ทั่วไป
ธุรกิจยางรถยนต์ เกี่ยวเนื่องโดยตรงกับยอดขายรถยนต์ ดังนั้น จากการคาดการณ์ของหลายฝ่ายที่ว่า ตลาดรถยนต์ในปี 2550 จะอยู่ในภาวะทรงตัว ย่อมส่งผลให้บริษัทผู้ผลิตยางรถยนต์ต้องทำงานหนักมากขึ้น 4 WHEELS สัมภาษณ์ ชินอิจิ ซาโตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด ถึงกลยุทธ์ในการรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดเพื่อรักษาอันดับ 1 ในตลาดยางรถยนต์เมืองไทย
ธุรกิจยางรถยนต์ เกี่ยวเนื่องโดยตรงกับยอดขายรถยนต์ ดังนั้น จากการคาดการณ์ของหลายฝ่ายที่ว่า ตลาดรถยนต์ในปี 2550 จะอยู่ในภาวะทรงตัว ย่อมส่งผลให้บริษัทผู้ผลิตยางรถยนต์ต้องทำงานหนักมากขึ้น 4 WHEELS สัมภาษณ์ ชินอิจิ ซาโตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด ถึงกลยุทธ์ในการรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดเพื่อรักษาอันดับ 1 ในตลาดยางรถยนต์เมืองไทย
4 WHEELS : ก่อนเข้ามารับตำแหน่งในประเทศไทย คุณดูแลงานด้านใดของ บริดจ์สโตน ?
ซาโตะ : ผมเข้าร่วมงานกับ บริดจ์สโตน ตั้งแต่ปี 2522 ในตำแหน่งฝ่ายขายและการตลาด ฝ่ายปฏิบัติการต่างประเทศ โดย 10 ปีแรกของการทำงาน ประจำอยู่ที่โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ดูแลธุรกิจในภูมิภาคอเมริกาเหนือ ละตินอเมริกัน และยุโรป จากนั้นย้ายไปดูแลงานที่บรัสเซลส์ 2 ปี มิลาโน 5 ปี ฟรังค์ฟวร์ท 3 ปีครึ่ง และย้ายกลับมาบรัสเซลส์ ในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายขาย และการตลาด แผนกผลิตภัณฑ์ผู้บริโภค ดูแลตลาดทั้งหมดในยุโรป ปี 2547 ร่วมงานกับทีมเอเชียแปซิฟิค เข้ารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด และบริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เดือนมค. 2549
4 WHEELS : ปัจจุบัน บริดจ์สโตน มีส่วนแบ่งทางการตลาดในประเทศไทยเท่าไร ?
ซาโตะ : คาดว่าความต้องการผลิตภัณฑ์ประเภท CONSUMER PRODUCTS (ยางรถยนต์นั่ง/ยางรถกระบะ/ยางรถตู้) ในตลาดทดแทน มีประมาณ 6-6.5 ล้านเส้น/ปี บริษัท ฯ มีส่วนแบ่งมากกว่า 40% ผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ (ยางรถบรรทุกขนาดเล็ก/ยางรถบรรทุกและรถโดยสาร) มีประมาณ 2 ล้านเส้น/ปี บริษัท ฯ มีส่วนแบ่งทางการตลาดกว่า 50 % หากรวมตลาดทดแทนทั้งหมด จะมีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 40 % หรือคิดเป็นจำนวนยาง 8-8.5 ล้านเส้น
ตลาด OEM มีปริมาณการผลิตรถยนต์จำนวน 1.2 ล้านคัน ดังนั้น ความต้องการยางรถยนต์จะเท่ากับ 6 ล้านเส้น/ปี ปัจจุบัน บริษัท ฯ มีส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่า 70 % และอาจเติบโตลดลงเล็กน้อยในอนาคต ซึ่งหากรวมทั้งตลาดทดแทนและตลาด OEM บริดจ์สโตน มีส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่า 50 %
ด้านตลาดส่งออก บริษัท ฯ ผลิตยางรถยนต์เพื่อการส่งออกประมาณ 25 % โดยเฉพาะบริษัทในเครือ บริดจ์สโตน ที่อมตะนคร สามารถส่งออกยางเรเดียลสำหรับรถบรรทุกและรถโดยสารได้มากกว่า 1.5 ล้านเส้น/ปี ในปัจจุบัน และยังคงขยายกำลังการผลิตออกไปอีก
เชื่อว่าปีนี้ ส่วนแบ่งทางการตลาดของบริษัท ฯ จะเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม การเติบโตของบริษัท ฯ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับยอดจำหน่ายอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า ซึ่งจะทำให้บริษัท ฯ เติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
4 WHEELS : วางแผนงานด้านการตลาด เพื่อรับมือกับสภาพเศรษฐกิจของประเทศไทยในปีนี้ไว้อย่างไร ?
ซาโตะ : ปีที่ผ่านมา บริษัท ฯ ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมัน ราคาวัตถุดิบ อัตราดอกเบี้ย และเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น รวมทั้งความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศไทย ซึ่งส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมชะลอตัวลง เป็นผลสืบเนื่องให้ยอดจำหน่ายรถยนต์ตกลงไปด้วย อย่างไรก็ตาม คาดว่า GDP ของประเทศไทยในปี 2549 จะเติบโตได้ 5.0 % เนื่องจากได้รับผลดีจากการส่งออก ซึ่งแสดงว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยยังแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม หวังว่าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่อย่างไม่ล่าช้า เพื่อสร้างฐานที่มั่นคงด้านสังคมและเศรษฐกิจที่ชัดเจนให้แก่ประเทศไทย เพื่อการเติบโตในอนาคต
สำหรับการดำเนินงานของบริษัท ฯ ยังคงยึดหลักความเอาใจใส่ต่อความปลอดภัยและคุณภาพเป็นอันดับแรก ด้วยการลดและควบคุมต้นทุนในการผลิตให้ต่ำที่สุด และทำให้ยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สูงที่สุด ซึ่งตอนนี้ บริษัท ฯ มุ่งมั่นที่จะไปให้ถึงแผนที่วางไว้ก่อน จากนั้นจึงจะเตรียมแผนการใหม่ในการดำเนินงานต่อไป
4 WHEELS : วางนโยบายการจัดการองค์กรในประเทศไทย ไว้อย่างไร ?
ซาโตะ : พนักงานของ บริดจ์สโตน ทั่วโลก มีจิตวิญญาณและภารกิจร่วมกัน นั่นคือ ความไว้วางใจและความภาคภูมิใจ ที่จะสร้างผลิตภัณฑ์ที่ดี มีคุณภาพ เพื่อรับใช้สังคม ไทยบริดจสโตน ฯ ได้กำหนดแนวทางของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย เพื่อให้เป็นบริษัทที่มีความมุ่งมั่นและมีความเป็นเลิศ ภายในปี 2553 ด้านการเป็นผู้ผลิตยางอันดับ 1 ในประเทศไทย ทั้งในด้านคุณภาพและปริมาณ การเป็นบริษัทสาขาอันดับ 1 ภายในกลุ่มบริษัท บริดจ์สโตน รวมทั้งพัฒนากลุ่มบริษัท ไทย-บริดจสโตน ฯ ให้เป็นบริษัทที่มีมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก และทำให้บริษัท ฯ เป็นนิติบุคคลที่ดีในประเทศไทย
จากแนวทางดังกล่าว บริษัท ฯ จึงมุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตอย่างมั่นคง และเป็นบริษัท ฯ ที่สามารถทำกำไรได้ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ได้
4 WHEELS : วางกลยุทธ์ด้านการแข่งขันไว้อย่างไร ?
ซาโตะ : เพื่อรักษาการแข่งขันทั้งด้านคุณภาพและต้นทุนสำหรับชิ้นส่วนยาง บริษัท ฯ ได้ตั้งบริษัทย่อยเพื่อดำเนินกิจการต่างๆ ดังต่อไปนี้ บริษัท บริดจสโตน เนเชอรัล รับเบอร์ (ประเทศไทย) จำกัด จ. สงขลา/บริษัท บริดจสโตน เมทัลฟา (ประเทศไทย) จำกัด จ. ระยอง ดำเนินการผลิตเส้นลวดและเหล็กกล้า/บริษัท บริดจสโตน คาร์บอน (ประเทศไทย) จำกัด จ. ระยอง ผลิตผงคาร์บอน และบริษัท ไทร์โมลด์ ประเทศไทย จำกัด จ. ชลบุรี ผลิตแม่พิมพ์ยางรถยนต์
นอกจากนี้ ยังได้ร่วมกับบริษัทในเครืออื่นๆ เช่น บริษัท บริดจสโตน แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด จ. ชลบุรี ผลิตยางเรเดียลสำหรับรถบรรทุกเพื่อการส่งออก/บริษัท บริดจสโตน เอ็นซีอาร์ จำกัด จ. ระยอง สำหรับผลิตผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ไม่ใช่ยางรถยนต์ และบริษัท บริดจสโตน เทคนิไฟเบอร์ จำกัด จ. ชลบุรี ผลิตลูกเทนนิส
ปัจจุบัน บริษัทมีพนักงานทั้งหมดกว่า 6,000 คน ซึ่งการดำเนินการต่อจากนี้ จะเน้นกิจกรรมการวิจัยและการพัฒนาให้มากขึ้น นอกจากนี้ การพัฒนาช่องทางการจำหน่ายถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่สุดด้านการขายและการตลาด ซึ่งปัจจุบัน บริษัท ฯ มีศูนย์บริการยางรถยนต์คอคพิท และออโท บอย ประมาณ 160 ร้าน มีศูนย์ยางรถบรรทุกและรถโดยสาร (BTC) ประมาณ 30 ร้าน นอกจากเรื่องปริมาณร้านที่บริษัท ฯ ต้องการเพิ่มขึ้นแล้ว ยังให้ความสำคัญกับคุณภาพของการให้บริการ โดยมีการตรวจสอบคุณภาพการให้บริการทุกร้านอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ร้านเหล่านี้มีการบริการที่เป็นมาตรฐาน มีรายได้มากพอที่จะขยายธุรกิจ และนี่คือช่องทางสำคัญที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์ และบริการของบริษัท ฯ ออกไปสู่ลูกค้าได้มากที่สุด ให้ลูกค้ามีความพึงพอใจมากที่สุด
4 WHEELS : วางกลยุทธ์ในการรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดยางรถยนต์เมืองไทยไว้อย่างไร ?
ซาโตะ : บริดจ์สโตน ทั่วโลก มีความมุ่งมั่นที่จะเติบโตในระดับที่สูงขึ้นตลอดมา และต้องการเป็นที่สุดในโลกด้านผลิตภัณฑ์และการบริการ บริษัท ฯ ตระหนักดีว่า ตราบใดที่ บริดจ์สโตน ยังได้รับการสนับสนุนที่ดีจากลูกค้าต่อไป บริษัท ฯ จะยังคงสามารถรักษาตำแหน่งผู้นำเอาไว้ได้ และกลยุทธ์ที่เรานำมาใช้ คือ การสร้างความเข้มแข็งด้านภาพลักษณ์ของผลิตภัณฑ์และองค์กร การเสนอต้นแบบธุรกิจที่น่าสนใจสำหรับลูกค้า และการช่วยเหลือสังคมในด้านต่างๆ
บริดจ์สโตน มีโครงการเพื่อสังคมหลายโครงการ ซึ่งเน้นการช่วยเหลือทางการศึกษา เช่น การมอบทุนการศึกษา การบริจาคเงินให้แก่ห้องสมุด ศูนย์การเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์ ศูนย์ศึกษาธรรมชาติรังสิต เป็นต้น เนื่องจากมองว่า การพัฒนาเยาวชนจะช่วยสร้างประโยชน์ให้แก่สังคมไทยในอนาคตได้ ที่สำคัญ โครงการทั้งหมดยังเป็นการคืนกำไรกลับสู่สังคม และช่วยสร้างภาพลักษณ์ของบริษัท ฯ ให้เป็นที่ชื่นชอบในสังคมไทยมากยิ่งขึ้น
4 WHEELS : การทำงานในประเทศไทยแตกต่างจากประเทศอื่นที่คุณเคยร่วมงานด้วย อย่างไร ?
ซาโตะ : ก่อนเข้ารับตำแหน่งในประเทศไทย ผมรู้จักประเทศไทยเพียงว่า เป็นประเทศที่อยู่ในทวีปเอเชีย อากาศร้อน มีเศรษฐกิจดี ประชาชนนับถือศาสนาพุทธ มีความสุภาพและการให้อภัย มีระดับการศึกษาสูง เป็นต้น และจากการเฉลิมฉลองการครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี และการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ผ่านมา ทำให้ผมประทับใจเป็นอย่างมาก ที่ได้เห็นคนไทยรักพระเจ้าอยู่หัว ฯ มาก ผมต้องการเจริญรอยตามพระราชดำริของพระเจ้าอยู่หัว ฯ โดยจะพยายามทำความเข้าใจคนไทยให้มากขึ้นอีก
ผมอยากเห็นธุรกิจในประเทศไทยมีความแข็งแกร่งเหมือนกับประเทศญี่ปุ่น ซึ่งการเป็นเช่นนั้นได้ ต้องให้ความสำคัญแก่ลูกค้าและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ โดยจะรักษาวิธีการที่ได้มาตรฐานตามที่กำหนดไว้ ผมต้องการให้ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในประเทศไทย มีคุณภาพเป็นอันดับ 1 ของโลก ซึ่งทั้งหมด ต้องอาศัยความร่วมมือของพนักงาน ไทยบริดจสโตน ฯ ทุกคน
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ/นาทลดา
นิตยสาร 4wheels ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2550
คอลัมน์ Online : ทั่วไป
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/13999