ข่าวใหญ่ในวงการผู้ใช้รถยนต์บ้านเรา ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่เมื่อต้นเดือนมิถุนายน ยักษ์ใหญ่ ปตท. ฯ ประกาศว่าจะเลิกผลิตน้ำมันเบนซิน 95 ในปีหน้า เจ้าของรถเก๋งที่เคยร้องยี้ ไม่คุ้นกับการใช้แกสโซฮอล น้ำมันดีเซล หรือ ซีเอนจี คงต้องกลับมานั่งคิดใหม่ ว่าจะเอายังไงกับรถของเราดี ทางเลือกก็คงมีเท่านี้แหละคะ

ข่าวใหญ่ในวงการผู้ใช้รถยนต์บ้านเรา ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่เมื่อต้นเดือนมิถุนายน ยักษ์ใหญ่ ปตท. ฯ ประกาศว่าจะเลิกผลิตน้ำมันเบนซิน 95 ในปีหน้า เจ้าของรถเก๋งที่เคยร้องยี้ ไม่คุ้นกับการใช้แกสโซฮอล น้ำมันดีเซล หรือ ซีเอนจี คงต้องกลับมานั่งคิดใหม่ ว่าจะเอายังไงกับรถของเราดี ทางเลือกก็คงมีเท่านี้แหละคะ กระแสประหยัดน้ำมันคงต้องกินลามไปทั่วโลก นอกจากประเทศซาอุดิอารเบีย หรือ ดูไบ ที่ผลิตน้ำมันเองได้ และซื้อน้ำมันใช้กันลิตรละไม่กี่สตางค์ บริษัทรถยนต์ก็เช่นกัน หันมาเน้นรถเล็กที่ประหยัดน้ำมันกัน สำหรับยักษ์ใหญ่ จีเอม ประกาศปรับตัวครั้งใหญ่สู้กระแสน้ำมันแพง และการแข่งขันจากค่ายญี่ปุ่น จีเอม ประกาศว่าจะเลิกผลิตรถพิคอัพ และรถขับเคลื่อน 4 ล้อ ฮัมเมอร์ แล้ว หันมาเน้นรถเล็กแทน เมื่อวันที่ 3 มิถุนายนที่ผ่านมา ซีอีโอ ของ จีเอม แวกโกเนอร์ ได้ประกาศกับที่ประชุมผู้ถือหุ้นว่า จีเอม จะเน้นพัฒนารถคอมแพคท์ และรถเก๋ง ในขณะเดียวกันก็ประกาศปิดโรงงานรถพิคอัพ 4 แห่งลงด้วย โดย จีเอม จะผลิตรถที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าชื่อ เชฟโรเลต์ โวลท์ (CHEVROLET VOLT) ในปี 2553 แวกโกเนอร์ เข้ามารับตำแหน่งในขณะที่ จีเอม ขาดทุนบัญชีเป็นตัวแดงอยู่เมื่อปี 2548 ในไตรมาสแรกของปี 2551 จีเอม ขาดทุนอยู่ 3.25 พันล้านเหรียญสหรัฐ ฯ นักวิเคราะห์คาดว่าภายในปีนี้ จีเอม จะขาดทุนเป็นเงินทั้งสิ้น 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ฯ การประกาศทิศทางของ จีเอม ครั้งนี้ นอกจากจะเห็นได้ชัดว่า จีเอม กำลังจะลดขนาดบริษัท ลดยอดขาย และลดต้นทุนการดำเนินงานแล้ว ยังเห็นด้วยว่า จีเอม เปลี่ยนกลยุทธ์ที่เคยเน้นรายได้จากรถพิคอัพมาเป็นรถเล็ก ซึ่งกำไรน้อยกว่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการลงทุน หรือการออกแบบ จีเอม ก็จะทุ่มไปที่รถเล็ก ทั้งนี้ จีเอม ตระหนักดีว่าในยุคที่น้ำมันแพง รถพิคอัพเป็นรถที่ซดน้ำมัน ความนิยมจะต้องลดลง และ จีเอม จะต้องตอบสนองความต้องการของตลาด การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ รื้อรากถอนโคนบริษัท ฯ กันเลยทีเดียว จีเอม วางแผนว่าจะวางตลาดรถคอมแพคท์ที่ดีกว่ารถคอมแพคท์ในปัจจุบัน คือ จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกสบายมากขึ้น โมเดลที่กำลังจะคลอดออกมา คือ เชฟโรเลต์ อาวีโอ ซึ่งทำในเกาหลี และ จีเอม จะสร้างเครื่องยนต์เทอร์โบขนาด 1.4 ลิตร สำหรับคอมแพคท์รุ่นใหม่ด้วย โรงงานผลิตรถพิคอัพ 4 แห่ง ที่กำลังจะปิดลงนั้นอยู่ที่ วิสคอนซิน ออนทาริ โอไฮโอ และ เมกซิโก ยอดขายรถกระบะของ จีเอม ที่ชื่อ เชฟโรเลต์ ทเรล บเลเซอร์ (CHEROLET TRAILBLAZER) กับ เอนวอย (ENVOY) ซึ่งเคยเป็นตัวปั๊มเงิน หลุดเป้าไปถึง 33 % ในปีนี้ นักวิเคราะห์บอกว่าตลาดหดตัวแบบนี้ ไม่มีประโยชน์อันใดที่จะตั้งหน้าผลิตต่อไป ถ้าจะดูในแง่ปริมาณแล้ว ซีอีโอ แวกโกเนอร์ จะลดการผลิตในอเมริกาเหนือจาก 4.2 ล้านคัน เป็น 3.7 ล้านคัน ภายในสิ้นทศวรรษนี้ โดยที่จะเพิ่มเวลาผลิตเป็น 3 กะ สำหรับรถ เชฟโรเลต์ โคบอลท์ (CHEVROLET COBALT) พอนทิแอค จี 5 และ จี 6 (PONTIAC G5/G6) เชฟโรเลต์ มาลิบู (CHEVY MALIBU) จะเห็นได้ว่า นี่เป็นการปรับตัวตามความต้องการของตลาด ตัวอย่าง เช่น รถ มาลิบู และ จี 6 ซึ่งวางตลาดไปเมื่อปีที่แล้ว และปี 2546 ก็เป็นความพยายามที่จะดึงผู้บริโภคของรถเก๋ง ซึ่งเอาใจออกห่างรถยี่ห้ออเมริกันด้วยกันเอง ไปซบอกรถญี่ปุ่นในรอบ 20-30 ปีที่ผ่านมา โดยที่ผู้ผลิตรถอเมริกันหันไปให้ความสำคัญกับรถบรรทุก และ เอสยูวี ซึ่งนับว่า มาลิบู มียอดขายดีพอใช้ และสามารถกวักเรียกผู้บริโภคกลับมาได้ แต่ปัญหา ก็คือ จีเอม ไม่ค่อยมีกำไรจากการขายรถเก๋ง แม้ว่า มาลิบู ใหม่ จะขายแพงกว่ารุ่นเก่าอยู่คันละ 4,000 เหรียญสหรัฐ ฯ ก็ตาม จีเอม จำเป็นจะต้องเอากำไรจากรถคอมแพคท์มาโปะกำไรที่สูญเสียไปเมื่อเลิกผลิตรถบรรทุก ภารกิจอันหนักหน่วงของ จีเอม คือ การเรียกผู้บริโภคที่หันไปชื่นชอบรถยนต์ขนาดเล็กบแรนด์ญี่ปุ่นกับเกาหลีกลับมา ผู้บริโภคกลุ่มนี้ฝังใจแล้วว่าถ้าเป็นรถเล็ก ต้องญี่ปุ่นกับเกาหลีถึงจะเจ๋ง ดังนั้น จีเอม จะต้องผลิตรถเล็กที่ดีเท่าหรือดีกว่า ข่าวดี ก็คือ หลังสำรวจความคิดเห็นผู้บริโภคแล้วก็พบว่าบแรนด์ เชฟโรเลต์ ของ จีเอม นั้นยังมีภาพลักษณ์ที่ดี นอกจากนี้การที่คนรุ่นพ่อแม่ของวัยรุ่นอเมริกันหันไปขี่รถญี่ปุ่นอย่าง โตโยตา แคมรี และ ฮอนดา แอคคอร์ด ก็เป็นไปได้ว่าเด็กอเมริกันเจเนอเรชันวาย จะหันไปขี่รถอเมริกันแทน เพราะไม่ต้องการทำอะไรเหมือนกับพ่อแม่ ดังนั้นใน 2-3 ปีถัดจากนี้ไป จีเอม จะต้องโฟคัสที่การชนะใจคนกลุ่มนี้ ซึ่งก็พอดีกับที่ผลพวงของการลดค่าใช้จ่ายต่างๆ จะเห็นผล เช่น ในปี 2553 และ 2554 ยูไนเทด ออโท เวอร์เคอร์ส (UNITED AUTO WORKERS) จะเข้ามาเทคโอเวอร์กองทุนสุขภาพ ซึ่งคอยดูแลค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของคนงาน จีเอม ทำให้ จีเอม ประหยัดค่าใช้จ่ายไปถึง 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ ฯ/ปี และเมื่อถึงเวลานั้นเช่นกันที่ จีเอม ได้ลดกำลังการผลิตลงเรียบร้อย พร้อมๆ กับว่าจ้างแรงงานที่ราคาถูกลง และคลอดรถเก๋งรุ่นใหม่ กับ เอสยูวี รุ่นเล็กออกมา ก็จะถึงยุคที่ จีเอม ลบตัวแดงออกไปได้ แล้วกลับมาทำกำไรอีกครั้งหนึ่ง ผู้ถือหุ้น จีเอม ทั้งหลายโปรดรอ