การที่ตำรวจในบ้านเรารู้จักใช้ไฮเทคโนโลยีเกี่ยวกับกล้องวงจรปิด เชือดผู้ขับรถฝ่าไฟแดง เริ่มก่อนที่ กทม. แม้ว่าจะช้าไปสักหน่อย ก็โอเค ถือว่ามีการขยับตัวให้ทันโลก และรับมือกับชาวเรา ซึ่งเคยชินกับการฝ่าฝืนกฎหมายมาช้านาน จนเรียกว่าเป็น “สันดอน” ขอปรบมือชื่นชมไว้ ณ ที่นี้ หวังว่าคงขยายไปยังเมืองใหญ่ และทั่วประเทศในที่สุด

การที่ตำรวจในบ้านเรารู้จักใช้ไฮเทคโนโลยีเกี่ยวกับกล้องวงจรปิด เชือดผู้ขับรถฝ่าไฟแดง เริ่มก่อนที่ กทม. แม้ว่าจะช้าไปสักหน่อย ก็โอเค ถือว่ามีการขยับตัวให้ทันโลก และรับมือกับชาวเรา ซึ่งเคยชินกับการฝ่าฝืนกฎหมายมาช้านาน จนเรียกว่าเป็น “สันดอน” ขอปรบมือชื่นชมไว้ ณ ที่นี้ หวังว่าคงขยายไปยังเมืองใหญ่ และทั่วประเทศในที่สุด แน่นอนเด็กชั้นประถมก็พอจะรู้ว่า การเชือดผู้ทำผิดกฎจราจรจนเป็นสันดานนั้น หากทำได้จริง มีบทลงโทษเด็ดขาด ตามจิกได้ทุกรายอย่างเสมอหน้า ด้วยการส่งใบสั่งทางไปรษณีย์ ขัดขืนไม่ไปให้เชือด ไม่จ่ายค่าปรับตามกำหนด งดต่อทะเบียนรถ ไอ้คนที่โดนก็จะเข็ด การขับรถบนถนนหนทางก็จะดีขึ้น ลดอุบัติเหตุ ลดความสูญเสียต่างๆ สภาพชีวิตของบ้านเราพลอยดีขึ้นไปด้วย ตำรวจใส่เกียร์หก...เดินหน้าเลยครับ ขอเชียร์ ชมอีกครั้ง สำหรับคดีหัวหมองวดนี้น่าสนใจ เป็นเรื่องของการขับรถฝ่าไฟแดง แต่ยังไม่ทันฝ่า เพราะมีรถกระบะขวางอยู่ข้างหน้าเป็นตัวเบรค มาดูสิว่ากฎหมายของเราจัดการได้เบาโหวง หรือเฉียบขาดแค่ไหน เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อ นายสี่สิบ ซึ่งตอนนั้นอายุสักสามสิบ แต่ชอบสี่สิบเหมือนชื่อ อันหมายถึงเหล้า แถมยังเส็งเคร็งขนาดหนัก ขับรถบรรทุกพ่วงอยู่บนถนนหลวงแท้ๆ มันยังกระดกสี่สิบเข้าไปจนมึนได้ที่ แล้ว "ซิ่ง" รถพ่วงหน้าตาเฉย นายสี่สิบ ขับรถจากเมืองดอกคูณมุ่งหน้าไปเมืองย่าโม ผ่านอำเภอพล ซึ่งเป็นอำเภอที่มีไฟแดงอยู่ตั้ง 3 จุดบนถนนมิตรภาพ เป็นอุปสรรคในการขับรถทางยาวไม่น้อย โดยเฉพาะเวลาสัญญาณไฟไม่สัมพันธ์กัน เจอมาแล้ว ขับรถลำบากพอสมควร ยิ่งหน้าเทศกาลยิ่งดูไม่จืด รถติดยาวยังกะถนนใน กทม. พอ "ซิ่ง" รถจวนจะถึงไฟแดงอย่างที่บอก เจอไฟแดงเข้าพอดี นายสี่สิบ ซึ่งยังไม่สร่าง หยุดรถไม่ทัน จึงใช้เบรคชนิดติดตั้งนอกรถ อันหมายถึง รถกระบะที่อยู่ข้างหน้าเป็นตัวช่วย ผลคือ รถกระบะโดนชนจนเค้เก้ ผู้ที่อยู่บนรถบาดเจ็บสาหัสไปตามๆ กัน ค่อยยังชั่วที่ตำรวจตะครุบตัว นายสี่สิบ ไว้ได้ ส่งตัวให้อัยการเชคบิลล์ โดนฟ้องข้อหาขับรถขณะเมาสุรา และขับรถประมาททำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส นายสี่สิบ ยังเชื่อว่าเมื่อไม่มีคนตาย ยังไงศาลก็เมตตาไม่ถึงกับติดคุกติดตะราง จึงทำหน้าจ๋อยเหมือนสำนึกผิดซะเต็มที ให้การรับสารภาพ เพื่อให้ศาลใจอ่อน เกิดความสงสาร ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว ตัดสินลงโทษข้อหาขับรถขณะเมาสุรา จำคุก 3 เดือน ข้อหาขับรถประมาททำให้คนเจ็บสาหัส จำคุก 2 ปี รับลดกึ่งจำคุก 1 ปี 1 เดือน 15 วัน ทำผิดแล้วไม่ยอมติดคุกง่ายๆ หรอกครับ ดิ้นรนยื่นอุทธรณ์ ออดอ้อนขอให้รอลงอาญา ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว ตัดสินให้เป็นผลดีแก่ นายสี่สิบ อยู่บ้าง โดยยกประเด็นขึ้นมาเองว่า การขับรถขณะเมาสุราและขับรถประมาททำให้ผู้อื่นบาดเจ็บสาหัส ถือว่าเป็นกรรมเดียว ลงโทษแยกกระทงแยกกรรมไม่ได้ ต้องลงโทษในบทหนัก คือ ขับรถประมาททำให้ผู้อื่นบาดเจ็บสาหัส โดยพิพากษาแก้จำคุก 2 ปี รับลดกึ่งเหลือจำคุก 1 ปี จำเลย คือ นายสี่สิบ ยอมรับชะตากรรม แต่อัยการโจทก์ท่านร้อนวิชา เห็นว่า นายสี่สิบ กระทำความผิด 2 อย่าง 2 กรรมอย่างเห็นๆ การดวดเหล้าเมา นั่นสถานหนึ่ง ขับรถประมาทจนเกิดเรื่องอีกสถานหนึ่ง ต้องลงโทษ 2 กรรม จึงจะถูกต้อง ยื่นฎีกาคัดค้านขึ้นไป ศาลฎีกาเหล่ดูสำนวนคดีผ่านแว่นหนาๆ แล้วชี้ขาดออกมาว่า การที่ นายสี่สิบ ทะลึ่งขับรถขณะเมาสุราไปชนท้ายรถคันอื่นตรงทางร่วมทางแยก เป็นการกระทำต่อเนื่องถือว่าเป็นกรรมเดียวมีความผิดหลายบทหลายมาตรา แต่ไม่ทำให้เป็นความผิดหลายกรรม ที่จะแยกลงโทษหลายกรรม การที่ศาลอุทธรณ์ตัดสินไว้ให้ลงโทษในบทหนัก คือ ข้อหาขับรถประมาททำให้ผู้อื่นบาดเจ็บสาหัสนั้น แม่นยำตามตำราแล้ว ศาลฎีกาพิพากษายืน ลงโทษจำคุก นายสี่สิบ ไว้ 1 ปีเต็ม โดยไม่รอลงอาญา ครับ ตามความเห็นของผมถือว่าศาลท่านลงโทษพอหอมปากหอมคอ แต่ถ้าดูจากการกระทำโดยไม่รับผิดชอบต่อชีวิตและทรัพย์สินของคนอื่น ที่ร้าย คือ ขับรถพ่วงน่าจะลงโทษ นายสี่สิบ ให้หนักกว่านี้อีกหน่อย อย่างที่ผมเคยเสนอ ทางการต้องหันมาใส่ใจดูแลหาทางยกระดับมาตรฐานผู้ขับรถใหญ่ รถสาธารณะให้ดีขึ้น ที่ผ่านมาปล่อยตามบุญตามกรรม มีคนตกเป็นเหยื่อมากมาย บางครั้งเกิดการบาดเจ็บล้มตาย งานเดียวแซงหน้าประเทศอินเดีย ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องนี้ซะอีก ทั้งๆ ที่ประเทศเราเล็กกว่า ผู้คนน้อยกว่าเป็นไหนๆ จริงไหมท่าน จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 725/2551