เห็นหัวเรื่องอย่างนี้ หลายคนคงบอก "เป็นไปไม่ได้ !" เพราะไปติดต่อราชการกรมการขนส่ง ฯ กันทีไร อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาปาเข้าไปครึ่งวัน

เห็นหัวเรื่องอย่างนี้ หลายคนคงบอก "เป็นไปไม่ได้ !" เพราะไปติดต่อราชการกรมการขนส่ง ฯ กันทีไร อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาปาเข้าไปครึ่งวัน แต่สำหรับการไปเปลี่ยนใบอนุญาตขับรถเป็นแบบไฮเทค ที่กรมการขนส่งทางบกเพิ่งเปิดให้บริการ เขาใช้เวลาแค่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก็ได้ใบขับขี่แบบคาร์ดแข็ง ที่พรั่งพร้อมด้วยสารพัดประโยชน์ใช้สอย มาอวดกันทันที ผมไปเปลี่ยนมาแล้ว แถมยังได้สนทนากับ ชัยรัตน์ สงวนชื่อ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบกเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย ใครยังไม่ได้เปลี่ยน จะบอกรายละเอียดให้ครับ หน้าตาใบขับขี่แบบใหม่ เป็นอย่างไร ? เป็นคาร์ดพลาสติคแข็ง ขนาดเดียวกับบัตรประชาชน มีแถบแม่เหล็กเก็บข้อมูล มีรายละเอียดทั้งภาษาไทย และอังกฤษ ตรงแถบบ่งบอกชนิดรถที่อนุญาต จะให้สีที่แตกต่างกัน สังเกตได้ชัดเจนแถมพื้นหลังสกรีนเป็นรูปสัญลักษณ์ของแต่ละจังหวัด (เฉพาะจังหวัดที่มีการประมูลป้ายทะเบียน) พร้อม โฮโลกแรม (HOLOGRAM) รูปตราของกรมการขนส่งทางบก แวววาว ป้องกันการปลอมแปลง ส่วนด้านหลัง มีภาพแสดงประเภทของรถที่อนุญาตให้ขับได้ อยากได้ ต้องทำอย่างไร ? ไม่ยุ่งยาก แถมได้เร็วกว่าเดิมด้วย ถ้าใครจะเปลี่ยน หรือต่ออายุ ให้มาแต่เช้าตรู่ (เริ่มเวลาราชการ) เตรียมใบรับรองแพทย์ ถ่ายสำเนาบัตรประชาชน พร้อมใบขับขี่ตัวจริงอันเดิม ไปยื่นที่อาคาร 4 ชั้น 2 กรมการขนส่งทางบก รับบัตรคิว รอเรียกไปถ่ายรูป และจ่ายเงิน เป็นอันสำเร็จ (บริการแบบ ONE STOP SERVICE) รับรองไม่เกินชั่วโมงแน่ๆ แล้วถ้าใครใช้ใบขับขี่ตลอดชีพอยู่ ก็ไม่ต้องกังวลว่า เปลี่ยนใหม่แล้วจะได้แบบอายุ 5 ปี เพราะเขาก็ยังให้เป็นแบบตลอดชีพดังเดิม อีกอย่าง นี่ไม่ได้บังคับ ใครพอใจใช้บัตรแบบเดิมต่อ ก็ไม่ว่ากัน ต้องจ่ายแพงกว่าเดิมหรือเปล่า ? ค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายที่กรมการขนส่ง ฯ สำหรับแบบตลอดชีพ 205 บาท 5 ปี 605 บาท ดูตามราคาแล้วแพงกว่าเดิมแน่ๆ โดยเพิ่มขึ้นจากเดิม 100 บาท เป็นค่าถ่ายรูป แต่ถ้าข้อมูลส่วนตัวผิดไปจากตอนทำบัตรเก่า เช่น มีการย้ายที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน ก็ต้องเสียค่าเปลี่ยนข้อมูลอีก 50 บาท ผมรู้สึกว่าแพง แต่ท่านรอง ฯ ชัยรัตน์ ให้ข้อคิดว่า "จริงๆ แล้ว ค่าใช้จ่ายไม่ต่างกัน แถมไม่ต้องยุ่งยากไปถ่ายรูปที่ร้านในราคาประมาณ 80 บาท เมื่อได้บัตรแล้ว ยังต้องเอามาเคลือบพลาสติคอีก 10 บาท ยังไม่รวมค่าเดินทางไปโนน่มานี่เข้าไปด้วย การทำบัตรใหม่ ทั้งสะดวก และถูกกว่ากันอย่างเห็นได้ชัด" มีข้อดีอื่นๆ อีกไหม ? นอกจากเปลี่ยนได้เร็วแล้ว ข้อดีทีเด็ดก็คือ ใครจะไปประเทศเพื่อนบ้าน หรือบางประเทศที่กรมการขนส่งทางบกตกลงกันไว้ ไม่ต้องไปขอแปลใบขับขี่ เสียเงิน 505 บาทเหมือนแต่ก่อนแล้ว ใบขับขี่รุ่นใหม่ สามารถใช้ได้ถูกต้องตามกฎหมายทันทีในประเทศภูมิภาคอาเซียนที่ประกอบด้วยบรูไน/กัมพูชา/อินโดนีเซีย/ลาว/มาเลเซีย/พม่า/ฟิลิปปินส์/สิงคโปร์/เวียดนาม และล่าสุดจีน อีกทั้งต่อไป จะใช้ได้ที่เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น รวมถึงประเทศในเอเชียอื่นๆ อีกด้วย เรียกได้ว่า บัตรเดียวขับรถได้ทั่วอาเซียน และเกือบทั่วเอเชีย ! ไปเปลี่ยนที่ไหนได้บ้าง ? ปัจจุบัน กรมการขนส่งทางบกได้เปิดให้บริการแล้วตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคมเป็นต้นมา ที่กรมการขนส่งทางบก กรุงเทพมหานคร ส่วนต่างจังหวัดเริ่มให้บริการตามจังหวัดหัวเมืองใหญ่ๆ ซึ่งขณะนี้กำลังติดตั้งระบบ ใครเสร็จก่อน เปิดให้บริการก่อน อยากอัพเดท สอบถามได้เลยที่กรมการขนส่งทางบก โทร. 0-2272-5322, 0-2272-5416 โดยท่านรอง ฯ ชัยรัตน์ ยืนยันว่า จะสามารถให้บริการได้ทุกจังหวัดทั่วประเทศราวกลางปี 2551 เป็นคาร์ดแข็ง ตำรวจจราจรก็บันทึกการตัดแต้มที่หลังบัตร ไม่ได้แล้วสิ ? ไม่บันทึกหลังบัตรแล้วก็จริง แต่ตำรวจจราจรจะคีย์ข้อมูลลงไปในคอมพิวเตอร์ ซึ่งเชื่อมโยงกับกรมการขนส่งทางบก และกรมการปกครอง ได้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น เพียงรูดคาร์ดก็จะรู้ข้อมูลทั้งหมดทันที โดยผลการตัดแต้ม ไม่ว่ามาก หรือน้อย จะยังคงยึดในกติกา และบทลงโทษเดิมทุกประการ แต่สำหรับแฟน "ฟอร์มูลา" ที่ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด ก็ไม่ต้องกลัวอะไรอยู่แล้วนี่ครับ รู้อย่างนี้แล้วเปลี่ยนเถอะ ทั้งสะดวกรวดเร็ว และสารพัดประโยชน์กว่าเดิมเห็นๆ