พิเศษ
สุดยอดการแข่ง ทัวริง คาร์ จากญี่ปุ่น
เจจีทีซี (JGTC - ALL-JAPAN GRAND TOURING CAR CHAMPIONSHIP)
เป็นการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบที่กำลังได้รับความนิยมอย่างสูง มีรถเข้าร่วมการแข่งถึง 40 คัน
ในขณะนี้ถือว่ามากที่สุดในญี่ปุ่น ยอดผู้ชมโดยเฉลี่ยในปีที่แล้วประมาณ 44,486 คน โดยที่การแข่งขันครั้งแรกในปี
1994 มีรถเข้าแข่งเพียงแค่ 18 คัน
เจจีทีซี อยู่ภายใต้การควบคุมของ GT-A หรือ JAPAN GT ASSOCIATION ในปีนี้มีการแข่งขันทั้งสิ้น 8 ครั้งด้วยกัน
โดยมีการเก็บคะแนนสะสมเพื่อชิงตำแหน่งแชมพ์ประจำปี 7 ครั้งจะเป็นการแข่งขันที่สนามแข่งต่างๆ
ในประเทศญี่ปุ่น เช่น ไอดา ฟูจิ สปีดเวย์ ทวินริง โมเตกิ
ซูซูกะ เซอร์กิท โดยแข่งขันนอกประเทศญี่ป่นเพียงสนามเดียวคือที่ เซปัง เซอร์กิท มาเลเซีย
ลักษณะการแข่งขันเป็นแบบ "กึ่งมาราธอน" หรือ SEMI-ENDURANCE มีระยะทางที่ต้องวิ่งประมาณ 200-500 กม.
มีการวางแผนระหว่างการแข่งขัน เช่น จะให้รถแข่งเข้าพิทเพื่อเข้าเซอร์วิศ เปลี่ยนยาง เติมน้ำมัน เมื่อไร
ใครจะเป็นคนขับช่วงแรก ช่วงหลัง ฯลฯ ซึ่งมีผลอย่างมากต่อชัยชนะในแต่ละสนาม
การแข่งขันแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ จีที 500 (เครื่องยนต์มีกำลังสูงสุดไม่เกิน 500 แรงม้า) และ จีที 300
(เครื่องยนต์มีกำลังสูงสุดไม่เกิน 300 แรงม้า) โดยทั้ง 2 รุ่นจะสตาร์ทพร้อมกัน
แต่ผลการแข่งจะแยกเป็นแต่ละประเภท รถแข่งแต่ละคันจะมีผู้ขับ 2 คน เพื่อสลับกันขับ โดยทั้ง 2 คน
จะต้องขับทั้งในรอบควอลิฟายจัดอันดับสตาร์ท และในระหว่างการแข่งขันเพื่อเก็บคะแนนสะสมแชมพ์ประจำปี
โดยนักแข่ง 1 คน จะต้องขับไม่เกิน 2/3 ของระยะทางทั้งหมด การออกสตาร์ทจะเป็นแบบแล่นสตาร์ท (ROLLING
START) ต่างจาก ฟอร์มูลา 1 ซึ่งออกตัวโดยรถแข่งหยุดนิ่งอยู่กับที่ โดยกำหนดให้เข้าพิทอย่างน้อย 1 ครั้ง
เพื่อเติมน้ำมันและเปลี่ยนนักแข่ง
เราได้มีโอกาสได้เดินทางไปชม เจจีทีซี สนามที่ 4 ที่มีชื่อรายการว่า "ทีเอม ทัช เจแพน จีที แชมเพียนชิพ" (TM
TOUCH JAPAN GT CHAMPIONSHIP) ที่สนามแข่ง เซปัง เซอร์กิท ประเทศมาเลเซีย โดยการเชิญของ ฮอนดา
ที่ให้การสนับสนุนรถแข่งในรายการนี้ถึง 5 คัน จาก 5 ทีมแข่ง ซึ่งล้วนแต่เป็นรุ่น เอนเอสเอกซ์ ทั้งสิ้น แต่มีการตกแต่ง
เครื่องยนต์ ระบบรองรับ ฯลฯ ที่แตกต่างกันตามการออกแบบของแต่ละทีม โดยลงแข่งในรุ่น จีที 500
รถที่ใช้แข่งรายการนี้ส่วนใหญ่เป็นรถสปอร์ทชั้นเยี่ยมที่ไม่ค่อยได้มีโอกาสเข้ามาวิ่งในสนามแข่งเมืองไทย เช่น โพร์เช
911 จีที 3 อาร์/แมคลาเรน เอฟ 1/ลัมโบร์กินี ดิอาบโล/ฮอนดา เอนเอสเอกซ์/นิสสัน ซิลวีอา/โตโยตา เอมอาร์-
เอส/โตโยตา ซูพรา/บีเอมดับเบิลยู เอม 3 จีทีอาร์/ดอดจ์ ไวเพอร์ ฯลฯ
รายการนี้มีนักแข่งฝีมือดีเข้าร่วมมากมาย รวมทั้งอดีตนักแข่งฟอร์มูลา 1 เช่น เอริค โคมัส
ใช้รถ นิสสัน สกายไลน์ จีที-อาร์ อดีตแชมพ์โลกจักยานยนต์ เวย์น การ์ดเนอร์ ขับ โตโยตา ซูพรา
นอกจากนี้ยังมีอดีตนักขับทดสอบฟอร์มูลา 1 ทีม แอร์โรว์ ได้แก่ เจเรมี ดูโฟร์ และนักแข่ง ฟอร์มูลา 3000
เข้าร่วมขับเคี่ยวความเร็วบนทางเรียบมากมาย ชาร์ลีส์ ควาน นักแข่งชาวฮ่องกง
ที่เคยมาแสดงฝีมือให้คนไทยได้ชมกันที่พีระ ฯ ในรายการ ASIAN TOURING CAR CHAMPIONSHIP
และได้รับชัยชนะหลายครั้งในการแข่งขัน มาเกา กรองด์ปรีซ์ นอกจากนี้ยังได้แข่งขันรายการ SOUTHEAST ASIAN
PORSCHE CUP SERIES ซึ่งเคยได้รับชัยชนะถึง 5 ครั้งด้วยกัน เขาได้เข้าร่วมการแข่งขัน เจจีทีซี ครั้งนี้ โดยใช้
บีเอมดับเบิลยู เอม 3 จีทีอาร์ เป็นรถแข่งคู่ใจ
ราล์ฟ ไฟร์แมน ขับ ฮอนดา เอนเอสเอกซ์ ทีม โมบิล 1 นากาจิมา เรซิง ซึ่งเป็นทีมของ ซาโตรุ นากาจิมา อดีตนักแข่ง
ฟอร์มูลา 1 ควอลิฟายอันดับ 1 สตาร์ทนำออกไปเป็นคันแรก ท่ามกลางอุณหภูมิที่ร้อนอบอ้าวถึง 35 องศาเซลเซียส
พยายามทิ้งช่วงห่างระหว่างรถแข่งที่วิ่งตามมาให้ได้มากที่สุด ก่อนจะเข้าพิทในรอบที่ 27 เพื่อเปลี่ยนยาง เติมน้ำมัน
และสลับให้ มัตสึดะ ขับต่อจนจบการแข่งขัน โดยมี โตโยตา ซูพรา จาก โตโยตา ทีม ทอมส์ ขับโดย ทสึชิยา
ทีมเมทของ เวย์น การ์ดเนอร์ ไล่ตามมาติดๆ
ในช่วง 2 รอบแรกมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นมากมาย จากจำนวนรถแข่งที่มีมากถึง 39 คัน ฮอนดา เอนเอสเอกซ์ 2 คัน
จากทีม ทากาตะ โดเมะ และ เรย์บริก หมุนออกไปข้างทาง แต่ก็สามารถกลับเข้ามาแข่งต่อได้
นิสสัน สกายไลน์ จีที-อาร์ จากทีม คาสตรอล พิทเวิร์ค และทีมนิสโม สามารถแซงไต่อันดับจากอันดับ 8 และ 11
ขึ้นมาอยู่ที่ 3 และ 4 ตามลำดับ
มีรถแข่งต้องออกจากการแข่งขันไปหลายราย รวมทั้งซูเพอร์คาร์พันธุ์แท้จากอิตาลี ลัมโบร์กินี
ดิอาบโล ขณะขับตามหลังผู้นำในรุ่น จีที 300 มีปัญหาเรื่องเครื่องยนต์ทำให้รถเสียหลัก
หลุดลงไปในบ่อกรวดข้างทาง ต้องออกจากการแข่งขันไปอย่างน่าเสียดายเพียงรอบที่ 5
ในรอบที่ 34 เวย์น การ์ดเนอร์ ขับ โตโยตา ซูพรา พยายามแซงรถแข่ง จากทีม เลอ มองส์ ในช่วงโค้ง
แต่พลาดทำให้ตำแหน่งตกไปอยู่ที่ 5 การ์ดเนอร์ ใช้ความพยายามอย่างหนัก
จนสามารถแซงกลับขึ้นไปเป็นที่ 2 และรักษาตำแหน่งไปจนจบการแข่งขัน
ในรอบที่ 35 โตโยตา ซูพรา หมายเลข 37 ผิดพลาดในการเบรค ทำให้ แมคลาเรน เอฟ 1 จากทีม เยลโลว์ คอร์น
ซึ่งขับตามมาหมุนออกไปข้างทาง ตัวรถได้รับความเสียหายเล็กน้อย
สามารถแข่งต่อได้
ทสึจิโอะ มัตสึดะ เพื่อนร่วมทีมของ ราล์ฟ ไฟร์แมน ขับรถฮอนดา เอนเอสเอกซ์ ทีม โมบิล 1 นากาจิมา เรสซิง
เข้าเส้นชัยเป็นอันดับแรก ทำให้มีคะแนนรวม 43 แต้ม เป็นผู้นำในขณะนี้
ไฟร์แมนกล่าวหลังการแข่งขันว่า "ฮอนดา เอนเอสเอกซ์ หมายเลข 6 ของเรา
สามารถครองตำแหน่งจ่าฝูงตั้งแต่ออกสตาร์ท จากการควอลิฟายด์ได้อันดับ 1 เข้าโค้งขวาสุดทางตรง
ซึ่งเป็นช่วงชุลมุนที่ตื่นเต้นที่สุด ในช่วงนั้นผมเริ่มมั่นใจว่าเราจะมีชัยชนะเช่นเดียวกับในช่วงควอลิฟาย
รถแข่งซึ่งใช้ยางบริดจ์สโตนชนิด ซอฟท์ ในช่วงแรกของการแข่ง ทำให้ต้องเข้าพิทเร็วกว่ารถแข่งคันอื่นๆ ทั้งๆ
ที่น้ำมันยังเหลือพอที่จะวิ่งได้อีก 10 รอบ เป็นชัยชนะที่สมบูรณ์แบบ
ตั้งแต่เริ่มต้นการแข่งรอบแรกไปจนจบการแข่งขัน โดยไม่มีข้อบกพร่องใดๆ เกิดขึ้นเลย ทสึจิโอะ
เพื่อนร่วมทีมของผมขับได้ดี สามารถรักษาตำแหน่งผู้นำไว้ได้ตลอด
เราคงต้องมีการเตรียมพร้อมที่ดีสำหรับการแข่งขันที่ ฟูจิ ประเทศญี่ปุ่น ในเดือนหน้า"
ส่วน มัตสึดะ เพื่อนร่วมทีมกล่าวว่า " ชัยชนะในครั้งนี้มีผลต่อเรามากเพราะ ทีมเราไม่ได้รับคะแนนเลยใน 2
สนามสุดท้ายที่ผ่านมาในญี่ปุ่น ไฟแมนพยายามทิ้งห่างผู้ที่ขับตามมา
และเมื่อผมเปลี่ยนมาขับก็พยายามรักษาตำแหน่งที่หนึ่งไปจนจบการแข่งขัน
เราให้ความสำคัญมากกับการแข่งขันครั้งนี้มาก ในระหว่างการแข่งผมไม่สามารถดื่มน้ำในขวดที่เตรียมไว้ได้เลย
ทำให้รู้สึกเหนื่อยมาก ผมรู้สึกดีใจกับชัยชนะในครั้งนี้"
นับเป็นชัยชนะครั้งแรกของฮอนดา ในสนาม เซปัง ส่วน โตโยตา ได้รับชัยชนะที่นี่เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ฮอนดา เอนเอสเอกซ์
เข้าเส้นชัยในอันดับที่ 1/5/6/10 และ13 สามารถวิ่งจนจบการแข่งทั้ง 5 คัน ส่วนอันดับ 2 และ 3 เป็นรถโตโยตา ซูพรา
ส่วน นิสสัน สกายไลน์ จีที-อาร์ เข้าที่ 4
ขอบขอบคุณ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด และ
บริษัท เอเชี่ยน ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด
เอื้อเฟื้อการเดินทางไปทำข่าวในครั้งนี้
เรื่องโดย : อัฐฒา นายเรือ
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน กันยายน ปี 2545
คอลัมน์ Online : พิเศษ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/23