พิเศษ
กรรมการผู้จัดการ บริษัท อรรถบูรณ์ จำกัด
บริษัท อรรถบูรณ์ จำกัด จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์คลัทช์ และผ้าเบรคยานยนต์ทุกชนิด
รวมทั้งงานโลหะที่เกี่ยวข้องกันมายาวนานเกือบ 3 ทศวรรษ โดยเริ่มต้นจากการนำเข้าสินค้าผ้าเบรค
และคลัทช์จากต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และยุโรป แต่เมื่อทำธุรกิจไประยะหนึ่ง
การนำเข้าเพียงอย่างเดียวไม่สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างเพียงพอ ในปี 2527
จึงจัดตั้งบริษัทลูกขึ้น เพื่อผลิตแผ่นความฝืด คือ แผ่นผ้าคลัทช์ ผ้าเบรค ในจังหวัด นนทบุรี
ประมาณ ปี 2531 สร้างโรงงานประกอบจานคลัทช์ ใช้ชื่อว่า บริษัท เอมคลัตช์อุตสาหกรรม จำกัด ในปี 2534
ร่วมทุนกับบริษัท NIPPON CLUTCH ประเทศญี่ปุ่น
โดยได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) จัดสร้างโรงงานผลิตจานคลัทช์
และงานโลหะที่เกี่ยวข้อง ใช้ชื่อว่า บริษัท ไทย เอ็น เค เค เมทัล จำกัด
ปี 2536 บริษัท เอมคลัตช์อุตสาหกรรม จำกัด เพิ่มสายการผลิตผ้าจานเบรค โดยได้รับเทคโนโลยีจาก บริษัท
FRICTIONTECH CANADA ในปี 2540 นำเข้าเครื่องเจียน
จานเบรค VANNORMAN จากสหรัฐอเมริกา ปี 2541 นำเข้าเครื่องเจียนจานเบรค QUICKWAY จากสหรัฐอเมริกา
ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทต้องเจอกับภาวะวิกฤติอย่างมาก แต่ก็สามารถฝ่าฟันมาจนถึงวันนี้
พร้อมทั้งยังมีการขยายงานอย่างต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ มีความมั่นคงในการดำเนินธุรกิจ
สมศักดิ์ อรรถบูรณ์วงศ์ กรรมการผู้จัดการคนปัจจุบัน เป็นผู้รับนโยบายสานต่อเจตนารมณ์ของผู้บริหารยุคก่อน
ด้วยความรู้และประสบการณ์ในวงการอะไหล่ยานยนต์ทั้งในและต่างประเทศ
ผนวกกับความมุ่งมั่นและตั้งใจจริงในการทำงาน อรรถบูรณ์ ฯ จะก้าวไปในทิศทางใด
คำตอบที่น่าสนใจรอคุณอยู่แล้วในบทสัมภาษณ์ต่อไปนี้
ฟอร์มูลา : อรรถบูรณ์ ฯ จะมีการลงทุนเพิ่มอีกหรือไม่ และในส่วนใดบ้าง ?
สมศักดิ์ : การลงทุนจะเป็นในส่วนของการเพิ่มกำลังการผลิต โดยจะเพิ่มเครื่องจักรที่มีเทคโนโลยีสูงขึ้น
เพื่อผลิตสินค้ารุ่นใหม่ออกสู่ตลาด ซึ่งโรงงานแห่งใหม่ที่เพิ่มจะแล้วเสร็จในปีหน้า
สินค้าที่ผลิตออกมาจะเน้นที่ตลาดส่งออก ลูกค้าหลักจะอยู่ที่สหรัฐอเมริกาถึงร้อยละ 80 ที่เหลือ จะเป็นตลาดในยุโรป
ตะวันออกกลาง ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย โดยโรงงานแห่งใหม่นี้จะลงทุนทั้งอาคาร และเครื่องจักร ประมาณ 40
ล้านบาท
ในส่วนของผ้าเบรค ปัจจุบันมีกำลังการผลิต 2 แสนชุด/ปี ถ้าเพิ่มการผลิตในปีหน้าก็จะเป็นอีกเท่าตัว ส่วนจานคลัทช์
มีกำลังการผลิต 4 แสนชุด/ปี จะเพิ่มโมเดลใหม่ แต่จะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 5 แสนชุด/ปีเท่านั้น
ฟอร์มูลา : สินค้าของบริษัทมีประมาณกี่ชนิด ?
สมศักดิ์ : จะแบ่งออกเป็นหมวดสินค้า มีทั้งสิ้น 16 หมวด คือ 1. ผ้าคลัทช์ 2. ผ้าเบรคม้วน เบรคถัก 3. จานเบรค 4.
ชุดซ่อมยางจานเบรค 5. อุปกรณ์เครื่องมือ ผ้าทราย รีเวท 6. จานคลัทช์รีบิลด์ 7. ก้ามเบรค ทีวีซี 8. ชอคอับ 9.
ผ้าเบรคชุด 10. จานคลัทช์ T-NKK 11. ก้ามเบรค เอมโค โรเทกซ์ 12. จานคลัทช์ใหม่ 13. ผ้าเบรคมอเตอร์ไซค์ 14.
จานกดคลัทช์ 15.จานเบรค ดุมเบรค และ 16. เครื่องเจียน จานเบรค ดุมเบรค
สินค้าทั้งหมดนี้ มีทั้งนำเข้ามาจำหน่ายและผลิตภายในประเทศ ซึ่งจะเป็นแบรนด์ของบริษัทเอง คือ เอมโค โรเทกซ์
และแบรนด์ที่ลูกค้าจ้างผลิต จะเห็นว่าในปัจจุบันฐานการผลิตรถยนต์ส่วนใหญ่ย้ายมาอยู่ที่ประเทศไทยกันหมดแล้ว
และธุรกิจหลักของบริษัทจะเน้นไปที่ผ้าเบรค และผ้าคลัทช์เป็นหลัก
พร้อมทั้งเน้นที่คุณภาพเนื่องจากสินค้าที่บริษัทผลิตนั้นเกี่ยวข้องกับความปลอดภัย
ฟอร์มูลา : เหตุใดจึงต้องร่วมทุนกับต่างประเทศ ?
สมศักดิ์ : อรรถบูรณ์ ฯ เป็นของคนไทย 100 % แต่เนื่องจากมีการแข่งขันกันสูง
จึงจำเป็นที่จะต้องใช้โนฮาวจากต่างประเทศ และต้องให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาสินค้า
จึงจำเป็นที่จะต้องร่วมทุนกับต่างประเทศในด้านการผลิต แต่อย่างไรก็ตามยังยึดมั่นในเรื่องของต้นทุน
คุณภาพจะต้องอยู่ในมาตรฐานสากล รวมถึงการสร้างสินค้าให้เกิดความพึงพอใจสูงสุดกับลูกค้า
ฟอร์มูลา : การได้รับการรับรองมาตรฐานต่างๆ
ทำให้บริษัทคุณได้รับการยอมรับจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นจากเดิมหรือไม่ ?
สมศักดิ์ : ปัจจุบันบริษัทได้รับการรับรองมาตรฐานทั้ง ISO 9002 และมาตรฐานการผลิต BVQI
ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นบันไดที่พาบริษัทก้าวไปที่ละขั้นอย่างมั่นคง และการได้รับการรับรองมาตรฐานต่างๆ
ก็เป็นสิ่งที่ดีที่สินค้าจะสามารถตอบสนองความต้องการของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ๆ ได้ เช่น ฟอร์ด จีเอม
และไครสเลอร์ ส่วนบริษัทในเครือญี่ปุ่น บริษัทสามารถเข้าไปเจาะตลาดได้เกือบหมดแล้ว
ฟอร์มูลา : ถ้าเป็นเช่นนั้นสินค้าของบริษัทก็ครอบคลุมในทุกตลาดแล้วใช่หรือไม่ ?
สมศักดิ์ : สินค้าที่เกี่ยวกับ เบรค คลัทช์ บริษัทมีให้เลือกมากกว่า 200 รายการ
รวมถึงยังมีสินค้าจำหน่ายในหลายกลุ่ม
ทั้งนี้เพื่อเป็นทางเลือกให้กับกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการสินค้าที่แตกต่างกันด้วย
แต่อย่างไรก็ตามบริษัทก็อยากที่จะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคให้เน้นที่คุณภาพของสินค้าเป็นหลัก
ราคาแบ่งตามคุณภาพ ดังจะเห็นได้จากในส่วนของผ้าเบรคที่จะมี 2 ชนิด คือ
แบบไม่มีส่วนผสมใยหิน ในตระกูลของ เอมโค โรเทกซ์ แยกเป็น 2 เกรด คือ กล่องสีเงิน เป็นพรีเมียม และกล่องสีฟ้า
แบบสแตนดาร์ด เนื่องจากรถหรือพฤติกรรมของผู้ขับขี่จะแตกต่างกัน บางคนซื้อรถแบบสแตนดาร์ด ขับไม่เกิน 100
กม./ชม. บางคนซื้อรถมาแต่งขับ 120-160 กม./ชม. ไม่มีสินค้าอะไรที่สามารถตอบสนองได้ทุกพฤติกรรม ถ้ามี
นั่นคือสุดยอดของสินค้า ทุกวันนี้ผู้ผลิตไม่สามารถทำได้ หรือทำไปแล้วมีราคาแพงมาก
สำหรับตอบสนองความต้องการของนิชมาร์เกท เราก็เลยแยกเป็น 2 ส่วน คือ ลูกค้าที่ใช้งานหนัก เช่น
รถพิคอัพบรรทุกหนัก หรือรถที่ใช้ความเร็วสูง ก็จะใช้แบบพรีเมียม แต่ถ้าเป็นรถที่ใช้ความเร็วตามที่ผู้ผลิตกำหนดมา
ก็สามารถใช้แบบสแตนดาร์ดได้
หมวดที่ 2 คือ แบบเกรดใยหิน เนื่องจากความต้องการของคนไทยยังมีอยู่ แต่ตลาดส่งออกในขณะนี้ไม่มีแล้ว
จากในอดีตที่เคยส่งถึงร้อยละ 50-60 สำหรับในไทยยังมีตลาดล่าง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นรถพิคอัพ
ตลาดต่างจังหวัดให้ความสำคัญในเรื่องราคา เนื่องจากมีราคาถูก ประมาณ 200-400 บาท
ในขณะที่พรีเมียมและสแตนดาร์ด มีราคาตั้งแต่ 700-1,000 บาท
ความจริงแล้วเราต้องการเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคให้เหมือนซื้อยา คือ ต้องอ่านที่ฉลาก
อยากจะให้เน้นที่คุณภาพสินค้าเป็นหลัก แล้วราคาแปรผันตามคุณภาพที่เป็นจริง
โดยหาราคาที่มีเหตุมีผลตามความเหมาะสม บริษัทมีนโยบายที่ว่า ชีวิตทุกชีวิตมีคุณค่า
ดังนั้นบริษัทจึงไม่ใช่ผู้ผลิตสินค้าที่ถูกที่สุดในประเทศไทย
ฟอร์มูลา : บริษัทจัดจำหน่ายสินค้าในรูปแบบใดบ้าง ?
สมศักดิ์ : การจัดจำหน่ายของบริษัทจะเน้นกลยุทธ์ไม่ให้สินค้าแข่งขันกันเอง
ส่วนใหญ่ในต่างประเทศจะมีตัวแทนจำหน่าย โดยบริษัทจะเป็นผู้แต่งตั้งตัวแทนในประเทศนั้นๆ
ส่วนในประเทศจะมีหลายรูปแบบ ทั้งผลิตส่งให้ผู้ประกอบรถยนต์โดยตรง แต่งตั้งตัวแทนจำหน่าย
ผลิตให้บริษัทรถยนต์เพื่อไปจำหน่ายในโชว์รูม เป็นต้น
ฟอร์มูลา : คู่แข่งขันในตลาดมีมากน้อยเพียงใด ?
สมศักดิ์ : ในส่วนของแผ่นคลัทช์นั้น คู่แข่งในตลาดจะเป็น เกาหลี อินโดนีเซีย และจีนเริ่มมีของเข้ามา ส่วนผ้าเบรค
การแข่งขันค่อนข้างรุนแรง สินค้าส่วนใหญ่จะเป็นของ จีน อินโดนีเซีย และไต้หวัน
ส่วนในประเทศจะแข่งขันกับบริษัทญี่ปุ่นด้วยกันเอง
สำหรับในประเทศไทยคู่แข่งในตลาดปัจจุบันเป็นคนต่างชาติ ซึ่งตรงนี้บริษัทต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลง
อย่ายึดกับอดีต ควรมองโลกว่ามีวิวัฒนาการการเปลี่ยนแปลงอย่างไร เราต้องรู้ว่าเขาคิดอย่างไร ต้องยอมรับจุดแข็ง
จุดอ่อน และต้องมองเขาด้วยว่าเป็นอย่างไร การบริหาร การจัดการ เทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา เงินทุน
จำเป็นที่จะต้องวิ่งให้ทัน แต่ในฐานะที่อยู่เมืองไทย มองตลาดของเราเอง รู้ว่าคนไทยต้องการอะไร
นั่นแหละคือจุดเด่นของเรา
ฟอร์มูลา : แผนการตลาด และกลยุทธ์ที่วางไว้สำหรับการแข่งขันกับบริษัทข้ามชาติวางแผนอย่างไร ?
สมศักดิ์ : ต้องปรับเรื่องการตลาดใหม่ โดยใช้ หลักการ 4 P คือ ราคา สินค้า ช่องทางการจัดจำหน่าย
และรายการส่งเสริมการขาย พร้อมกันนี้ในส่วนของการผลิตต้องเน้นที่การพัฒนาสินค้า ไม่ว่าเก่าหรือใหม่ให้ดีขึ้น
โดยร่วมมือกับองค์กร และต้องสร้างบริษัทให้มีมาตรฐานสากล ผลิตสินค้าที่ดี มีคุณภาพแข่งขันได้กับต่างประเทศ
เพราะในอนาคตเราจะต้องแข่งขันกับอาเซียน ไม่ใช่เฉพาะแข่งขันกับต่างชาติเท่านั้น เนื่องจากกำแพงภาษีจะหมดไป
เมื่อนำเขตการค้าเสรีมาใช้ ดังนั้นบริษัทจึงเตรียมพร้อมในเรื่องของการลงทุนใหม่
วิเคราะห์หาจุดอ่อน จุดแข็งของตัวเอง ยอมรับ และปรับปรุง ประเมินองค์กร ดูตลาด เราแข่งขันกับต่างชาติ
ต้องคิดแบบต่างชาติ ปรับตัวให้คิดแบบฝรั่ง เพราะที่ผ่านมาคิดแบบเอเชียมาตลอด ฝรั่งคิดอย่างไร นำมาวางกลยุทธ์
ดังนั้นจึงต้องลงทุน 2 ปีที่ผ่านมา บริษัทลงทุนความคิดแบบใหม่ จ้างฝรั่งมาทำงาน ยอมรับความคิดเห็นของลูกค้า
พนักงาน ให้ความสำคัญกับบุคลากร โดยเริ่มคิดใหม่ทำใหม่ แบบฝรั่ง แตกสาขาไม่จบสิ้น
ฟอร์มูลา : วางเป้าหมายขององค์กรไว้อย่างไร ?
สมศักดิ์ : ต้องการให้องค์กรเติบโตร้อยละ 10 ทุกปี ในส่วนการพัฒนาองค์กร ให้มีการฝึกอบรม
เรียนรู้การพัฒนาในบุคลากรทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นภายใน ภายนอก การสื่อสารภายในต้องดีขึ้น กระชับขึ้น
ใกล้ชิดลูกค้ามากขึ้น
ประวัติการศึกษาและการทำงาน
ปริญญาตรี บริหารบัณฑิต สาขาบริหารงานอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
กราฟิคดีไซจ์น จากประเทศญี่ปุ่น
กรรมการผู้จัดการ บริษัท อรรถบูรณ์ จำกัด
กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอม คลัทช์ อุตสาหกรรม จำกัด
รองประธาน บริษัท ไทย เอ็น เค เค เมทัล จำกัด
รองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรม จังหวัดนนทบุรี
กรรมการ SUB CONTRACTOR PROMOTION CLUB
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน ตุลาคม ปี 2545
คอลัมน์ Online : พิเศษ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/240