คลอดจนได้ครับ ! สำหรับร่างกฎหมายห้ามใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ขณะขับรถ ยกเว้นใช้อุปกรณ์เสริมช่วยในการโทรศัพท์ เช่น สมอลล์ทอล์ค หรือบูลทูธ ผมจำได้ว่าเคยเขียนถึงเรื่องนี้มาหลายปีแล้ว ตั้งแต่ช่วงที่เจ้าอุปกรณ์สมอลล์ทอล์ค เริ่มเข้ามาจำหน่ายในบ้านเราใหม่ๆ แต่จนแล้วจนรอดก็แอบหวังเล็กๆ ว่า รัฐน่าจะทำเรื่องนี้ให้จริงจังเสียที เพราะผมรำคาญและทนเห็นผู้ขับขี่ที่หนีบโทรศัพท์มือถือไว้ข้างหู ในขณะขับรถไม่ไหวจริงๆ

คลอดจนได้ครับ ! สำหรับร่างกฎหมายห้ามใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ขณะขับรถ ยกเว้นใช้อุปกรณ์เสริมช่วยในการโทรศัพท์ เช่น สมอลล์ทอล์ค หรือบูลทูธ ผมจำได้ว่าเคยเขียนถึงเรื่องนี้มาหลายปีแล้ว ตั้งแต่ช่วงที่เจ้าอุปกรณ์สมอลล์ทอล์ค เริ่มเข้ามาจำหน่ายในบ้านเราใหม่ๆ แต่จนแล้วจนรอดก็แอบหวังเล็กๆ ว่า รัฐน่าจะทำเรื่องนี้ให้จริงจังเสียที เพราะผมรำคาญและทนเห็นผู้ขับขี่ที่หนีบโทรศัพท์มือถือไว้ข้างหู ในขณะขับรถไม่ไหวจริงๆ เพราะมันทำให้เกิดปัญหาต่อส่วนรวม เนื่องจากว่าคนที่ต้องขับรถและโทรศัพท์ในเวลาเดียวกัน มักจะไม่มีสมาธิในการควบคุมรถแบบเต็มร้อย ต้องคอยพะวงกับการสนทนา และยังต้องคอยดูรถที่วิ่งร่วมทาง หลายครั้งทำให้เกิดปัญหารถติด เนื่องจากผู้ขับขี่ไม่สามารถใช้ความเร็วที่เหมาะสมได้ตามสถานการณ์จริง และมีบางเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ…ผมเห็นด้วยกับสมาชิกสภานิติบัญญัติ ฯ ที่เห็นชอบผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้ออกมา และรู้สึกชอบใจที่เรากำลังเอาจริงเอาจังกับปัญหานี้ เนื้อหาสำคัญกำหนดไว้ว่า ห้ามผู้ขับขี่ใช้โทรศัพท์หรือเครื่องมือสื่อสารอื่นใดในขณะที่รถเคลื่อนที่ เว้นแต่การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่โดยใช้อุปกรณ์เสริมสำหรับการสนทนา โดยผู้ขับขี่ไม่ต้องถือหรือจับโทรศัพท์เคลื่อนที่นั้น ทั้งนี้มีบทกำหนดโทษผู้ฝ่าฝืนต้องระวางโทษ ปรับตั้งแต่ 400-1,000 บาท โดยให้บังคับใช้ตาม พรบ. ฉบับนี้ เมื่อพ้นกำหนด 90 วัน นับตั้งแต่วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ผมเชื่อว่าหลังการประกาศใช้กฎหมายฉบับนี้ จะมีผู้คนจำนวนมากที่เดือดร้อนกับการใช้อุปกรณ์สื่อสารในขณะขับรถ แต่ก็อยากชี้แจงให้เห็นว่า มันเป็นปัญหาที่แก้ไขได้ ถ้าเราทุกคนใส่ใจกับความปลอดภัยในชีวิต ทรัพย์สิน และเพื่อนร่วมทางในการใช้รถ ใช้ถนน ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมากกว่าการเจรจาอื่นใด อยากให้มองว่าอุปกรณ์สื่อสารที่เราใช้งานอยู่นี้ มันเป็นเพียงแค่อุปกรณ์อำนวยความสะดวกให้กับชีวิตและการงานเท่านั้น แต่มันไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต บางคนอาจจะมองว่า มันไม่ใช่สิ่งจำเป็นก็มี คุณลองนึกดูว่า ในอดีตเราไม่มีโทรศัพท์เคลื่อนที่ เราก็อยู่ได้ และยังทำงานได้ตามปกติ เพียงแต่ว่าเทคโนโลยีสมัยใหม่ ทำให้มันสะดวกและง่ายขึ้นจนเข้าถึงคนส่วนใหญ่ได้เท่านั้นเอง ทำไม ? เราไม่ลองเปลี่ยนมาใช้วิธีง่ายๆ ว่า ก่อนออกเดินทางจากบ้าน หรือที่ทำงาน ให้จัดการธุระต่างๆ ที่ต้องติดต่อให้แล้วเสร็จ และระหว่างการเดินทางเรางดการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ ผมว่าไม่น่าจะเสียหาย แต่กลับเพิ่มความปลอดภัยให้กับเรามากกว่า ถ้าไม่เชื่อ ลองทำดูสักครั้งสิครับ ! ทุกวันนี้ผมก็ใช้วิธีนี้ ทำให้มีสมาธิและใส่ใจในการขับรถมากขึ้น ไม่ต้องพะวงว่าใครจะติดต่อมา พอถึงที่หมายแล้วค่อยเปิดโทรศัพท์ติดต่อกลับไป…ในอนาคตผมยกมือเชียร์สุดใจเลยว่า ควรห้ามใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถไปเลย จะถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากๆ ถ้าไม่จำเป็นอย่าใช้ ยิ่งดีใหญ่ เพราะทำให้ประหยัดและรู้จักพอเพียงจะดีที่สุด