จีนพยายามจะโชว์ความสามารถเรื่องรถยนต์ให้ชาวโลกประจักษ์ โดยเข้าร่วมงานมหกรรมยานยนต์สำคัญๆ ทั่วโลกให้มากที่สุด สิ่งที่จีนนำมาโชว์ ก็มักจะเป็นรถเล็ก ซึ่งอาจจะเป็นคอมแพคท์ หรือซัพคอมแพคท์ ซึ่งเป็นรถราคาประหยัด แต่ในงานมหกรรมยานยนต์ดีทรอยท์ เมื่อวันที่ 13 มกราคมที่ผ่านมา จีนก็มีอะไรให้ใครๆ ประหลาดใจ

จีนพยายามจะโชว์ความสามารถเรื่องรถยนต์ให้ชาวโลกประจักษ์ โดยเข้าร่วมงานมหกรรมยานยนต์สำคัญๆ ทั่วโลกให้มากที่สุด สิ่งที่จีนนำมาโชว์ ก็มักจะเป็นรถเล็ก ซึ่งอาจจะเป็นคอมแพคท์ หรือซัพคอมแพคท์ ซึ่งเป็นรถราคาประหยัด แต่ในงานมหกรรมยานยนต์ดีทรอยท์ เมื่อวันที่ 13 มกราคมที่ผ่านมา จีนก็มีอะไรให้ใครๆ ประหลาดใจ บริษัทผลิตรถยนต์ของจีนที่ชื่อ BYD AUTO ได้นำรถไฮบริด F6DM ซึ่งใช้ทั้งน้ำมัน และไฟฟ้าออกมาโชว์ ทั้งๆ รถที่ว่านี้ ยังไม่ออกขายทั่วโลก แต่จะขายในจีน ความจริงไม่น่าจะต้องออกโชว์ แต่ก็เชื่อว่าการนำออกมาโชว์นี้ จะมีแรงจูงใจ 2 อย่าง อย่างแรก คือ เพื่อโชว์ศักยภาพ อย่างที่ 2 ก็คือ เพื่อชิงตลาดในจีน ก่อนที่ญี่ปุ่นหรือฝรั่งจะเอารถไฮบริดมาบุก เพราะในขณะที่คนทั่วไปยังคิดว่าจีนเป็นตลาดเกิดใหม่สำหรับรถยนต์ น่าจะเอารถราคาประหยัดมาขายเสียมากกว่า และต่อมาก็เอารถหรูเข้ามาเมื่อคนมั่งมีเงินทองมากขึ้น แต่ทว่ากระแสไฮบริดก็มาแรงจนจีนรีบฉวยโอกาสสร้างข่าว สร้างตลาด เพื่อบอกว่าฉันก้าวทันใครๆ ฉันผลิตไฮบริดได้ แม้รถไฮบริดนี้ คุณภาพยังไม่ดีพอจะไปขายในตลาดอย่างสหรัฐอเมริกาได้ แต่ก็เชื่อไหมว่า BYD สามารถชิงกระแสได้ ตัดหน้าออกมาก่อนที่ขาใหญ่อย่าง เจเนอรัล มอเตอร์ส จะออกวางตลาด เชฟโรเลต์ โวลท์ (CHEVROLET VOLT) ในปี 2552 เสียอีก เชื่อหรือไม่ว่า ผู้กล้าหาญแห่งจีน คือ บริษัท BYD นี้ เพิ่งเข้ามาอยู่ในธุรกิจรถยนต์ได้เพียง 5 ปีเท่านั้น คิดหาญเทียบบริษัท 100 ปี อย่าง เจเนอรัล มอเตอร์ส หรือบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง โตโยตา มอเตอร์ ซึ่งนำร่องออกรถ ปรีอุส ไปก่อน และได้รับความสำเร็จอย่างงดงาม โดย BYD ก็ใช้ระบบแบบเดียวกันกับ ปรีอุส คือ เครื่องขนาดเล็ก และมอเตอร์ไฟฟ้า ผลที่ได้ก็จะเป็นการประหยัดน้ำมันเช่นเดียวกัน ข้อแม้มีอยู่ที่คุณภาพของแบทเตอรีของรถ จะต้องเป็นชนิดที่ดีเลิศ เรื่องนี้ บริษัทที่ผลิตแบทแตอรีสำหรับรถ คือ TOTAL BATTERY CONSULTING ให้ความเห็นว่า การเอารถตัวอย่างออกมาแสดง กับการพัฒนารถที่สามารถใช้ได้จริงบนท้องถนน มันอาจเป็นคนละเรื่องกัน เขายังบอกอีกว่า ต้องใช้เวลาทดสอบ 3-4 ปีที่ก่อนจะผลิตออกขายได้จริง แต่ BYD ก็พูดอย่างมั่นใจว่าทำได้ เพราะว่าบริษัทแม่ของบริษัทนี้เป็นผู้ผลิตแบทเตอรี ชั้นนำสำหรับโทรศัพท์มือถือ และ MP3 BYD พัฒนารถไฮบริด และรถไฟฟ้ามาได้ 4 ปีแล้ว และสามารถคิดระบบรวบแบทเตอรีขนาดเล็กไว้รวมกันได้ 100 ตัว ฟังแล้วไม่น่าแปลกใจที่ว่าจีนเขาพัฒนาของเขาได้ เพราะเท่าที่เห็น จีนมักจะพัฒนาเครื่องอะไรต่อมิอะไรตามแบบของตัวเอง ที่อาจจะหน้าตาไม่เหมือนฝรั่ง หรือญี่ปุ่น คือ อาจจะดู "กะเล่อกะล่า" นิด แต่ว่าประสิทธิภาพดี ผู้เขียนเคยพักในอพาร์ทเมนท์ของเพื่อนที่เมืองคุนหมิง ในอพาร์ทเมนท์มีเครื่องดูดควันในครัวที่หน้าตาไม่สวยหรอก แต่ขอโทษใช้ได้ผลดีในเรื่องดูดควันกว่าของฝรั่งเสียอีก อีกตัว คือ ตู้อาบน้ำอุ่นที่ใส่เข้าไปในห้องน้ำ ชนิดที่มีน้ำออกจากทุกทิศทุกทาง นวดแขน นวดขา นวดสะโพก แถมมีเพลงฟัง ชนิดที่พอกลับเมืองไทยเห็นของออสเตรเลียมีเหมือน แต่ขอโทษ ราคาผิดกันไกล ของจีนราคาเรือนพัน ของออสเตรเลียเป็นแสน อีกตัวหนึ่ง คือ เครื่องทำน้ำร้อนพลังงานแสงอาทิตย์ มีติดให้ทุกหลังคาเรือน ก็คงไม่แพงอีกเช่นกัน สิ่งที่เหมือนกันของเครื่องใช้ไม้สอยพวกนี้ คือ มีอรรถประโยชน์ และราคาถูก ทำให้คนจีนสามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้โดยไม่กระเป๋าฉีก เรื่องรถนี้ ก็เช่นกัน จีนรู้ว่าประเทศของตนใช้พลังงานมาก และไม่สามารถผลิตได้เอง จีนก็ต้องกลัวจะหาน้ำมันไม่ได้เป็นธรรมดา จึงกระโดดข้ามขั้น ผลิตรถที่ใช้น้ำมัน และไฟฟ้า เร็วกว่าปกติ เนื่องมาจากความจำเป็นนั่นเอง เมื่อนำรถใหม่นี้ไปทดสอบ BYD บอกว่าเจ้า F6DM สามารถแล่นได้ 96 กม. โดยใช้พลังงานไฟฟ้าก่อนที่จะสลับมาใช้น้ำมันชาร์จแบทเตอรี ในขณะที่ จีเอม บอกว่าเจ้า โวลท์ ไปได้ไกล 64 กม. ก็ต้องชาร์จใหม่ นั่นเป็นเรื่องของการใช้งาน แต่ BYD ก็ไม่ลืมเรื่องหน้าตาของรถ เพราะเรื่องรถไม่เหมือนเรื่องอื่น หากใช้งานดีอย่างเดียว แต่หน้าตาไม่ดีอย่างเครื่องดูดควัน รับรองไม่มีคนซื้อ ดังนั้น BYD จึงจ้างทีมดีไซจ์เนอร์ยุโรปมาออกแบบ อีกอย่างที่ไม่ควรมองข้าม คือ ฝีมือของเจ้าของบริษัทที่ชื่อ WANG CHUANFU ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นนักอุตสาหกรรมชั้นนำของจีน WANG CHUANFU ผู้นี้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งในธุรกิจเซลล์ที่ทำจากลิเธียม และไอออน ซึ่งเป็นระบบเก็บไฟฟ้าใช้สำหรับรถยนต์ ปีที่แล้ว BYD ยังขายรถขนาดกลาง และเล็กที่ใช้เครื่องยนต์แบบเก่าถึง 89,000 คัน ซึ่งเป็นยอดขายที่เพิ่มขึ้น 63 % จากปี 2549 ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เป็นเรื่องที่ต้องคอยดูกันต่อไปว่า คนที่ทำแบทเตอรีในมือถือเก่งจะทำแบทเตอรีในรถยนต์เก่งด้วยหรือเปล่า เพราะแม้แต่แบทเตอรีในแลพทอพบริษัทนี้ก็ไม่ได้ทำ การจะก้าวไปสู่รถยนต์เลย จะเป็นก้าวกระโดดที่มากเกินไปหรือเปล่า จีเอม เองก็ยังปวดหัว และบอกว่าความซับซ้อนของเรื่องระบบไฟ อาจทำให้การวางตลาด โวลท์ ต้องเลื่อนออกไปหรือเปล่า ก็ต้องระวังหน่อยล่ะ เพราะอาตี๋หายใจรดต้นคอ แล้วก็อย่าได้ประมาทว่าเขายังไม่มีเครือข่ายในสหรัฐอเมริกา เดี๋ยวเป็นเสือปืนไวขึ้นมาจะหาว่าไม่เตือนนะ