ทั่วไป
เกิดเป็นคน สิ่งหนึ่งที่รบกวนความรู้สึก จนบางคนเกิดความประหวั่นพรั่นพรึงอย่างหนัก อยู่ไม่เป็นสุขสักเท่าไร ก็คือ
เกิดเป็นคน สิ่งหนึ่งที่รบกวนความรู้สึก จนบางคนเกิดความประหวั่นพรั่นพรึงอย่างหนัก อยู่ไม่เป็นสุขสักเท่าไร ก็คือ
กลัวความตาย
เคยมีความพยายาม เอาชนะความตาย ด้วยวิธีการพิลึกพิลั่นต่างๆ ทั้งด้านไสยศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และมั่วศาสตร์ เช่น แสวงหาโอสถอมตะสูตรพิสดารสารพัด จำพวกโสม หิมะพันปี หรือของวิเศษต่างๆ ที่ลงทุนจับคนเป็นๆ มาดูดเลือด ด้วยเชื่อว่า จะทำให้ไม่แก่ ไม่ตาย จนกลายเป็นฆาตรกรสุดโหดก็มีมาแล้วในอดีต ซึ่งล้วนแต่เป็นเรื่องเหลวไหลทั้งเพ ขืนทำในยุคนี้ อายุจะสั้นลง เพราะเอดส์ หรือโรคร้ายอื่นๆ ถามหา
บทสรุปของคนเรา ก็คือ ไม่มีใครหน้าไหนหนีพ้นความตายไปได้ ศาสนาจึงพยายามชี้นำให้ปลงให้ยอมรับ ไม่สติแตก เพราะกลัวการมรณะ ชีวิตจะได้เป็นปกติสุข จนวาระสุดท้ายมาถึง แถมศาสนายังสอนให้ละวาง ไม่โลภเกินเหตุ โดยยกเอาความตายมาชูธง ว่าเอ็งต้องตายวันยังค่ำ ได้ผลก็มี ไม่ได้ผลเลยก็เยอะ ในเมื่อยังมีคนโลภแบบสุดๆ ทำเลว ทำชั่วทุกอย่าง เพื่อสั่งสมทรัพย์สินเงินทองชนิดไม่มีเบรค กลายเป็นอาชญากรร้ายกาจมากมาย
ครับเราท่านทุกคน น่าจะมีประสบการณ์ชนิดที่เรียกว่า เฉียดตาย ด้วยกันทั้งนั้น ถ้าเจอเข้าเมื่อไหร่ ชวนให้สยอง ชวนให้ขนลุก กลายเป็นบทเรียนให้ระมัดระวัง และเกิดความรู้สึกรักชีวิต หอมหวานกับชีวิตของเราที่ยังมีลมหายใจเป็นปกติขึ้นอีกเยอะ
นอกจากโรคร้ายรุนแรงต่างๆ ที่มากล้ำกรายแล้ว อุบัติเหตุ เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราเฉียดตายได้เสมอ บางคนอาจเจอแค่ครั้งเดียวก็เกินพอ บางคนเจอหลายหนจนหนาว ต้องวิงวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่าให้ลูกช้างขยันเจอนักเลย มันสยอง ที่เห็นๆ คือ อุบัติเหตุทางรถนั่นเอง
เมื่อไม่นานมานี้ ผมผ่านเหตุการณ์เฉียดตายมาแล้วเช่นกัน น่าจะเป็นประโยชน์แก่พ่อแม่พี่น้องไม่น้อย จึงนำมาบอกกล่าว เพื่อท่านจะได้ไม่เฉียดตายอย่างที่ผมเจอ เพราะพลาดอีกนิดเดียว หรือซวยเพิ่มขึ้นอีกนิดหนึ่ง มันจะไม่ใช่ เฉียดตาย แต่ ตายแหงแก๋ ไปเลย ซึ่งไม่ใช่เรื่องดี
เรื่องของเรื่องเป็นอย่างนี้ครับ ขณะนั้นกลางวันแสกๆ ภูมิอากาศปกติ ผมยืนอยู่บนผิวจราจรติดกับฟุตบาท ที่ทำเช่นนั้นเพราะกำลังจะข้ามถนน เพื่อไปหาตู้เอทีเอมหน้าร้านเจ็ดสิบเอ็ด ตรงจุดนั้น ถือว่าเป็นชุมชนในตัวเมือง ถนน 2 เลน มีเกาะกลางถนนด้วย มีสามแยกอยู่ใกล้ๆ มีทางกลับรถอยู่ห่างกันไม่กี่เมตร ตั้ง 3 จุด ไม่มีปัญหาในแง่ที่ว่าหาจุดกลับรถไม่ได้ ช่วงนั้นการจราจรไม่จอแจ สามารถเดิมข้ามถนนได้ค่อนข้างสะดวก
วิธีปฏิบัติในการข้ามถนนที่ผมยึดถือ คือ ไม่ประมาทไว้ก่อนจนเป็นนิสัย มองซ้ายมองขวาให้แน่ใจว่าไม่มีของแข็งจำพวกรถแล่นมาในระยะที่ไม่ปลอดภัย อ้อ...บอกก่อน ประเทศไทยเลิกใช้ทางม้าลายไปนานแล้ว มีไว้โก้ๆ เพื่อชิงไหวชิงพริบระหว่างคนขับรถกับคนเดินถนน ว่าใครจะไปได้ก่อน และเป็นจุดที่มีการชันสูตรศพอยู่เสมอๆ ตรงจุดที่ผมจะข้ามถนนจึงไม่เกี่ยวข้องกับทางม้าลาย
บอกแล้วเป็นถนน 2 เลน มีเกาะกลางถนน ถนนแต่ละเลนเดินรถทางเดียว ผมจึงเพ่งมองไปทางขวาของตัวผม ซึ่งเป็นด้านที่รถจะแล่นมาเป็นพิเศษ ดูว่าจะเยาะย่างข้ามถนนได้หรือยัง เมื่อแน่ใจว่าไม่มีรถน้อยใหญ่วิ่งฉิวเข้าใส่ในระยะไม่ปลอดภัย ผมจึงตัดสินใจที่จะข้ามถนน ปฏิกิริยาในตอนนั้นคือ ค่อยๆ หันหน้ามองตรง แต่ยังไม่ละสายตาไปยังทางที่รถจะแล่นมาเสียทีเดียว เพื่อความชัวร์
จังหวะถัดมา สมองเริ่มสั่งให้ยกเท้าก้าวเดินไปข้างหน้า ขณะที่กำลังขยับก้าว มีลมพัดวูบมาปะทะข้างลำตัวด้านซ้ายอย่างแรง มีอะไรไม่รู้สะบัดเข้าใส่ตัวผมเล็กน้อย ท่านเดาออกไหมครับว่าอะไรเกิดขึ้นกับผม
รถจักรยานยนต์ที่มีไอ้หนุ่มตัวเขื่องนั่งกันมา 2 คน มันทะลึ่งขับย้อนศร มาทางด้านซ้ายมือของผม เลาะเลียบริมถนนฝั่งที่ผมกำลังจะเดินข้าม แถมยังบิดคันเร่งจนเร็วจี๋ เพื่อจะโฉบไปยังจุดที่พ้นเกาะกลางถนน จะได้นำรถเข้าไปในอีกเลนหนึ่ง รถ มอเตอร์ไซค์ ที่ว่านี้แล่นฉิวเฉียดร่างผ่านหน้าผมไปอย่างหวุดหวิด ชนิดที่มองแทบไม่ทัน ที่ผมบอกเมื่อตะกี้ว่า ลม และอะไรไม่รู้สะบัดมาโดนตัวผม เกิดจากรถมอเตอร์ไซค์ที่ไอ้สองตัว เสือ- ขับรถย้อนศรเฉียดร่างผม แล้วชายเสื้อของมันสะบัดมาโดนนั่นเอง
เหตุการณ์ผ่านพ้นไป ผมบอกตัวเองว่า ตูเฉียดตายชัดๆ เพราะตูกำลังจะก้าวเท้าพาตัวไปข้างหน้าอยู่รอมร่อ ถ้าความซวยมาเร็วกว่านี้อีกแค่เสี้ยวของเสี้ยววินาที ผมโดนรถมอเตอร์ไซค์ คันไม่เล็ก ที่ควบมาอย่างเร็วปะทะร่างทางด้านซ้ายอย่างรุนแรง นอกรถที่เป็นของแข็งแล้ว ยังมีถนนคอนกรีทรองรับอีกต่างหาก เชื่อว่าตายหยังเขียดทันที หรือไม่ก็พิการอย่างหนัก หนทางรอดน้อยเหลือเกิน
ผมงี้ขนลุกซู่ ยืนอกระทึกอยู่ชั่วขณะ ก่อนที่จะตั้งสติได้ แล้วเหลียวซ้ายแลขวาจนแน่ใจ จึงเดินข้ามถนนตามที่ต้องการ
สิ่งที่ผมเกริ่นไว้ว่า งานนี้น่าจะมีประโยชน์สำหรับพี่น้อง ก็คือ ข้อสังเกตจากประสบการณ์ตรงที่เกิดขึ้นกับตัวผม สอนให้รู้ว่า
ถ้าจะเดินข้ามถนนในประเทศไทย ซึ่งเป็นอีกประเทศหนึ่งที่ด้อยพัฒนา ประชากรใช้รถค่อนข้าง โหลยโท่ย โดยเฉพาะเรื่อง ขับรถย้อนศร มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง ไม่เว้นแม้กระทั่งกลางกรุง ซึ่งอุดมด้วยเจ้าหน้าที่บ้านเมืองน้อยใหญ่ทุกระดับ พึงระวังพวกขับรถย้อนศรให้จงหนัก
หากอยู่บนถนนที่รถแล่นทางเดียว อย่าชะล่าใจว่าจะมีรถแล่นไปในทางเดียวให้ท่านระวังระไวเท่านั้น ดังเช่นที่ผมเข้าใจ อาจมีไอ้คนที่แย่ๆ ขับขี่รถทุกชนิดย้อนศรมาจากอีกด้านหนึ่ง โดยที่เราวางใจไม่คาดฝันว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่มันไม่ใช่เสมอไป เมื่อเราเพ่งด้านเดียวตามที่ควรจะเป็น ไม่ได้ระวังอีกด้านหนึ่ง จึงกลายเป็นความซวยอาจถึงฆาตล้มตายบาดเจ็บเกิดความสูญเสียอย่างที่ไม่น่าจะเป็น
จากบทเรียนที่ผมได้รับครั้งนี้ ได้เตือนตนเอง และอยากฝากเตือนแฟนๆ ทั้งหลายในบ้านเราให้ระมัดระวังในการใช้ถนน การข้ามถนน หรือแม้กระทั่งการขับรถ ต้องมองซ้ายมองขวา มองทุกด้านให้แน่ใจ ไม่ว่าถนนที่เราจะข้ามเป็นถนนรถวิ่งได้ทางเดียว หรือวันเวย์ ไม่ให้มีรถวิ่งสวนก็ตาม จะได้ไม่เป็นเหยื่อพวกเส็งเคร็งแหกคอกแหกกฎหมาย ขับรถย้อนศร ด้วยความเห็นแก่ตัว ด้วยความมักง่ายของมัน ซึ่งในขณะนี้มีอยู่ทั่วไป โดยเจ้าหน้าที่ดูแลไม่ถึง หรือละเลยก็ตามที และที่น่าสังเกต คือ บางครั้งเราเห็นหัวปิงปองในเครื่องแบบแท้ๆ ขับรถ มอเตอร์ไซค์ ย้อนศรด้วย
ครับผมเกือบต้องรับเคราะห์ชนิดถึงตายส่งท้ายปี 2551 เพราะพวกขับรถย้อนศร จึงฝากเตือนด้วยความปรารถนาดี และขอให้ทุกท่านที่กรุณาติดตามอ่านเรื่องราวต่างๆ ที่ผมเขียน ณ ที่นี้ หรือที่อื่นมาโดยตลอด จงมีความเจริญความสุขสงบอย่างแท้จริง ปราศจากโรคภัยอันตรายใดๆ เทอญ
เรื่องโดย : "จอมยุทธ" fomula@autoinfo.co.th
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน มกราคม ปี 2552
คอลัมน์ Online : ทั่วไป
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/27269