีที่แล้ว แต่ก็ให้ลดลงให้น้อยที่สุดเท่าที่ทำได้ก็แล้วกัน
รถยนต์รุ่นใหม่แบบใหม่ที่คัดเลือกกลั่นกรองมาอย่างดีว่าจะถูกใจผู้ใช้งานมากที่สุด ก็จะยังทยอยออกมาเป็นทางเลือกใหม่เป็นระยะๆ แต่หนทางสู่เป้าหมายที่วางไว้ คงไม่ได้โรยด้วย
กลีบกุหลาบอย่างแน่นอน จากการที่ลูกค้าใช้เวลาในการตัดสินใจซื้อไม่นานเท่าใดนัก ก็ต้องคิดมากขึ้น เปรียบเทียบมากขึ้น เหล่าพนักงานขายต้องใช้กลยุทธ์ ขั้นเทพ ในการเกลี้ยกล่อมให้ลูกค้าจรดปากกาเซ็นใบจองกันบ้างแหละ
และจากการชะลอตัวทางด้านเศรษฐกิจนี้เอง ทำให้การจำหน่ายซื้อขายรถยนต์รุ่นใหม่ป้ายแดงในเดือนมกราคม เดือนแรกของปี 2552 ออกอาการฝืดติดขัดทั้งตลาดทุกบแรนด์ มียอด
จำหน่ายรวมกันทั้งหมดเพียง 32,085 คัน ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนแรกของปี 2551 แล้ว ยอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศลดลงถึง 29.8 % กันเลยทีเดียว
ตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคล มียอดจำหน่าย 13,142 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม ปีที่แล้ว 8.9 % ตลาดรถพิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 2 ล้อ จำหน่ายรวมกันได้ 13,758 คัน ลดลง 40.6 % รถพิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 4 ล้อ จำหน่ายไปได้ 784 คัน ลดลง 45.6 % รถเอสยูวี มียอดจำหน่าย 2,060 คัน ลดลง 29.8 % รถเอมพีวี จำหน่ายได้ 390 คัน ลดลง 39.4 % และรถยนต์ประเภทอื่นๆ ยอดจำหน่ายรวมกัน 1,951 คัน ลดลง 37.6 %
เมื่อดูลงไปในแต่ละบแรนด์ไม่ว่าใหญ่หรือเล็ก ก็มีตัวเลขยอดจำหน่ายที่ลดลงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วเกือบทั้งสิ้น
โตโยตา พี่ใหญ่ของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เปิดปี 2552 ด้วยยอดจำหน่ายรถยนต์รวมทุกประเภท 13,433 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 23.7 % อีซูซุ ยักษ์ใหญ่รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ จำหน่ายรถยนต์ทุกประเภทรวม 7,123 คัน ลดลง 31.5 % ฮอนดา จำหน่ายได้ 5,304 คันลดลง 25.0 % นิสสัน จำหน่ายไปได้ทั้งสิ้น 1,689 คัน ลดลงไป 44.7 % และมิตซูบิชิ จำหน่ายได้ 1,250 คัน ลดลงไป 49.3 %
รถยนต์นั่งส่วนบุคคล ดูท่าว่าจะเป็นพระเอกไปได้อีก 1 ปี ถึงแม้ว่าจะเริ่มต้นด้วยยอดจำหน่ายที่ลดลงกว่าปีที่ผ่านมา แต่ก็ดูร้อยละเฉลี่ยแล้วลดลงน้อยที่สุด เมื่อเทียบกับตลาดรถยนต์
ประเภทอื่นๆ ซึ่งก็มีไม่กี่บแรนด์เท่านั้นที่มียอดจำหน่ายในเดือนมกราคม ปีนี้ สูงกว่าเดือนมกราคม ปีที่แล้ว
หนึ่งในไม่กี่บแรนด์นั้น ได้แก่ โตโยตา ที่มีคิวของ ยารีส รุ่นปรุงโฉมใหม่ และ แคมรี ไฮบริด เข้าคิวรอเปิดตัวออกจำหน่ายในปีนี้
โตโยตา ทำยอดจำหน่ายรถยนต์นั่งเป็นอันดับที่ 1 ด้วยยอดจำหน่าย 6,461 คัน สูงกว่าปีที่แล้ว 10.3 % รับส่วนแบ่งตลาดไป 49.2 %
อันดับที่ 2 ในเดือนนี้ ก็ยังคงเป็น ฮอนดา ที่ในส่วนของรถยนต์นั่งปีนี้คงไม่มีรุ่นใหม่อะไรสักเท่าไร เพราะโมเดลหลักเปิดตัวทำตลาดไปแล้วในปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น แจซซ์, ซิที และ ซีวิค เดือนมกราคมรับยอดไปสะสมไว้ 4,963 คัน ส่วนแบ่งตลาด 37.8 %
อันดับที่ 3 ของตลาดนี้เป็น นิสสัน ที่พร้อมแล้วสำหรับการเปิดตัว เทอานา ในช่วงปลายไตรมาสแรกของปีนี้ นิสสัน มียอดจำหน่ายรถยนต์นั่งเดือนมกราคม 415 คัน มีส่วนแบ่งตลาด 3.2 %
อันดับที่ 4 ตกเป็นของ มาซดา ทำยอดจำหน่ายได้ 289 คัน ส่วนแบ่งตลาด 2.2 % ค่ายนี้มีทีเด็ดที่รถเล็กตัวใหม่แกะกล่อง ที่จะออกมากระชากใจวัยใสในปีนี้อย่างแน่นอน
และอันดับที่ 5 ตกเป็นของ เชฟโรเลต์ ที่เก๋งเล็ก อาวีโอ ทำยอดพุ่งแซงหน้า ออพทรา ถึงแม้ช่วงหลังๆ ด้านโฆษณาประชาสัมพันธ์ของ อาวีโอ จะแผ่วลงไป รถเก๋งค่าย เชฟโรเลต์ ทำ
ยอดจำหน่ายรวมกันได้ 262 คัน ได้ส่วนแบ่งตลาดไป 2.0 %
พิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 2 ล้อ จากที่เคยว่ากันว่าเศรษฐกิจจะดีไม่ดีให้ดูที่ยอดจำหน่ายของรถยนต์ประเภทนี้ เมื่อยอดจำหน่ายตกลงไปอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่แล้วมา จึงพอจะคาดเดากันได้ว่าเรากำลังเผชิญกับปัญหาอะไรหนักหน่วงขนาดไหน
ปีที่แล้วแชมพ์ยอดจำหน่ายตกเป็นของ อีซูซุ มาถึงปี 2552 ออกสตาร์ทกันยังปล่อยพิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 2 ล้อ ออกสู่ตลาดได้น้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว อย่างไรก็ตามโอกาสพลิกฟื้นยังมี เพราะปีนี้ยังมีพิคอัพเปิดแคบแบบตู้กับข้าว ออกมาอีกหลายบแรนด์
อีซูซุ เปิดหัวได้ดี คว้าพิคอัพที่จำหน่ายได้สูงสุดในเดือนมกราคม ไปด้วยยอด 6,293 คัน ส่วนแบ่งตลาด 45.7 % ขณะที่คู่แข่งสำคัญ โตโยตา ไฮลักซ์ วีโก จำหน่ายได้ 4,660 คัน รับส่วนแบ่งตลาด 33.9 % คู่นี้ต้องดูกันยาวเหมือนเช่นเคย
ส่วนอันดับ 3 เป็นของ นิสสัน นาวารา จำหน่ายไปได้ 1,116 คัน มีส่วนแบ่งตลาด 8.1 % มิตซูบิชิ ทไรทัน ยังไปได้เรื่อยๆ เก็บยอดจำหน่ายเริ่มต้นปี 2552 ด้วยยอด 537 คัน ส่วนแบ่งตลาด 3.9 % และ เชฟโรเลต์ โคโลราโด เก็บเกี่ยวยอดจำหน่ายได้ 372 คัน ส่วนแบ่งตลาด 2.7 % อยู่ในอันดับที่ 5
พิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 4 ล้อ ออกสตาร์ทปีวัว ยอดจำหน่ายรวมกันทั้งตลาด 7 บแรนด์ จำหน่ายรวมกันได้ 784 คัน นำโด่งมาก่อนเลย ได้แก่ พิคอัพขับเคลื่อน 4 ล้อของ โตโยตา ทำ
ยอดจำหน่ายได้ 513 คัน ส่วนแบ่งตลาด 65.4 %
ว่าที่แชมพ์เหมือนเดิม อีซูซุ มาเป็นอันดับที่ 2 จากยอดจำหน่าย 149 คัน มีส่วนแบ่งตลาด 19.0 %
นิสสัน ยึดติดอยู่กับอันดับที่ 3 เช่นที่ผ่านมา ทำยอดจำหน่ายได้ 90 คัน ส่วนแบ่งตลาด 11.5 %
อันดับที่ 4 เป็นของ มิตซูบิชิ ที่แชร์ยอดจำหน่ายมาได้ 20 คัน ส่วนแบ่งตลาด 2.6 % และอันดับที่ 5 เชฟโรเลต์ มียอดจำหน่ายอยู่ที่ 7 คัน ส่วนแบ่งตลาด 0.9 %
รถยนต์กิจกรรมกลางแจ้ง หรือเรียกสั้นๆ ว่า เอสยูวี ตลาดนี้ความน่าสนใจอยู่ที่ความร้อนแรงของ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ท ที่ตั้งแต่เปิดตัวมา กวาดยอดจำหน่ายรวมไปได้ 2,000 กว่าคันเข้าไปแล้ว ถ้าไม่ไปหมดแรงแผ่วปลาย มีขั้วตำแหน่งเบอร์ 2 ของตลาดนี้ในปี 2552 อย่างแน่นอน
ส่วนตำแหน่งแชมพ์ไม่พลาด โตโยตา อย่างแน่นอนเช่นกัน เปิดประเดิมปี 2552 มา รถเอสยูวีของ โตโยตา มีผู้จับจองเป็นเจ้าของไปแล้วทั้งสิ้น 851 คัน รับส่วนแบ่งตลาดไป 41.3 %
น้องใหม่มาแรง มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ท อยู่ในอันดับที่ 2 เดือนมกราคมจำหน่ายไปได้อีก 393 คัน ครองส่วนแบ่งตลาด 19.1 % ส่วน ฮอนดา อยู่ในอันดับที่ 3 จากยอดจำหน่าย 341 คัน ส่วนแบ่งตลาด 16.6 %
อีซูซุ มาอยู่ในอันดับที่ 4 ด้วยยอดจำหน่าย 260 คัน ได้ส่วนแบ่งตลาด 12.6 % และ เชฟโรเลต์ ปิดยอดจำหน่าย แคพทีวา เดือนมกราคมในอันดับที่ 5 จำหน่ายได้ 118 คัน ส่วนแบ่ง
ตลาด 5.7 %
รถเอมพีวี หรือรถอเนกประสงค์ ปีนี้น่าจะมีความเคลื่อนไหวใหม่ๆ บ้างจากทางค่าย ฮอนดา หลังจากที่เงียบไปเสียนาน ปล่อยให้ผู้นำเข้าอิสระตีกินไปพอสมควรเลยทีเดียว จากยอด
จำหน่ายรวมทั้งสิ้นในเดือนมกราคม 390 คัน เป็นรถอเนกประสงค์พะยี่ห้อ โตโยตา เสีย 260 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 66.7 % ขณะที่ สเปศ แวกอน ของ มิตซูบิชิ ก็ยังไปได้แบบคงเส้นคงวา จำหน่ายไปได้ 100 คันพอดิบพอดี ได้ส่วนแบ่งตลาดไป 25.6 %
เอมพีวี ของค่าย ซูซูกิ จำหน่ายในเดือนแรกของปีได้ไป 15 คัน อยู่ในอันดับที่ 3 ส่วนแบ่งตลาด 3.8 % ส่วน 2 คู่หูจากแดนโสม เกีย จำหน่ายไป 7 คัน ส่วนแบ่งตลาด 1.8 % อยู่อันดับที่
4 และ ซังยง จำหน่ายได้ 6 คัน ส่วนแบ่งตลาด 1.5 % ได้อันดับที่ 5 ไป
หลังจากนี้อีกไม่ช้าไม่นาน ก็ถึงคิวงานบางกอก อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ ที่จะช่วยกระตุ้นความคึกคักให้กับวงการยานยนต์บ้านเราอีกครั้งหนึ่ง ปีนี้ความน่าสนใจน่าจะพุ่งเป้าไป
ที่การเปิดตัวอย่างเป็นทางการของรถยนต์บแรนด์ใหม่จากเมืองจีน ภายใต้การดำเนินงานของยักษ์ใหญ่ขายรถยุโรปในอดีต อีกไม่นานคงได้รู้กันว่ากระแสตอบรับของผู้ใช้รถเมืองไทย กับบแรนด์ใหม่จะเป็นอย่างไร
เรื่องโดย : ขุนสัญจร 4wheels@autoinfo.co.th
นิตยสาร 4wheels ฉบับเดือน เมษายน ปี 2552
คอลัมน์ Online : ทั่วไป
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/27487