คดีนี้บริษัทเอาเถอะประกันภัยยื่นฟ้องบริษัทผู้เป็นเจ้าของรถบรรทุกพ่วง ให้รับผิดจ่ายค่าเสียหายอันเกิดขึ้นกับรถบรรทุกน้ำมันที่บริษัทรับประกันไว้ เนื่องจากรถบรรทุกพ่วงขับเทิ่งๆ มาทิ่มเอา เป็นจำนวนเงินไม่หนีสองแสนบาท รวมทั้งดอกเบี้ย

คดีนี้บริษัทเอาเถอะประกันภัยยื่นฟ้องบริษัทผู้เป็นเจ้าของรถบรรทุกพ่วง ให้รับผิดจ่ายค่าเสียหายอันเกิดขึ้นกับรถบรรทุกน้ำมันที่บริษัทรับประกันไว้ เนื่องจากรถบรรทุกพ่วงขับเทิ่งๆ มาทิ่มเอา เป็นจำนวนเงินไม่หนีสองแสนบาท รวมทั้งดอกเบี้ย ในคำฟ้องระบุว่า รถบรรทุกพ่วงไม่ดูตาม้าตาเรือ ยามค่ำคืนแท้ๆ ไม่ระมัดระวังขับไปชนท้ายรถบรรทุกน้ำมันที่ชำรุดจอดหลบอยู่ข้างถนน จนเสียหาย บริษัทประกันจ่ายค่าซ่อมให้ฝ่ายรถบรรทุกแล้ว จึงสวมสิทธิมาฟ้องไล่บี้เจ้าของรถบรรทุกพ่วงให้ชดใช้ บริษัทเจ้าของรถบรรทุกพ่วงสู้คดี ให้การยันไปว่ารถบรรทุกน้ำมันนั่นแหละตัวการทำให้เกิดเรื่อง เพราะทะลึ่งจอดรถไม่พ้นผิวจราจร แถมยังไม่ติดตั้งสัญญาณให้รถอื่นมองเห็นยามค่ำคืน ถือว่ารถบรรทุกน้ำมันประมาทฝ่ายเดียว ต้องยกฟ้อง เรียกค่าเสียหายไม่ได้ดอก ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว ตัดสินให้โจทก์ชนะคดี บังคับให้ฝ่ายจำเลยรับผิดตามฟ้อง จำเลยอันได้แก่ ฝ่ายรถบรรทุกพ่วง ไม่ยอมจ่ายเงินง่ายๆ เพราะไม่ใช่น้อยนิด จึงยื่นอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง ปรากฏว่าได้เฮ ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว พิพากษากลับให้ยกฟ้อง โจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายรถบรรทุกน้ำมันราวีต่อไป ออกเหงื่อร้องขอให้ผู้พิพากษาที่เคยพิจารณาคดีนี้ในศาลชั้นต้นเซ็นอนุญาตให้เล่นเกมยาวถึงศาลฎีกา เรื่องจึงขึ้นไปถึงศาลฎีกาให้ผู้พิพากษาอายุเยอะๆ เมื่อยก้นกบจนได้ หลังจากพิจารณาเสร็จ ศาลฎีกาฟันเปรี้ยงลงมาว่า ขณะเกิดเหตุเดือนมืดเพราะแรม 8 ค่ำ คนขับรถบรรทุกน้ำมันให้ถ้อยคำว่ารถเสียจึงดับเครื่องแล้วเข้าไปนอนในรถ แสดงว่าไม่ได้ติดตั้งสัญญาณหรือติดไฟไว้ให้รถอื่นเห็น เท่านั้นไม่พอยังจอดรถกินทางเข้าไป 80 เซนติเมตร ขณะที่ถนนตรงที่เกิดเหตุกว้างแค่ 7 เมตร เป็นถนนเลนเดียว ถือว่าแคบมาก จึงทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น การที่พนักงานสอบสวนระบุว่ารถบรรทุกน้ำมันเปิดไฟท้ายไว้ ศาลเชื่อว่าโมเมชัน เพราะพนักงานสอบสวนไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ ขณะเกิดเหตุ ยังขัดกับคำของโชเฟอร์รถบรรทุกน้ำมันที่บอกว่าดับเครื่องเข้าไปนอนในรถ เมื่อได้ความแล้ว ถือว่าฝ่ายรถบรรทุกน้ำมันจอดรถแบบชุ่ยๆ อยู่ในข่ายประมาทอย่างร้ายแรง พอฟัดพอเหวี่ยงกับฝ่ายรถบรรทุกพ่วงที่ขับไม่ระมัดระวัง ไม่ดูทางข้างหน้าให้ดี งานนี้ศาลฎีกาถือว่าเจ๊า ตามที่ศาลอุทธรณ์ตัดสินไว้ รถบรรทุกน้ำมันเรียกร้องค่าเสียหายจากรถบรรทุกพ่วงไม่ได้ ศาลอุทธรณ์ตัดสินยกฟ้องโจทก์ถูกต้องแล้ว ศาลฎีกาพิพากษายืน ยังดีที่รถบรรทุกพ่วงเป็นรถใหญ่เช่นกัน ถ้ารถกระบะไปเสยเข้ากับท้ายรถบรรทุกน้ำมันคงดูไม่จืด ตายหยังเขียด เวลาขับรถตอนกลางคืน ผมคนหนึ่งละไม่กล้าอวดเก่ง ต้องลดความเร็วลงกว่าตอนกลางวันอักโข กลัวที่สุดคือ รถเสียจอดข้างทาง หรือมีอะไรขวางอยู่แล้วแสงไฟจากรถส่องไปยังไม่ทันถึง แต่รถของเราเข้าถึงเสียก่อน เคยโดนมาครั้งหนึ่ง ขับรถเก๋งไปจิ้มท้ายรถบรรทุกที่จอดอยู่เพราะยางแตก โชคดีไม่บาดเจ็บ แค่คอเคล็ดไปสามวัน รอดตายเพราะเข็มขัดนิรภัย ถ้ารักชีวิต รักรถ ไม่ต้องบ้าระห่ำอวดใครหรอกครับ ช้านิดช้าหน่อยถึงที่หมายเหมือนกัน เชื่อสิ จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5491/2545 คดีรถ ตีพิมพ์ใน"4wheels"