ทั่วไป
ค่าย โวลโว ฉีกหนีจากรูปทรงแบบกล่อง โดยมี สตีฟ แมททิน มาเป็นหัวเรือใหญ่ด้านการออกแบบให้กับทางค่าย เปิดตัวโครงการแรกด้วย เอกซ์ซี 60 (XC60) ที่กะทัดรัด และปราดเปรียว ซึ่งเป็นการกำหนดทิศทางรูปแบบของ โวลโว ในอนาคต
โวลโว
เปิดตัวรถแนวคิดคันใหม่ เอกซ์ซี 60
ค่าย โวลโว ฉีกหนีจากรูปทรงแบบกล่อง โดยมี สตีฟ แมททิน มาเป็นหัวเรือใหญ่ด้านการออกแบบให้กับทางค่าย เปิดตัวโครงการแรกด้วย เอกซ์ซี 60 (XC60) ที่กะทัดรัด และปราดเปรียว ซึ่งเป็นการกำหนดทิศทางรูปแบบของ โวลโว ในอนาคต
เอกซ์ซี 60 มีเป้าหมายเจาะกลุ่มเอสยูวีทางเรียบ ซึ่งขณะนี้มี บีเอมดับเบิลยู เอกซ์ 3 และแลนด์ โรเวอร์ ฟรีแลนเดอร์ กำลังครองตลาดอยู่ จากการคาดหมายในอีก 2-3 ปีข้างหน้า รถกลุ่มนี้จะมีส่วนแบ่งในตลาดถึง 75 %
เอกซ์ซี 60 ถูกออกแบบสำหรับการรองรับงานบนทางเรียบ โดยมีระยะห่างใต้ท้องค่อนข้างต่ำ ช่องหน้าต่างแคบ และด้านข้างมีส่วนเว้าโค้ง เอวคอด สไตล์สปอร์ทคูเป
โวลโว เพิ่มมาตรฐานความปลอดภัยในการขับขี่ขึ้นไปอีกระดับ ด้วยการเพิ่มระดับความเร็วในการป้องกันการชนขึ้นไปถึงระดับความเร็ว 32 กม./ชม. โดยการทำงานอัตโนมัติของระบบห้ามล้อ
ภายนอกได้ถูกปรับเปลี่ยนใหม่หมด ทั้งรูปทรงที่งดงาม ตรา โวลโว ที่ปรับขนาดใหญ่ขึ้น และกระจังหน้าทรงสี่เหลี่ยมคางหมู
หลายจุดที่ เอกซ์ซี 60 ใช้ชิ้นส่วน และเทคโนโลยีร่วมกับ แลนด์ โรเวอร์ ฟรีแลนเดอร์ ใหม่ แต่ลึกลงไปในรายละเอียด ทั้ง 2 รุ่นมีความแตกต่างกัน โดยเฉพาะระบบรองรับในด้านหลัง ที่ใช้ระบบรองรับมัลทิลิงค์ของ ฟอร์ด ซึ่งใช้อยู่ใน เอส 80 อยู่แล้ว
สำหรับเครื่องยนต์จะมีให้เลือกทั้ง ดีเซล 5 สูบ 2.4 ลิตร และเบนซิน 3.2 ลิตร 280 แรงม้า ผู้โดยสารภายในห้องโดยสารจะถูกปกป้องจากการชนด้วย SIPS (SIDE-IMPACT CRUSH STRUTURE)
โฟล์คสวาเกน
เผยโฉมเครื่องยนต์ไฮบริด ตอบรับกระแสประหยัดพลังงาน
ค่าย โฟล์คสวาเกน จะเปิดตัวรถเครื่องยนต์ไฮบริด ภายในปี 2552 ในตลาดสหรัฐอเมริกาเท่านั้น โดยมีแผนที่จะเปิดตัวรถรุ่น เจททา (JETTA) เครื่องยนต์เบนซิน-ไฟฟ้า
โดยใช้เครื่องยนต์ TSI เทอร์โบ ซูเพอร์ชาร์จ 4 สูบเรียง ขนาด 1.4 ลิตร พร้อมกับระบบเกียร์ 7 จังหวะ DSG มีมอเตอร์ไฟฟ้าติดตั้งตรงกลางระหว่างเครื่องยนต์ และระบบเกียร์ เข้ามาทำหน้าที่แทนไดสตาร์ท และอัลเทอร์เนเตอร์
เครื่องยนต์นี้ จะมีมอเตอร์ไฟฟ้าซึ่งทำหน้าที่จ่ายแรงบิดในรอบต่ำแทนระบบซูเพอร์ชาร์จ เครื่องยนต์นี้สามารถทำกำลังสูงสุดได้ถึง 147 แรงม้า และแรงบิด 22.4 กก.-ม. และมีกำลังเพิ่มจากมอเตอร์ไฟฟ้า 25 แรงม้า และแรงบิดอีก 13.1 กก.-ม.
ระบบส่งกำลังใช้ระบบคลัทช์แห้งแทน DSG คลัทช์เปียก ทำให้สามารถตัดออยล์ปั๊ม ซึ่งสามารถลดน้ำหนักลงไปได้ไม่น้อย
เครื่องนี้เคยทำความสิ้นเปลืองได้ระดับ 19.97 กม./ลิตร ในตัวถังของรุ่น ตูรัน (TOURAN) ถ้ามาอยู่ในตัวถังที่เบากว่าจะมีตัวเลขความสิ้นเปลืองที่ดีกว่านี้แน่นอน
โฟล์คสวาเกน
พัฒนาเครื่องยนต์ดีเซล ไฮเทค
ทั้งเครื่องยนต์เบนซิน และดีเซล ต่างก็หาทางเลือกใช้เทคโนโลยีในการลดความสิ้นเปลือง และมลพิษต่ำที่สุด แต่เครื่องยนต์ทั้งสองก็ไม่ใช่เครื่องยนต์ที่ดีที่สุด วิศวกรของค่าย โฟล์คสวาเกน จะนำข้อดีของทั้งสองเครื่องยนต์มาไว้ในเครื่องเดียวกัน ซึ่งจะสามารถผลิตได้ในปี 2551
เครื่องยนต์ CCS (COMBINED COMBUSTION SYSTEM) ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบเรียง ขนาด 2.0 ลิตร ติดตั้งหัวเทียน เพื่อให้ทำการจุดระเบิดก่อนจังหวะจุดระเบิดของเครื่องยนต์ดีเซลทั่วไป มีผลให้เครื่องยนต์มีการเผาไหม้อย่างหมดจด ทั้งยังเป็นการลดระดับมลพิษไนตรัสออกไซด์ได้อีกระดับ
ด้วยช่วงเวลาเผาไหม้ที่ยาวนานมากขึ้น ทำให้เครื่องยนต์นี้สามารถลดอัตราความสิ้นเปลืองได้อีก 5 % จากน้ำมันเชื้อเพลิงสังเคราะห์สารอินทรีย์ ซึ่งผลการเผาไหม้จะไม่ทำให้เกิดมลพิษ คาร์บอนไดออกไซด์ เหมือนที่เกิดกับน้ำมันเชื้อเพลิงแบบเดิม
โพร์เช
ปรับหน้าตาใหม่ให้ กาเยนน์
ขณะที่ โพร์เช กาเยนน์ (CAYENNE) ยังไม่มีแนวคิดจะปรับเปลี่ยนโมเดล แต่ด้วยยอดขายที่ตกฮวบฮาบ ทำให้ต้องปรับหน้าตายกใหญ่ รวมไปถึงเครื่องยนต์ภายใต้ฝากระโปรงด้วย
ภายนอกได้มีการปรับหน้าตาให้คมคายและปราดเปรียวมากขึ้น โคมไฟหน้าลดความดุดันลง กระจังหน้า และกันชนปรับรูปทรงให้เรียบง่ายมากขึ้น
ด้านหลังปรับรูปทรงไฟสัญญาณให้เป็นเหลี่ยมมากขึ้น บังโคลนปรับรูปทรงใหม่หมด รวมทั้งติดตั้งสปอยเลอร์หลังคาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
เครื่องยนต์มีขนาดใหญ่ และมีพละกำลังมากขึ้น นับเป็นครั้งแรกของบริษัทที่ใช้ระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบหัวฉีดตรง ทำให้อัตราความสิ้นเปลืองต่ำลงถึง 8 %
เครื่องยนต์เบนซิน วี 6 สูบ เพิ่มความจุขึ้นเป็น 3.6 ลิตร ให้กำลัง 290 แรงม้า และแรงบิด 39.1 กก.-ม. ส่วนเครื่องยนต์ วี 8 สูบ มีความจุถึง 4.8 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 385 แรงม้า และแรงบิด 50.8 กก.-ม. ส่วนรุ่นเทอร์โบเพิ่มขึ้นจาก 450 แรงม้า เป็น 500 แรงม้า และแรงบิดเพิ่มขึ้นเป็น 71.3 กก.-ม. สามารถทำอัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ได้ภายใน 5.1 วินาที เร็วกว่า 911 ทาร์กา 3.6 ลิตรด้วยซ้ำ
นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งระบบแอคทีฟ โรลล์บาร์ เพื่อทำหน้าที่ช่วยเหล็กกันโคลง ซึ่งสามารถลดอาการโคลงในโค้งให้น้อยลง ภายในมีการปรับเปลี่ยนน้อยมาก มีเพียงการปรับเปลี่ยนวัสดุให้ดีขึ้นเท่านั้น การปรับปรุงครั้งนี้น่าจะทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 40,000 คัน
ฮอนดา
โชว์รถใหม่ รีมิกซ์
สำนักออกแบบของ ฮอนดา ในแคลิฟอร์เนีย กำลังวางแผนออกแบบ ฮอนดา ซีอาร์เอกซ์ (CRX) เจเนอเรชันที่ 4 ซึ่งจะเปิดตัวด้วยรูปทรงคอมแพคท์คูเป 3 ประตู ที่มีน้ำหนักเบา และให้การตอบสนองการขับขี่สนุกสนาน
จุดเด่นคือ กระจกรอบคันให้ความรู้สึกเดียวกับเครื่องบินขับไล่ และมีเนื้อที่ด้านท้ายกว้างขวางสำหรับเก็บสัมภาระ ส่วนระบบขับเคลื่อนอาจจะใช้ร่วมกับ ซีวิค หรือ แจซซ์ เครื่องยนต์ 4 สูบเรียงวางขวาง ถ่ายทอดกำลังผ่านระบบเกียร์แบบธรรมดา 6 จังหวะ เครื่องยนต์มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นเครื่องยนต์เดียวกันกับที่ใช้ใน ซีวิค ไทพ์ อาร์ 2.0 ลิตร 197 แรงม้า
ฟอร์ด
เปิดตัว เอสเคพ ไฮบริด รถเพื่อโลกสีเขียว
แม้ว่า ฟอร์ด เอสเคพ ไฮบริด จะไม่เข้ามาในตลาดยุโรป แต่เทคโนโลยีถูกนำมาใช้อย่างแน่นอน โดยจะอยู่ใต้ฝากระโปรงของ มนเดโอ (MONDEO) ที่จะเปิดตัวในยุโรป ประมาณปี 2551 ที่จะถึงนี้
นับว่า ฟอร์ด เอสเคพ ไฮบริด เป็นแม่แบบของรถไฮบริด เครื่องยนต์เบนซิน/ไฟฟ้า ซึ่งจะนำมาใช้กับรถรุ่นต่อๆ มาของ ฟอร์ด ในอนาคตอย่างแน่นอน
แซเทิร์น
แนะนำรถซีดาน ออรา ไฮบริด
ค่ายจีเอม ใช้ แซเทิร์น เป็นหัวหอกในการเจาะกลุ่มรถไฮบริด โดยเปิดตัวทีเดียวพร้อมกัน 2 รุ่น คือ ออรา กรีน ไลน์ (AURA GREEN LINE) รถซาลูนคันแรกของค่ายที่ใช้ระบบไฮบริด
ซึ่งเป็นการใช้ชิ้นส่วนร่วมกับ วอกซ์ฮอลล์ เวคทรา (VECTRA) ส่วนอีกรุ่นหนึ่งคือ วิว (VUE) ที่ใช้ชิ้นส่วนร่วมกับรถเอสยูวี วอกซ์ฮอลล์ อันตารา (ANTARA)
ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน/อีเลคทรอนิค ทำให้ ออรา สามารถลดความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงได้ถึง 25 % โดยการติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าเข้ากับเครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร 164 แรงม้า ส่วนอีกเครื่องที่มีอัตราความสิ้นเปลืองดีกว่า คือ เครื่องยนต์ 3.2 ลิตร วี 6 ที่อยู่ใน วิว 4x4 ไฮบริด ที่สามารถทำอัตราสิ้นเปลืองดีกว่าเครื่องเดิมถึง 45 % ทั้ง 2 รุ่นจะเปิดตัวในสหรัฐอเมริกา และตามด้วยยุโรป ประมาณปี 2551
แบทเตอรีสามารถรีชาร์จได้โดยตรงจากระบบไฟฟ้า หรือจากเครื่องยนต์เบนซิน และรีเจเนอเรทีฟ เบรคิง
ซีตรอง
จับมือ เซบัสเตียง โลบ์ ทดสอบ เซ กัตร์ WRC
เซบัสเตียง โลบ์ นักแข่ง WRC กลับมาอีกครั้ง หลังการบาดเจ็บจากอาการแขนหัก ตั้งแต่เดือนกันยายน ปีที่แล้ว โดยซ้อมความพร้อมใน ซีตรอง เซ กัตร์ (C4) เวอร์ชัน WRC ปี 2007 ที่มนเต การ์โล ซึ่งเขาทดสอบครั้งแรกในเส้นทางราดยางบนภูเขา และผลการทดสอบทั้งรถและคน ออกมาในขั้นดีเยี่ยม
เรื่องโดย : อกนิษฐ์ ทัพภะสุต
นิตยสาร 4wheels ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2550
คอลัมน์ Online : ทั่วไป
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/14056