ท่องเที่ยว
ภาพวาดฉงน ยุคบรรพกาล และเรื่องเล่าขานชวนระทึก
ผาแต้ม เพิงผาที่ทอดยาวเคียงคู่แม่น้ำโขงมาตั้งแต่บรรพกาล ผ่านพ้นวันเวลามากว่า 3,000 ปี มีเรื่องราวจารึกเล่าขานว่า เป็นเพิงผาถิ่นอาศัยเก่าแก่ของมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์ ใต้เพิงผาแห่งนี้จึงมีภาพเขียนฝาผนังครั้งโบราณที่ยาวที่สุดในโลกซ่อนอยู่
....................................................................................................................................................
เรื่องเล่าต่อกันมา "ภูผามรณะ"
ใครคนหนึ่งเดินลัดเลาะไปตามเพิงผารกร้างเพียงลำพัง ข้างกายรายรอบด้วยผืนป่ารกชัฏ ระคนเสียงลมพัดปะทะหน้าผาสูงชัน ครั้นแหงนหน้าขึ้นมองบนเพิงผา สายตาประจักษ์ว่ามีภาพปรากฏอยู่ละลานตา
ทั้งภาพเขียนสีรูปสัตว์และเส้นสายที่ยากจะคาดเดาในความหมาย พร้อมเสียงนกแสกร้องก้องกังวานไพร ชวนให้ขนลุก จนพลันคิดว่าสถานที่แห่งนี้คงเคยมีเจ้าของ ภาพที่ปรากฏอาจเป็นสัญลักษณ์สำแดงอำนาจของผู้ที่ครอบครองอาณาบริเวณนี้มาก่อน
ใครคนนั้นรีบสาวเท้าก้าวออกจากเพิงผาด้วยอาการตื่นตระหนก เสียงห้ามเด็ดขาดมิให้ย่างกรายเข้าไปในเขตเพิงผาสูงริมแม่น้ำใหญ่ที่ปู่และพ่อสั่งไว้ ดังสำทับขึ้นในโสตประสาท เขาไม่กล้าเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง นอกจากเพื่อนสนิทที่สาบานว่าจะไม่แพร่งพรายให้คนอื่นรู้
ไม่กี่วันต่อมาไข้ป่าก็พรากชีวิตเขาไป ความลับถูกเปิดเผย มีเสียงเล่าลือตอกย้ำความเชื่อที่พ่อแก่แม่เฒ่าเล่าขานกันมานานว่า สถานที่นั้นคือ "ภูผามรณะ" ที่พร้อมจะปลิดชีวิตผู้หาญกล้าท้าทายอำนาจลึกลับ และแน่นอนว่าความเชื่อนั้นแลกมาด้วยชีวิตของคนที่คิดว่ากล้า...คนแล้วคนเล่า
....................................................................................................................................................
เช้ามืดวันที่เรามองเห็นดาวพรั่งพราวบนท้องฟ้า หน้าผาสูงชันริมฝั่งลำน้ำโขง เขต อ. โขงเจียม จ. อุบลราชธานี แม้จะมีเสียงคุยกันของนักท่องเที่ยวดังระงม แต่บรรยากาศของผาแต้ม ยังเร้าใจให้เราจินตนาการถึงสมญานาม "ภูผามรณะ" ที่ชาวบ้านย่านนี้เคยขนานนามให้ ก่อนที่นักศึกษาและคณาจารย์คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร มาสำรวจอย่างจริงจังในปี 2524 ส่งผลให้มีการขึ้นทะเบียนหน้าผาแห่งนี้เป็น "โบราณสถานของชาติ" ในปีต่อมา
ภาพเขียนเหล่านี้คือหลักฐานยืนยันว่า แม้อุบลราชธานีจะเริ่มสร้างบ้านแปงเมืองเอาเมื่อราว 200 กว่าปีก่อน แต่พื้นที่ริมฝั่งลำน้ำโขงแถบนี้ เคยมีชุมชนเกิดขึ้นก่อนหน้านานแล้ว ที่สำคัญคือเป็นชุมชนที่มีอารยธรรม โดยรังสรรค์ภาพเขียนไว้ตามเพิงผา ซึ่งจากการตรวจสอบด้วยกระบวนวิธีทางวิทยาศาสตร์แบบ คาร์บอน 14 พบว่าเป็นภาพเขียนสีที่มีอายุเก่าแก่กว่า 3,000 ปีขึ้นไป ดำรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ไม่ด้อยไปกว่าแหล่งอารยธรรม บ้านเชียง จ. อุดรธานี แม้แต่น้อย
กลุ่มภาพเขียนสีของมนุษย์โบราณที่โขงเจียม แบ่งเป็น 4 จุดใหญ่ คือ ผาขาม ผาแต้ม ผาหมอน และผาหมอนน้อย แต่โดดเด่นที่สุดคือ ผาแต้ม มีภาพคน สัตว์ และสิ่งของ กว่า 300 ภาพ กระจายอยู่บนพื้นที่เพิงผายาวกว่า 180 เมตร จัดเป็นภาพเขียนสีของมนุษย์โบราณที่อลังการที่สุดแห่งหนึ่งของโลก รูปที่ชัดเจนคือ ช้าง วัว หมา ปลาบึก เต่า แต่ที่น่าสนใจมากคือ ภาพสิ่งของคล้าย "ตุ้ม" หรือเครื่องมือจับปลาขนาดใหญ่ของชาวอีสาน บ้างก็ว่านี่เป็นรูปคนใส่เสื้อคลุม สวมหัวรูปสามเหลี่ยมแบบ ผีตาโขน กำลังทำพิธีกรรมอะไรบางอย่าง
อีกรูปหนึ่งเป็นลายเส้นคล้ายลูกคลื่นในแม่น้ำ ซึ่งนักโบราณคดียังถอดรหัสภาพนี้ออกมาไม่ได้ ทว่าที่ชัดเจนจนแทบไม่ต้องตีความคือ ภาพเขียนสีที่ผาหมอนน้อยเป็นรูปคนกำลังปลูกธัญพืชคล้ายข้าว มีสัตว์สี่เท้าที่น่าจะเป็นวัวหรือควายยืนอยู่กลางผืนนา ใกล้ๆ กันเป็นรูปคนกำลังล่าสัตว์ นี่อาจเป็นประจักษ์พยานสำคัญที่สุดที่ยืนยันว่า ผู้คนในภูมิภาคนี้มีภูมิปัญญาในการปลูกข้าวมานานกว่า 3,000 ปี นอกเหนือไปจากจับปลาและล่าสัตว์
สิ่งที่น่าทึ่งจนต้องเกิดคำถามคือ มนุษย์ใช้อุปกรณ์ใดในการวาด และใช้วัสดุใดเป็นสีที่อยู่คงทนมานานกว่า 3 สหัสวรรษเช่นนี้ ?
จากการค้นคว้าของนักโบราณคดีพบว่า แปรงหรือพู่กันน่าจะทำจากเปลือกไม้ทุบปลาย หรือจากขนสัตว์ สีได้มาจากแร่เฮมาไทต์ หรือแร่เหล็กแดง หรือจากดินแดงในบ่อแลง หรือจากเมล็ดคำแสดและยางต้นติ้ว จากนั้นก็ใช้ยางไม้หรือไขสัตว์ น้ำผึ้ง น้ำคั้นจากพืชบางชนิด หรืออาจรวมถึงเลือด เป็นตัวประสานให้สีติดแน่นบนเพิงผาได้นาน ส่วนวิธีการวาด ก็มีตั้งแต่เอามือชุบสีแล้วแล้วทาทับบนผนังหิน เอามือทาบผนังแล้วพ่นสี บางทีก็ใช้แปรงหรือพู่กันวาดอิสระแบบ ฟรีแฮนด์ ไปจนกระทั่งใช้เหล็กขูดบนพื้นผนังหิน แล้วเติมสีลงไปก็มี การวาดด้วยมือถือเป็นทักษะอย่างต้นๆ ของมนุษย์ในห้วงเลาที่กำลังพัฒนาสู่อารยธรรมที่สูงกว่า
อย่างไรก็ตาม ภาพเขียนเหล่านี้ถูกโยงเข้ากับลานหินที่มีกลุ่มก้อนหินวางเรียงกันเป็นรูปวงกลมขนาดใหญ่เหนือผาขาม ที่นักโบราณคดีเรียก "คอกหิน" สันนิษฐานว่าทั้งการวาดภาพและการวงหิน เป็นการประกอบพิธีกรรมของคนสมัยโบราณที่เรียกว่าพิธีหินตั้ง แบบเดียวกับ ทุ่งไหหิน ในลาว และสโตนเฮนจ์ ในอังกฤษ มีความเชื่อว่าวิญญาณของผู้ล่วงลับไปแล้ว มีพลังดลบันดาลโชคลาภและความอุดมสมบูรณ์ให้ลูกหลานที่ยังมีชีวิตอยู่ได้ โดยมี หินตั้ง และภาพเขียนสีเป็นสะพานเชื่อมโยงสะท้อนการดำรงชีวิตในอดีต
วันนี้ ผาแต้ม ผาที่ถูกแต้มสีเป็นรูปต่างๆ ไว้อย่างน่าดู เป็นแหล่งเรียนรู้ทางโบราณคดีล้ำเลอค่า ทั้งยังมีจุดชมวิวแม่น้ำโขงที่งดงามตระการตา ทำให้นักท่องเที่ยวต่างหลั่งไหลมาเยี่ยมเยียนไม่ขาดสาย
แต่เวลาอันยาวนานนับพันปีที่ต้องตากแดด เผชิญลมและฝน ทั้งยังต้องประมือกับนักท่องเที่ยวบางคนที่ไร้จิตสำนึก ทำให้ภาพวาดซีดจางลงทุกวัน ถ้าไม่คิดช่วยกันรักษาต่อไป ผาแต้มคงเป็นได้แค่เพียงตำนานไว้เล่าขานให้ลูกหลานของเราฟัง...
ข้อมูลการเดินทาง
รถยนต์ส่วนตัว
- จากกรุงเทพ ฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) ไปสระบุรี เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 24 (สายโชคชัย-เดชอุดม) ไปจนถึงอุบลราชธานี หรือใช้เส้นทางกรุงเทพ ฯ-นครราชสีมา แล้วเข้าทางหลวงหมายเลข 226 ผ่านบุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ จนกระทั่งถึงอุบลราชธานี
- จากตัวเมืองอุบล ฯ ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 217 และ 2222 ระยะทางประมาณ 110 กิโลเมตร สู่ อ. โขงเจียม จากนั้นขับต่อไปตามทางหลวงหมายเลข 2134 ตรงไป ระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร ถึงสามแยกมีป้ายบอกทางไปผาแต้ม เลี้ยวขวา เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 2112 ตรงไปอีกประมาณ 9 กิโลเมตร ด้านขวาเป็นที่ตั้งของสถานีอนามัยบ้านหนองผือน้อย ตรงสามแยกเล็กๆ เลี้ยวขวาเข้าไปตามถนนลาดยางประมาณ 3 กิโลเมตร จนถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติผาแต้ม
หมายเหตุ อุทยานแห่งชาติผาแต้มปรับขึ้นอัตราค่าบัตรผ่านเข้าอุทยานแห่งชาติสำหรับชาวไทยจากเดิมผู้ใหญ่ 20 บาท เป็น 40 บาท และเด็กจาก 10 บาท เป็น 20 บาท ส่วนชาวต่างประเทศผู้ใหญ่จาก 200 บาท เป็น 400 บาท และเด็ก จาก 100 บาท เป็น 200 บาท
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่อุทยานแห่งชาติผาแต้ม ตู้ ปณ. 5 ตำบลห้วยไผ่ อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี 34220 โทรศัพท์ (045) 249-780 โทรสาร (045) 246-333 อี-เมล์ Phataem_3@hotmail.com หรือเวบไซท์ www.dhp.go.th
ขอขอบคุณ บริษัท ซันยอง (ประเทศไทย) จำกัด สนับสนุนการเดินทาง
ที่พัก ที่กิน
อารยา รีสอร์ท
ที่ตั้ง อ. โขงเจียม จ. อุบลราชธานี
บรรยากาศ ห้องพักสะอาด ในบรรยากาศส่วนตัว ใกล้แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ เช่น ผาแต้ม แม่น้ำสองสี ฯลฯ
ราคา 400-1,500 บาท/คืน
ติดต่อ (045) 351-191
ที่กิน
ห้องอาหารอินโดจีน
ที่ตั้ง อ. เมือง จ. อุบลราชธานี
บรรยากากาศ อิ่มอร่อยกับอาหารเวียดนาม หลากหลายเมนู เช่น หมูย่างใบมะกรูด ยำหัวปลีข้าวเกรียบงา ฯลฯ
ติดต่อ (045) 254-4126
พิกัด จีพีเอส (ภาพอยู่ใน macdata/ 4wheels/ 4 Apr 2007/ Ubon )
001 N15.19862 E104.86237
002 N15.31428 E105.49872
003 N15.39957 E105.50772
004 N15.40391 E105.50172
เรื่องโดย : ถาวร
นิตยสาร 4wheels ฉบับเดือน เมษายน ปี 2550
คอลัมน์ Online : ท่องเที่ยว
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/14087