พิเศษ
และชมเทคโนโลยีล้ำสมัยในมหกรรมยานยนต์โตเกียว
บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด นำสื่อมวลชนบินสู่เมืองโตเกียวประเทศญี่ปุ่น เพื่อชมงานมหกรรมยานยนต์โตเกียว 2007 ที่ ฮอนดา นำเทคโนโลยีทันสมัย พร้อมรถรุ่นใหม่ๆ มาโชว์อย่างคับคั่ง นอกจากนี้ยังได้ลองของจริงรถใหม่ หลากหลายรุ่น และสัมผัสกับเทคโนโลยีล้ำสมัย ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนา เมืองโตชิกิเยี่ยมบูธ ฮอนดา ในมหกรรมยานยนต์โตเกียววันแรก เปิดงานมหกรรมยานยนต์โตเกียว 2007 สื่อมวลชนจากนานาประเทศ แห่เข้าร่วมงานกันคึกคักตั้งแต่เช้า ครั้งนี้ มีบริษัทรถยนต์ ร่วมโชว์ในงานถึง 32 ยี่ห้อ ใน 4 ฮอลล์ใหญ่ โดยบูธของบริษัท ฮอนดา มอเตอร์ ฯ ประเทศญี่ปุ่น นำรถธงอย่าง ฮอนดา อินสไปร์ (INSPIRE) หรือ ฮอนดา แอคคอร์ด ปี 2008 มาอวดโฉม รวมทั้ง ฮอนดา ฟิท (FIT) ใหม่ ที่คาดว่าจะเป็น แจซซ์ รุ่นใหม่ ในบ้านเรานั่นเองนอกจากนี้ ฮอนดา ยังได้นำรถต้นแบบ 2 รุ่นมาเปิดตัวเป็นครั้งแรกในโลก ได้แก่ ฮอนดา ปูโย (PUYO) เป็นคำในภาษาญี่ปุ่นที่สะท้อนความรู้สึก ขณะสัมผัสตัวรถที่อ่อนนุ่ม บ่งบอกความประทับใจที่อบอุ่น และเป็นมิตร ใช้พลังงานเซลล์เชื้อเพลิง ได้รับการออกแบบในลักษณะของการคิดนอกกรอบ ให้อารมณ์การขับขี่ที่สนุก ทั้งเจ้าของรถ และคนรอบข้างฮอนดา ซีอาร์-เซด (CR-Z) "COMPACT RENAISSANCE ZERO" เปิดตัวเป็นครั้งแรกในโลก ในแบบสปอร์ท น้ำหนักเบา พร้อมระบบไฮบริด ที่ใช้ไฟฟ้า และน้ำมันเบนซิน ให้พลังงานขับเคลื่อนที่สะอาด แรงบิดสูง
ภายในบูธยังมีการจัดแสดงเครื่องยนต์ดีเซล I-DTEC รุ่นใหม่ ที่มีพลังในการขับเคลื่อน ที่สูง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งยังนำรถแข่งของ ฮอนดา ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล มาโชว์อีกด้วย ด้านเทคโนโลยีความปลอดภัย แสดงแบบจำลองระบบความปลอดภัยก่อนการชน PRE-CRASH SAFETY ที่ล้ำสมัย ผสมผสานการทำงานของระบบเบรคกับเข็มขัดนิรภัยแบบอีเลคทรอนิคส์ COLLIS ION MITIGATION BRAKE SYSTEM (CMBS)+ E-PRETENSIONERS เข้าด้วยกันพร้อมกันนี้ยังมีการแสดง "NEXT ENERGY" ที่แสดงถึง ความคิดริเริ่มล่าสุดของ ฮอนดา ในการพัฒนา
พลังงานชนิดใหม่ อาทิ เทคโนโลยี ผลิตไบโอ-เอธานอน จากฟางข้าว และฟีล์มเซลล์แสงอาทิตย์ ชนิดบาง รุ่นใหม่ ด้านมอเตอร์สปอร์ท นำรถแข่ง ฟอร์มูลา วัน และรถแข่งในรายการสำคัญต่างๆ มาโชว์เทคโนโลยีควบคู่กับประสิทธิภาพของรถ ลองของจริงที่ศูนย์วิจัยและพัฒนา ฮอนดา โตชิกิศูนย์วิจัยและพัฒนา ฮอนดา โตชิกิ ตั้งอยู่ที่เมือง อัตสุโนมิยา ห่างจากโตเกียวไปประมาณ 100 กม.
แม้ว่าการเดินทางออกจากโตเกียว จะสะดวกรวดเร็ว เพราะมีทางด่วนเชื่อมต่อกันมากมาย แต่ยังต้องใช้เวลาพอสมควร เพราะถูกจำกัดความเร็ว อย่างเคร่งครัด เช้าวันที่เดินทางไปยังศูนย์วิจัยและพัฒนา ฮอนดา ลมฟ้าอากาศไม่เป็นใจเมื่อถึงศูนย์ทดสอบ สื่อมวลชนจากทางเอเชียและโอเชียเนีย เข้าร่วมฟังบรรยายแนะนำศูนย์วิจัยและกิจกรรมต่างๆ จากนั้น เจ้าหน้าที่วิศวกร พาคณะสื่อมวลชนจากนานาประเทศ เข้าไปยังศูนย์ ทดสอบการชนระหว่างรถจริงในทุกสภาพอากาศแห่งแรกของโลก ฮอนดา ทุ่มงบประมาณ 6,800 ล้านเยนในการก่อสร้างศูนย์ทดสอบแห่งนี้ ซึ่งเป็นศูนย์ทดสอบแห่งแรกในโลกที่สามารถทำการทดสอบการชนที่ใช้สิ่งกีดขวางยึดติดกับที่และการทดสอบที่ให้รถยนต์สองคันชนกันในสภาพการณ์ที่จำลองจากอุบัติเหตุจริง
ศูนย์แห่งนี้มีพื้นที่ใช้สอยรวม 41,000 ตารางเมตร และมีเส้นทางทดสอบ 8 เส้นทาง สร้างเป็นแนวรัศมีรอบจุดศูนย์กลาง เส้นทางเหล่านี้เปิดโอกาสให้วิศวกรความปลอดภัยสามารถจำลองการชนจาก
เกือบทุกทิศทาง ด้วยการเพิ่มมุมชนทีละ 15 องศา นอกจากนี้ยังสามารถทดสอบการชนระหว่างรถยนต์สองคัน ซึ่งเคลื่อนที่ด้วยความเร็วต่างกัน การชนระหว่างรถยนต์ซึ่งมีขนาดต่างกัน เช่น ระหว่าง
รถยนต์นั่งกับรถบรรทุก อีกทั้งยังจำลองอุบัติเหตุรถยนต์ชนคนเดินถนนได้ด้วย โดยการทดสอบการชน ครั้งนี้ ฮอนดา นำรถวิ่งเข้าชนด้านหน้า ที่ความเร็วเท่ากัน และมีออพเซทการชนที่ 50 % หรือครึ่งหนึ่งของรถ หลังสิ้นเสียงดังสนั่น พวกเราได้ลงไปสำรวจดู ตัวรถซึ่งแม้เกิดการชนที่ความเร็ว 50 กม./ชม. ส่วนที่เป็นห้องโดยสารยังได้รับการปกป้อง ถุงลมนิรภัยทำงาน และประตูทุกบานยังสามารถเปิดออกได้
เสร็จจากการชมห้องปฏิบัติการแล้ว สื่อมวลชนไทยและเทศ ต้องเดินทางเข้าไปที่สนามทดสอบในศูนย์วิจัย ฯ ของ ฮอนดา ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกัน แต่ด้วยความใหญ่โตของสนาม เราจึงต้องอาศัยรถบัสพาไปยังสนามทดสอบ ในสนามทดสอบนี้ ฮอนดา นำรถรุ่นใหม่ๆ ในตลาดมาให้ทดลองขับหลากหลายรุ่น อาทิ เซสต์/สตรีม/ครอสส์โรด รวมทั้ง ฮอนดา แอคคอร์ด ใหม่ ปี 2008 มาให้เราได้ทดสอบ ด้วย แม้การทดสอบครั้งนี้จะทำได้ไม่เต็มที่ เพราะมีให้ขับเพียงแค่ 1 รอบ กับสภาพสนามทดสอบที่ลื่นและมีฝนตกกระหน่ำตลอด แต่ก็พอที่จะได้กลิ่นอายของ แอคคอร์ด ใหม่ มาบ้าง
แอคคอร์ด ปี 2008 เป็นรุ่นโฉมใหม่ ขนาดตัวถังเพิ่มขึ้น ส่งผลให้พื้นที่ในห้องโดยสารกว้างขวางกว่าเดิม โดยมิติตัวรถยาวรวม 4,930 มม. (รุ่น 4 สูบ ส่วนรุ่น วี 6 จะเพิ่มขึ้น 5.00 มม. เพราะด้านหน้ามีการติดตั้งสปอยเลอร์ที่ชายล่างของกันชน) และมีขนาดยาวขึ้นจากรุ่นเดิมถึง 76.20 มม. ความกว้างอยู่ที่ 1,846.58 มม. เพิ่มขึ้น 27.94 มม. ความสูงอยู่ที่ 1,473.45 มม. สูงขึ้น 22.86 มม. ปริมาตรภายในห้องโดยสารของ แอคคอร์ด ใหม่ขนาด 3.40 ลูกบาศก์เมตร (เพิ่มขึ้น 0.09 ลูกบาศก์เมตร เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นปี 2007)รูปทรงโฉบเฉี่ยว เส้นสายบนตัวถังเฉียบคมและแข็งแกร่ง คงจุดเด่นในบุคลิกเน้นความสนุกในการขับขี่
ภายในเน้นภาพลักษณ์ที่หรูหราด้วย ระบบเครื่องเสียงติดตั้งเครื่องเล่น MP3/WINDOWS MEDIA AUDIO (WMA) ที่มีระบบนำร่องแบบเชื่อมต่อทางดาวเทียมใหม่ล่าสุด SATELLITE-LINKED NAVIGATION SYSTEM สามารถสั่งงานผ่านทางเสียงได้
เครื่องยนต์ของ แอคคอร์ด ใหม่ มีให้เลือก 2 รุ่น โดยได้รับปรับเพิ่มแรงม้า อีกทั้งยังให้ความประหยัดเชื้อเพลิงดีขึ้น พร้อมค่ามลพิษไอเสียที่ต่ำ เครื่องยนต์ 4 สูบ DOHC I-VTEC 2.4 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 177 แรงม้า ที่ 6,500 รตน. แรงบิดสูงสุด 22.3 กก.-ม. ที่ 4,300 รตน. ทำงานร่วมกับเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ หรืออัตโนมัติ 5 จังหวะ พร้อมระบบท่อไอเสียที่มีประสิทธิภาพในการระบายไอเสีย และหม้อพักที่มีตัวควบคุมเสียงแบบวาล์วแปรผันให้กำลังเพิ่มเป็น 190 แรงม้า ที่ 7,000 รตน. แรงบิดสูงสุด 22.4 กก.-ม. ที่ 4,400 รตน. นอกจากนี้ยังมีเครื่องยนต์บลอคใหญ่ ใหม่ล่าสุดแบบ วี 6 SOHC I-VTEC 3.5 ลิตร 268 แรงม้า ที่ 6,000 รตน. แรงบิดสูงสุด 34.3 กก.-ม. ที่ 5,000 รตน. ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะและเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะระบบ VTEC ควบคุมการทำงานของแคมชาฟท์ฝั่งไอดีทั้ง 2 ตัว เพิ่มแรงบิดในช่วงรอบต่ำและรอบปานกลาง พร้อมระบบ VCM ช่วยเพิ่มความประหยัดน้ำมันมากขึ้นลองขับดูพบว่า นอกจากหน้าตาที่ได้รับการออกแบบใหม่ให้ดูโดดเด่นแล้ว ห้องโดยสารยังดูกว้างขึ้นมาก เข้าไปนั่งแล้วให้ความรู้สึกแตกต่างจากเดิมชัดเจน การออกแบบภายในหรูและทันสมัย ส่วนเรื่องของสมรรถนะอัตราเร่ง เครื่องยนต์ 2.4 ลิตรให้อัตราเร่งที่ดี เครื่องยนต์เงียบ ตอบสนองได้ต่อเนื่องตามต้องการ ส่วนเครื่องยนต์ 3.5 ลิตร นับเป็นเครื่องยนต์ที่มีความแรงจัดจ้านให้อารมณ์ สปอร์ท กดคันเร่งเมื่อไหร่หลังติดเบาะ ขับสนุกเร้าใจดี การควบคุมรถทำได้ดี ในทุกย่านความเร็ว หลังจากทดสอบ แอคคอร์ด ใหม่ เสร็จ ฮอนดา ยังพาไปสัมผัสกับเทคโนโลยี ที่ล้ำสมัย และให้เราได้ลองขับ รถยนต์ FCX รถยนต์ที่ใช้ระบบเซลล์เชื้อเพลิงขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าซึ่งใช้กระแสไฟฟ้าจาก แผงเซลล์เชื้อเพลิง (FUEL CELL STACK) ซึ่งเกิดจากการทำปฏิกิริยาทางเคมีของไฮโดรเจนในแผงเซลล์เชื้อเพลิง อุปกรณ์สร้างกระแสไฟฟ้าชิ้นนี้ติดตั้งอยู่ตรงกลางของตัวรถ และใต้พื้นห้องโดยสาร ขณะที่ถังเก็บไฮโดรเจนจะติดตั้งอยู่ใต้เบาะนั่งหลัง และตัวเก็บประจุแบบ ULTRA จะติดตั้งอยู่ด้านหลังของเบาะหลัง ทำให้รถรุ่นนี้มีน้ำหนักมากกว่า FCX CONCEPT เยอะ
รถยนต์เซลล์เชื้อเพลิงรุ่นใหม่ FCX CONCEPT มาพร้อมกับระบบเซลล์เชื้อเพลิงรุ่นใหม่ขนาดกะทัดรัด มีประสิทธิภาพในการทำงานสูงขึ้น นอกจากนี้ตัวรถยังพัฒนาให้มีพื้นตัวถังที่ต่ำลง มีความปราดเปรียวขึ้น และตัวถังด้านหน้ามีขนาดสั้น นอกจากนั้นยังให้สัมผัสแห่งความสะดวกสบายด้วยพื้นที่ใช้สอยในห้องโดยสารที่กว้างขวาง พร้อมกับการดีไซน์ที่สวยหรูล้ำสมัย ควบคู่ไปกับการปรับปรุงในด้าน
สมรรถนะของการขับเคลื่อนและความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รถยนต์เซลล์เชื้อเพลิงรุ่นใหม่ของ ฮอนดา พัฒนาจากรถต้นแบบคันนี้จะเริ่มจำหน่ายที่สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ในปี 2551เมื่อเปรียบเทียบ รถยนต์เซลล์เชื้อเพลิง FCX กับรุ่นใหม่ FCX CONCEPT จะเห็นถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัยและการพัฒนารถที่มากขึ้น โดยเฉพาะอัตราเร่งและแรงบิดที่ต่างกัน FCX CONCEPT ขับแล้วให้ความรู้สึกและเสียงคล้ายนั่งควบคุมอยู่ในเครื่องบิน เครื่องยนต์ตอบสนองดีมาก หน้าตาทันสมัยประหยัด และขับดีแบบนี้ บรรดาเศรษฐี คงไม่พลาด และหากในอนาคตอันใกล้สามารถทำตลาดได้ในราคาที่ไม่แพง คงจะทดแทนรถที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงได้แน่นอน นอกจากนี้ ฮอนดายังพาไปสัมผัสกับเทคโนโลยี อันทันสมัยซึ่งฮอนดา ได้นำมาติดตั้งในรถรุ่นต่าง ๆ อาทิ ระบบช่วยจอดรถอัจฉริยะเป็นการผสมผสานระหว่างระบบช่วยควบคุมการบังคับเลี้ยวพร้อมกับการสั่งงานด้วยเสียง เพื่อช่วยทำให้การจอดรถเป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกขึ้น ซึ่งระบบช่วยจอดรถอัจฉริยะของฮอนดา (HONDA PARKING ASSIST SYSTEM) ได้รับการติดตั้ง อยู่ใน ฮอนดา ไลฟ์กุญแจสำคัญที่ทำให้การจอดรถเป็นเรื่องสะดวก คือ การหยุดรถยนต์ในตำแหน่งที่เหมาะสมและสะดวกต่อการถอยหลังเข้าจอดในพื้นที่ว่าง โดยระบบนี้จะสั่งให้หมุนพวงมาลัยในมุมที่เหมาะสมสำหรับการถอยหลังเข้าซอง ระบบช่วยจอดรถอัจฉริยะนี้จะช่วยทำให้การจอดรถเป็นเรื่องง่ายด้วยการช่วยหมุนพวงมาลัยโดยอัตโนมัติพร้อมกับการตั้งแนวสมมุติจากจุดที่รถจอดมายังพื้นที่ว่างสำหรับการถอยเข้าจอดให้กับผู้ขับ จากนั้นผู้ขับก็ปฏิบัติตามเสียงที่แนะนำออกมา ระบบจะรองรับการจอดในรูปแบบการจอดขนานกับฟุตบาท และการถอยหลังเข้าจอด ซึ่งเป็นระบบที่เรียบง่ายและมีประสิทธิภาพ โดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้ภาพจากกล้องท้ายรถ
ระบบเบรคเพื่อหลีกเลี่ยงการชน COLLISION MITIGATION BRAKE SYSTEM (CMBS) ของ ฮอนดา ช่วยตรวจสอบความเป็นไปได้ที่จะเกิดการชนทางด้านหน้าของตัวรถกับท้ายรถคันอื่น จากนั้นก็จะแจ้งเตือนเป็นสัญญาณให้ผู้ขับขี่ได้รับทราบเพื่อที่จะหาทางป้องกัน หากผู้ขับไม่สนใจกับสัญญาณเตือน ระบบ CMBS จะช่วยลดความเร็วของตัวรถ และทำงานร่วมกับเข็มขัดนิรภัยแบบอีเลคทรอนิคส์ ซึ่งจะทำงานอัตโนมัติในการรัดกระชับสรีระ เพื่อลดความเสี่ยงของการบาดเจ็บหากเกิดอุบัติเหตุ
ระบบที่ทันสมัยต่างๆ นี้ แสดงให้เห็นถึงความห่วงใย และการเอาใจใส่ต่อลูกค้า ทั้งในด้านความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการขับขี่ ซึ่ง ฮอนดา ได้พัฒนาจนสามารถติดตั้งและใช้งาน
จริงได้อย่างสมบรูณ์แบบแล้วปิดท้ายความมันในทริพนี้ด้วยการขับ ฮอนดา ซีวิค ไทพ์ อาร์ ซึ่งเป็นรถที่ได้รับการตกแต่งในเวอร์ชัน ไทพ์ อาร์ ให้อารมณ์แบบรถแข่ง ต่างงัดฝีมือมาวาดลวดลายอวดสื่อมวลชนชาติอื่นๆ กันอย่างสนุกสนานขอขอบคุณ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด
เรื่องโดย : ณัฐเวช ยอดแสง
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน มกราคม ปี 2551
คอลัมน์ Online : พิเศษ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/25879