เคล็ดลับความสำเร็จของ เพนท์ แอนด์ ฟิกซ์

พีรพล มานะกิตติ หรือที่เรียกกันง่ายๆ ว่า "พี" ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท เม็คคานิก้า ออโต้ซิส จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจ ศูนย์บริการซ่อมสี-ตัวถังรถยนต์ เพนท์ แอนด์ ฟิกซ์ และ บริษัท เปอโยต์ เดอ ธนบุรี จำกัด เป็นหนุ่มวัย 30 ปี แต่ผ่านประสบการณ์มามากมายเกินอายุ "ผมได้ทำงานตั้งแต่เรียนจบพาณิชย์ ใน ส่วนสินเชื่ออุตสาหกรรม พาณิชย์ ธนาคารทหารไทย สำนักงานใหญ่ หลังจากนั้นก็ย้ายไปทำในส่วนวิเคราะห์สินเชื่อ ฝ่ายส่วนควบคุมและติดตามสินเชื่อ ธนาคารกรุงเทพ" หลังจบการศึกษาสาขาการบัญชี จากพาณิชยการธนบุรี พี ก็ได้ศึกษาต่อ สาขาการตลาด คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ในปี 2538 และมินิเอมบีเอ ที่มหาวิทยาลัยหอการค้า จนกระทั่งปี 2537 ก็หันเหจากหนุ่มธนาคารไปเป็น ฝ่ายการตลาด บริษัท เอส ซี แอล มอเตอร์ส พาท จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทค้าอะไหล่ รถยนต์ ในปี 2542 พี ได้รับการชักชวนให้ไปทำงาน ฝ่ายขาย การตลาด ลูกค้าสัมพันธ์ ของบริษัท เม็คคานิก้า ออโต้ซิส จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจ ศูนย์บริการซ่อมสี-ตัวถังรถยนต์ เพนท์ แอนด์ ฟิกซ์ และ บริษัท เปอโยต์ เดอ ธนบุรี จำกัด ซึ่งเขาบอกว่างานของสองบริษัทนี้แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ศูนย์บริการซ่อมสี-ตัวถังรถยนต์ เพนท์ แอนด์ ฟิกซ์ ถือว่าเป็นธุรกิจใหม่ที่ ท้าทายดี และทำงานยากกว่า เพราะเขาต้องทำเองทุกอย่าง คิดวางแผน ติดต่อประสานงาน ให้ความรู้ และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ส่วนงานอีกบริษัทนั้นเพื่อรับนโยบายจากบริษัทแม่มาปฏิบัติตาม จึงไม่ต้องทำอะไรมากนัก "ผมว่าการทำงานอย่างนี้ก็รู้สึกเหนื่อยนะ เพราะเป็นธุรกิจใหม่ คนยังไม่รู้จัก ไม่เข้าใจคอนเซพท์ต้องอธิบายให้คนรู้จักธุรกิจ แต่ผมโชคดีที่เข้ามาวางแผนตั้งแต่แรก และได้ดูแลงานทั้งหมด พีรพล หมายถึงงานที่ เพนท์ แอนด์ ฟิกซ์" พีรพล ต้องเข้าไปเรียนรู้ ตั้งแต่การประเมินราคารถยนต์ การตีราคา ระบบโครงสร้าง ชิ้นส่วน เมื่อรถเกิดการชนต้องรู้ว่าจะกระทบกับอะไรบ้าง "อยู่ที่นี่ผมโชคดีที่ผู้ใหญ่ให้โอกาสในการทำงาน ดังนั้นผมจึงต้องนำประสบการณ์ที่ผ่านมาผสมผสานให้งานประสบความสำเร็จและเป็นไปตามเป้าหมาย ซึ่งมันเป็นเรื่องยากพอสมควรสำหรับธุรกิจนี้ และยิ่งตอนนี้ด้วยแล้ว เริ่มมีคู่แข่งเกิดขึ้นมามาก ทำให้ต้องพลิกแพลงการตลาดหลายด้าน" การเริ่มต้นจากศูนย์จนกระทั่งขณะนี้มีผู้ค้าในธุรกิจนี้มากขึ้น ทำให้ พีรพล รู้สึกภูมิใจที่ตัดสินใจมาทำงานที่ท้าทายนี้ เพราะมีความตั้งใจว่าจะยกระดับให้เหมือนกับร้านเซเวน อีเลเวน มีแบรนด์รอยัลที มีการขยายสาขาเพิ่มขึ้นอีกในอนาคตเพื่อให้บริการลูกค้า ในระยะยาวอาจจะมีการทำเป็นแฟรนไชน์ด้วย "ผมทำงานจนถึงตอนนี้ 10 ปีแล้ว เป็นมือปืนรับจ้างที่ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง แต่ก็ตั้งเป้าว่าจะทำธุรกิจของตัวเอง ตอนเด็กๆ อยากทำธุรกิจส่งออกแต่ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร ถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ มันคืออนาคต" สำหรับวันนี้ พีรพล คิดว่าการตลาดไม่ได้สิ้นสุดอยู่ที่ 4 P เหมือนเมื่อก่อนแล้ว แต่ต้องมองที่พฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าด้วย หรือนี่จะเป็นเคล็ดลับความสำเร็จของเขา เพนท์ แอนด์ ฟิกซ์