ธุรกิจ
เปิดโฉมแล้วในเยอรมนีเบาแต่แรงกว่ารถรุ่นปัจจุบัน
รถสปอร์ทม้าลำพองตัวใหม่
เปิดโฉมแล้วในเยอรมนีเบาแต่แรงกว่ารถรุ่นปัจจุบัน
เยอรมนี-ยอดผู้ผลิตรถสปอร์ทของเมืองมะกะโรนี ใช้เวทีหมุนขนาดยักษ์ในงานมหกรรมยานยนต์ฟรังค์ฟวร์ทครั้งที่ 62 เป็นที่เปิดตัวรถสปอร์ทม้าลำพองตัวใหม่ มีน้ำหนักตัวเบากว่าและติดตั้งเครื่องยนต์แรงกว่ารถรุ่นปัจจุบัน มีชื่อรุ่นว่า แฟร์รารี 430 สกูเดรีอา (FERRARI 430 SCUDERIA)
รถสปอร์ทม้าลำพองตัวใหม่ ซึ่งมีกำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ที่งานมหกรรมยานยนต์ฟรังค์ฟวร์ทในเยอรมนี ในวันอังคารที่ 11 กันยายน 2007 (ซึ่งเป็นวันที่จัดไว้เป็นพิเศษสำหรับสื่อมวลชน หรือที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า PRESS DAY) เป็นรถรุ่นใหม่ซึ่งพัฒนาจากรถรุ่นปัจจุบัน ที่อยู่ในตลาดมาตั้งแต่ปลายปี 2004 และเป็นรถสปอร์ทขายดีที่สุดของค่ายนี้ คือ แฟร์รารี เอฟ 430 (FERRARI F430)
แฟร์รารี ระบุว่า เป้าหมายสำคัญของการออกแบบและพัฒนาม้าลำพองตัวใหม่นี้ ก็เพื่อแสดงให้เห็นว่า จะสามารถนำเทคโนโลยีที่ได้รับจากการแข่งรถ ฟอร์มูลา-1 ชิงแชมพ์โลก มาใช้ในรถตลาดได้ดีเพียงใด นอกเหนือจากความพยายามที่จะลดน้ำหนักตัวของรถรุ่นเดิมให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งผลลัพธ์จากความพยายามดังกล่าว โดยการปรับปรุงรายละเอียดต่างๆ และแทนที่ชิ้นส่วนบางชิ้นด้วยวัสดุมวลเบา รวมทั้งตัดอุปกรณ์ตกแต่งที่ไม่จำเป็นออกไป ก็ปรากฏผลว่า สามารถลดน้ำหนักตัวได้ประมาณ 100 กก. คือ มีน้ำหนักตัวเปล่าแค่ 1,250 กก.
สำหรับเครื่องยนต์ที่ใช้ในรถรุ่นนี้ ยังคงเป็นเครื่อง DOHC วี 8 สูบ 4,308 ซีซี บลอคเดิม แต่ปรับแต่งเป็นพิเศษ ทำให้ได้ม้าเพิ่มขึ้นอีก 20 ตัว คือ กำลังสูงสุดเพิ่มขึ้นจาก 490 เป็น 510 แรงม้า
กำลังเครื่องยนต์ที่สูงขึ้น สวนทางกับน้ำหนักตัวที่เบาลงนี้ ส่งผลให้ แฟร์รารี 430 สกูเดรีอา กลายเป็นรถสปอร์ทที่มีค่า "อัตราส่วนกำลังต่อน้ำหนักตัว" (POWER TO WEIGHT RATIO ที่สูงเป็นพิเศษ คือ สูงถึง 408 แรงม้า/ตัน นั่นเทียว
นอกจากเครื่องยนต์ที่ปรับแต่งเป็นพิเศษดังกล่าวแล้ว แฟร์รารี ยังให้รายละเอียดด้วยว่า ระบบเกียร์ 6 จังหวะ ที่ใช้ในรถรุ่นใหม่นี้ ก็ได้รับการพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษเช่นกัน คือ มีการติดตั้งซอฟท์แวร์ตัวใหม่ มีชื่อว่า ซูเพอร์ฟาสต์ (SUPERFAST) ซึ่งช่วยให้สามารถเปลี่ยนจังหวะเกียร์ได้ในเวลาเพียง 60 มิลลิวินาที (60 ใน 1,000 ของวินาที) คือ เร็วพอๆ กับรถแข่งฟอร์มูลา-1 ของ แฟร์รารี รุ่นปี 1999 นั่นเอง
แฟร์รารี ไม่ได้ระบุตัวเลขสมรรถนะ แต่คาดหมายกันว่า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.น่าจะใช้เวลาต่ำกว่า 4.0 วินาที ส่วนค่าตัวเมื่อคิดเป็นเงินไทย คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 10 ล้านบาท ไม่ขาดไม่เกินสักเท่าไร
บอกเป็นข้อมูลไว้สักนิดว่า ก่อนการปรากฏตัวของรถรุ่นใหม่นี้ แฟร์รารี มีรถสปอร์ทม้าลำพองให้ลูกค้าเลือกใช้รวม 4 รุ่น แยกเป็นรถติดตั้งเครื่องยนต์ วี 8 สูบ 2 รุ่น และรถติดตั้งเครื่องยนต์ วี 12 สูบ 2 รุ่น
รถเครื่อง วี 8 สูบ คือ แฟร์รารี เอฟ 430 (FERRARI F430) กับ แฟร์รารี เอฟ 430 สไปเดอร์ (FERRARI F430 SPIDER) ติดตั้งเครื่อง DOHC วี 8 สูบ 4,308 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 490 แรงม้า ที่ 8,500 รตน.
ส่วนรถเครื่อง วี 12 สูบ คือ แฟร์รารี 599 จีทีบี ฟีโอราโน (FERRARI 599 GTB FIORANO) ติดตั้งเครื่อง DOHC วี 12 สูบ 5,999 ซีซี 620 แรงม้า และ แฟร์รารี 612 สกาลีเญตตี (FERRARI 612 SCAGLIETTI) ติดตั้งเครื่องยนต์ DOHC วี 12 สูบ 5,748 ซีซี 540 แรงม้า
ย่อยข่าว
* ญี่ปุ่น-มาซดา มอเตอร์ คอร์พอเรชัน (MAZDA MOTOR CORPORATION) ผลิตรถเครื่องยนต์โรตารีออกจำหน่ายเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1967 รถรุ่นดังกล่าวมีชื่อในญี่ปุ่นว่า มาซดา คอสโม สปอร์ท (MAZDA COSMO SPORT) แต่เปลี่ยนเป็น มาซดา 110 เอส (MAZDA 110S) เมื่อออกสู่ตลาดในต่างประเทศ เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 40 ปี ของเครื่องยนต์โรตารีดังกล่าวนี้ มาซดา จึงผลิตรถสปอร์ท มาซดา อาร์เอกซ์-8 รุ่นพิเศษ ซึ่งจำกัดจำนวนผลิตไว้เพียง 200 คัน ออกจำหน่ายในเมืองปลาดิบ โดยตั้งชื่อรุ่นว่า MAZDA RX-8 ROTARY ENGINE 40TH ANNIVERSARY รถรุ่นนี้ติดตั้งเครื่องยนต์โรตารีขนาด 654x2 ซีซี 250 แรงม้า มีระบบเกียร์ให้เลือก 2 แบบ คือเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ กับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ มีการตกแต่งทั้งภายนอกและภายในในหลายๆจุด ที่แตกต่างจากรถรุ่นสามัญ ตัวอย่างคือ ห้องโดยสารบุหนังแท้สีดำสลับสีเงิน สไตล์เดียวกับรถ มาซดา คอสโม สปอร์ท ในอดีต สนนราคาค่าตัวที่กำหนดไว้สำหรับรถรุ่นพิเศษนี้ คือ 3.15 ล้านเยน หรือเท่ากับประมาณ 0.88 ล้านบาทไทย
* ญี่ปุ่น-มาซดา มอเตอร์ คอร์พอเรชัน ซึ่งเริ่มการผลิตสินค้ารถยนต์เป็นครั้งแรกเมื่อเดือนตุลาคม 1931 ใช้เวลา 75 ปี 9 เดือน ในการผลิตรถยนต์ในญี่ปุ่นครบ 40 ล้านคัน รถ มาซดา คันที่ 40,000,000 หลุดจากสายการผลิตของโรงงานซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองฮิโรชิมา เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เป็นรถ มาซดา เดมีโอ (MAZDA DEMIO) ซึ่งผลิตสำหรับตลาดญี่ปุ่น ผู้ผลิตญี่ปุ่นรายนี้เริ่มต้นธุรกิจรถยนต์ด้วยการผลิตรถบรรทุกขนาดเล็ก ก่อนที่จะก้าวกระโดดครั้งสำคัญในปี 1960 ด้วยการผลิตรถยนต์นั่งออกจำหน่ายเป็นครั้งแรก เป็นรถขนาดมีนี มีชื่อว่า มาซดา อาร์ 360 คูเป (MAZDA R360 COUPE)
* ยุโรป-ตามตัวเลขจากการรวบรวมของนิตยสารรถยนต์ชั้นนำฉบับหนึ่งของยุโรป คือ ออโทโมทีฟ นิวส์ ยุโรป (AUTOMOTIVE NEWS EUROPE) ในปี 2006 บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่ทำยอดขายเป็นคันได้สูงที่สุดในโลก คือ โตโยตา มอเตอร์ คอร์พอเรชัน (TOYOTA MOTOR CORPORATION) แห่งประเทศญี่ปุ่น ในรอบปีดังกล่าว ผู้ผลิตรถยนต์ซึ่งมีรถอยู่ในเครือข่ายรวม 5 ยี่ห้อ คือ โตโยตา (TOYOTA) เลกซัส (LEXUS) ไดฮัทสุ (DAIHATSU) และ ไซออน (SCION) สามารถทำยอดขายในตลาดทั่วโลกได้รวมทั้งสิ้นประมาณ 8,808,000 คัน โดยเบียด เจเนอรัล มอเตอร์ส คอร์พอเรชัน (GENERAL MOTORS CORPORATION) ซึ่งยึดครองอันดับ 1 มานมนานหลาย 10 ปี ลงไปเป็นอันดับ 2 โดยมีผู้ผลิตรายอื่นๆ ตามมาใน 10 อันดับแรก ดังนี้
1. โตโยตา มอเตอร์ 8,808,000 คัน
2. เจเนอรัล มอเตอร์ส 8,679,900 คัน
3. ฟอร์ด มอเตอร์ 6,008,000 คัน
4. กลุ่มโฟล์คสวาเกน 5,720,100 คัน
5. ไดมเลร์ ไครสเลอร์ 4,748,500 คัน
6. ฮันเด/เกีย 3,753,400 คัน
7. ฮอนดา มอเตอร์ 3,550,000 คัน
8. นิสสัน มอเตอร์ 3,477,800 คัน
9. เปอโฌต์/ซีตรอง 3,365,900 คัน
10. กลุ่ม เรอโนลต์ 2,433,400 คัน
เรื่องโดย : ชูศักดิ์ ชมจินดา
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน ตุลาคม ปี 2550
คอลัมน์ Online : ธุรกิจ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/14507