ทั่วไป
ฟอร์ด เอสเคพ (ESCAPE) เปิดตัวมานานจนเข้าสู่ปีที่ 6 แล้ว โดยได้รับการเสริมแต่งแปลงหน้าขนานใหญ่ ก่อนหน้านี้เราได้เคยนำเสนอเรื่องการทดสอบรุ่นเครื่องยนต์แบบ วี 6 ไปแล้ว ฉบับนี้เราจึงขอเสนอผลการทดสอบรุ่นเครื่องยนต์แบบ 4 สูบเรียง กันบ้าง นั่นคือ รุ่น เอกซ์แอลที ถึงแม้จะอยู่ในฐานะต่ำกว่าเมื่อไล่ลำดับตามเกรด ทว่าจากการทำไมเนอร์เชนจ์ในครั้งนี้ ปรากฏว่าเครื่องยนต์แบบ 4 สูบเรียง ได้รับการปรับเปลี่ยนขนานใหญ่ยิ่งกว่าเครื่องยนต์แบบ วี 6 แต่กระนั้น ข้อมูลจำเพาะของรุ่นนี้ก็แทบไม่ต่างจากของรุ่นก่อน แสดงว่ามีการปรับเปลี่ยนโดยเน้นหนักด้านความรู้สึกในการขับขี่ มากกว่าค่าตัวเลขที่ปรากฏนั่นเอง
ฟอร์ด เอสเคพ (ESCAPE) เปิดตัวมานานจนเข้าสู่ปีที่ 6 แล้ว โดยได้รับการเสริมแต่งแปลงหน้าขนานใหญ่ ก่อนหน้านี้เราได้เคยนำเสนอเรื่องการทดสอบรุ่นเครื่องยนต์แบบ วี 6 ไปแล้ว ฉบับนี้เราจึงขอเสนอผลการทดสอบรุ่นเครื่องยนต์แบบ 4 สูบเรียง กันบ้าง นั่นคือ รุ่น เอกซ์แอลที ถึงแม้จะอยู่ในฐานะต่ำกว่าเมื่อไล่ลำดับตามเกรด ทว่าจากการทำไมเนอร์เชนจ์ในครั้งนี้ ปรากฏว่าเครื่องยนต์แบบ 4 สูบเรียง ได้รับการปรับเปลี่ยนขนานใหญ่ยิ่งกว่าเครื่องยนต์แบบ วี 6 แต่กระนั้น ข้อมูลจำเพาะของรุ่นนี้ก็แทบไม่ต่างจากของรุ่นก่อน แสดงว่ามีการปรับเปลี่ยนโดยเน้นหนักด้านความรู้สึกในการขับขี่ มากกว่าค่าตัวเลขที่ปรากฏนั่นเอง
ฟอร์ด เอสเคพ เปิดตัวเมื่อปี 2000 ด้วยการพัฒนาร่วมกับค่าย มาซดา ดังนั้น จึงมีความเกี่ยวดองในฐานะเป็นรถพี่น้องกับ ทรีบิวท์ (TRIBUTE) ตอนแรกเริ่มนั้น เครื่องยนต์ที่เตรียมไว้ให้มีเพียงแบบ วี 6 ความจุ 3 ลิตร กับแบบ 4 สูบเรียง ความจุ 2 ลิตร แต่ต่อมาได้มีการขยายออกไปเป็นขนาดความจุ 2.3 ลิตร เมื่อมีการทำไมเนอร์เชนจ์ให้เครื่องยนต์แบบ 4 สูบเรียง
ก่อนหน้านี้ รุ่นพวงมาลัยซ้าย มีการผลิตที่โรงงานในรัฐแคนซัส ของอเมริกาเหนือ และรุ่นพวงมาลัยขวา มีการผลิตพร้อมกับ ทรีบิวท์ ที่โรงงานของ มาซดา ในเมืองโฮฟุ ของญี่ปุ่น แต่ ทรีบิวท์ ถูกยุติการผลิตไปเมื่อเดือนธันวาคม ปี 2005 ส่วน เอสเคพ ก็ถูกยุติการผลิตในญี่ปุ่นเช่นกันเมื่อเดือนมกราคม ปี 2006 และโอนการผลิตรถรุ่นใหม่ไปให้โรงงานของ ฟอร์ด ในไต้หวันรับหน้าที่แทน แต่ถึงอย่างไร รุ่นพวงมาลัยซ้าย สำหรับตลาดอเมริกาเหนือที่ออกมาก่อนหน้านี้ ยังคงมีการผลิตและจำหน่ายต่อไป
สำหรับการทำโมเดลเชนจ์ในครั้งนี้ ไม่มีการแตะต้องเฟรมกับกลไกพื้นฐาน และเป็นการทำในแบบที่ไม่ออกนอกกรอบของการทำไมเนอร์เชนจ์ แต่ภาพพจน์โดยรวมก็เปลี่ยนไปมาก
จากการปรับเปลี่ยนรูปแบบของกระจังหน้า เมื่อเทียบกับรูปแบบที่เต็มไปด้วยความโค้งมนของรุ่นก่อน รุ่นใหม่กลับมีหน้าตาที่ดูน่าเกรงขามจากกระจังที่เด่นเป็นสง่า ส่วนกระโปรงรถก็ได้รับการออกแบบให้ดูมีมิติด้วย ขณะที่มีการเน้นบุคลิกที่ดูสปอร์ทให้โดดเด่น
การเปลี่ยนแปลงด้านรูปแบบนั้น รวมไปถึงการตกแต่งภายในด้วย โดยจุดเปลี่ยนแปลงใหญ่สุดน่าจะอยู่ที่การย้ายคันเกียร์ ซึ่งเปลี่ยนจากแบบคอลัมน์ไปเป็นแบบฟลอร์ ในการทำคันเกียร์แบบคอลัมน์ มีข้อดีที่ง่ายต่อการเปิดช่องว่างแบบวอล์คทรู จึงมีตัวอย่างของการนำไปใช้กับรถแบบมีนีแวนให้เห็นอยู่มากมาย แต่ในกรณีของ เอสเคพ เนื่องจากมีการติดตั้งคอนโซลขนาดใหญ่อยู่ตรงช่องว่างระหว่างที่นั่ง ดังนั้น จึงไม่มีการนำข้อดีดังกล่าวมาใช้ประโยชน์ เมื่อเป็นเช่นนั้น จึงได้หันมาใช้คันเกียร์แบบฟลอร์ เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่แบบสปอร์ทก็แล้วกัน...นี่น่าจะเป็นการเบี่ยงเบนที่สมเหตุสมผล และถ้าเป็นระบบเกียร์อัตโนมัติที่มีแมนวลโหมดไว้ให้ด้วย ข้อดีของเกียร์แบบฟลอร์ ก็จะยิ่งโดดเด่น
ข้อมูลจำเพาะไม่เปลี่ยนแปลง แต่เครื่องยนต์ 4 สูบ มีคุณสมบัติเปลี่ยนไป
รถที่นำมาทดสอบในครั้งนี้ เป็นรุ่น เอกซ์แอลที ที่บรรจุเครื่องยนต์แบบ 4 สูบเรียง ความจุ 2.3 ลิตร แม้ว่าเครื่องยนต์แบบวี 6 สูบ ความจุ 3 ลิตร ก็ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นด้วย เช่น ช่องดูดไอดี แต่เครื่องยนต์แบบ 4 สูบ กลับได้รับการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ยิ่งกว่า แม้ว่าตัวบลอคเครื่องจะไม่เปลี่ยน แต่หัวลูกสูบที่บรรจุอยู่บนนั้น เป็นแบบที่มีการนำ VVT (VARIABLE VALVE TIMING) หรือ กลไกควบคุมการเปิด/ปิดวาล์วแบบผันแปร มาใช้ใหม่ จึงกล่าวได้ว่าเป็นแบบที่ต่างจากรุ่นเก่าโดยสิ้นเชิง
แต่ถึงอย่างไร เท่าที่ดูรายการค่าต่างๆ ปรากฏว่า กำลังสูงสุดไม่ต่างจากของรุ่นก่อน และเมื่อดูไปถึงแรงบิดสูงสุด ก็มีความต่างแค่ 0.3 กก.-ม. แต่เป็นค่าที่ต่ำกว่าของรุ่นก่อน แล้วมันดีขึ้นตรงไหนล่ะ ? เมื่อเพ่งดูรายการค่าต่างๆ ให้ดี ก็เห็นว่า ค่าของรอบเครื่องยนต์ของแรงบิดสูงสุดนั้น ต่ำลง 500 รตน. ซึ่งหมายถึง มีเพาเวอร์แบนด์ที่กว้างขึ้นนั่นเอง
แม้จะเป็นรถเกรดต่ำ แต่โชว์ความสปอร์ท โดยไม่ทำให้รู้สึกถึงความต่ำต้อยด้อยราคา* เครื่องเล่นซีดีแบบ 6 แผ่นต่อเนื่อง มีติดตั้งให้ในเกรดลิมิเทดเท่านั้น ส่วนเกรดเอกซ์แอลที มี
เครื่องเล่นซีดีที่หน้าตาเหมือนกัน แต่แบบใส่ได้แผ่นเดียว* โชว์ความหรูด้วยส่วนเสริมฟองน้ำนุ่มอย่างดี ประกอบกับแผงประดับสีเงิน แม้จะเป็นรถเกรดต่ำ แต่ไม่มีความต่ำต้อยด้อยค่าให้เห็น
* เนื่องจากเป็นเกรดต่ำ พวงมาลัยจึงไม่ได้หุ้มหนังแท้ แต่ทำจากยูรีเธน และมีความอวบที่เหมาะมือ จึงไม่รู้สึกถึงความลำบากในการจับ
* คันเกียร์มีตำแหน่งเปลี่ยนไป จากแบบคอลัมน์เป็นแบบฟลอร์ ซึ่งไม่เพียงทำให้ควบคุมเกียร์ได้ง่าย แต่คอนโซลก็ทำหน้าที่เป็นที่พักเข่าด้วย
* เข็มสีส้มบนหน้าปัดสีน้ำเงิน ทำให้มองเห็นมาตรวัดยามค่ำคืนได้ง่าย และสีเงินที่อยู่รอบๆ มาตรวัดก็สะท้อนแสงสีส้มด้วย
* เมื่อเทียบกับเกรดลิมิเทดที่หุ้มด้วยหนังแท้ ที่นั่งของเกรดเอกซ์แอลทีใช้ผ้าหุ้ม แต่พื้นสีดำตรงด้านข้างเป็นสิ่งทอเนื้อสักหลาดแบบโมเกท จึงให้สัมผัสนุ่มนวล
ในฐานะเครื่องยนต์ของรถระดับนี้ มันมี "สมรรถนะพอแก่ความจำเป็น"
เนื่องจากเราไม่ได้ลองขับเปรียบเทียบกับรุ่นก่อน จึงไม่อาจบอกถึงความแตกต่างอย่างชัดเจน แต่เท่าที่จำได้ รุ่นที่บรรจุเครื่องยนต์ 4 สูบเรียงแบบที่ใช้มาแต่เดิมนั้น ให้ความประทับใจกับความสนุกในการขับขี่โลดแล่นที่ทำได้อย่างไม่น้อยหน้าแบบ วี 6 เลยทีเดียว และความประทับใจนั้น ก็มีส่วนที่ส่งผ่านมาถึงรุ่นใหม่ด้วย ตราบใดที่วิ่งในเมือง ก็คงไม่รู้สึกถึงถึงความขาดตกบกพร่องของสมรรถนะในการขับขี่ แต่รุ่นที่บรรจุเครื่องยนต์ 4 สูบเรียงแบบที่ใช้มาแต่เดิมนั้น จำได้ว่ามันมีคุณสมบัติพิเศษที่เฉียบกว่านี้ โดยแรงบิดจะเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ช่วงรอบเครื่องยนต์ต่ำ จึงเร่งความเร็วได้อย่างว่องไวและทรงพลัง
แม้มันจะได้รับการวางตำแหน่งให้เป็น "พวกด้อยราคาในกระบวนเครื่องยนต์ที่มีอยู่ 2 ชนิด" แต่ทั้งขนาดความจุ 2.3 ลิตร และกำลังสูงสุด 157 แรงม้า เมื่อเทียบกับรถอื่นๆ ในระดับเดียวกัน
ก็เป็นค่าที่ไม่ได้ด้อยกว่าอย่างเด่นชัด หากกล่าวได้ว่า แบบ วี 6 สูบ ความจุ 3 ลิตร มีข้อมูลจำเพาะที่สูงเกินเหตุเสียมากกว่า และแบบ 4 สูบเรียงอยู่ในขั้นที่ได้มาตรฐานสำหรับรถระดับนี้
* แม้ดีไซจ์นจะต่างจาก ลิมิเทด แต่รุ่นนี้ก็ใช้ล้ออลูมิเนียมขนาด 16 นิ้วเช่นกัน ทว่าขนาดของยางรถยนต์จะเล็กกว่ารุ่น วี 6 กลายเป็น 215/70 R16
* กระจกมองข้างมีไฟเลี้ยวประกอบในตัว แม้จะเป็นดีไซจ์นที่ลื่นไหลตามกระแส แต่มันก็ช่วยเพิ่มทัศนวิสัย และมีความหมายในฐานะที่เป็นอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยด้วย
* กระจังหน้าช่วยเพิ่มความห้าวหาญ ด้วยไซด์บาร์ชุบโครเมียมกับโลโกรูปไข่สีน้ำเงินของ ฟอร์ด ในขนาดใหญ่ และกระโปรงรถก็ได้รับการปรับเปลี่ยนให้มีรูปทรงที่ดูมีมิติ
* ไฟท้ายดีไซจ์นทรงกลม ตัวให้แสงสว่างในเกรดลิมิเทด ใช้ระบบ LED แต่ในเกรดเอกซ์แอลที ใช้หลอดไฟธรรมดา
เอสยูวีที่เน้นหนักเรื่องประโยชน์ใช้สอย นี่แหละเสน่ห์ของ เอสเคพ
การปรับปรุงคุณสมบัติพิเศษด้านแรงบิด จะเห็นได้ชัดเมื่อวิ่งบนทางด่วน แม้แรงบิดเท่ากัน แต่รถที่มีคุณสมบัติพิเศษของช่วงแรงบิด (ทอร์คแบนด์) ที่แคบ จะขยันลดจังหวะเกียร์ลงบ้าง เฉื่อยชาในเวลาเร่งความเร็วบ้าง แต่เครื่องยนต์แบบ 4 สูบเรียงแบบใหม่ จะไม่มีสภาพที่ชวนให้หงุดหงิดเช่นนั้นเลย สามารถแล่นไปได้อย่างสบาย และเป็นธรรมชาติจริงๆ แม้กับทางลาดขึ้น ก็มีกำลังเหลือเฟือ สามารถคิคดาวน์ส่งต่อความเร็วได้ดี
เราลองขับลงทางด่วนและมุ่งสู่ทางโค้ง เนื่องจากระบบรองรับและระบบขับเคลื่อนไม่มีอะไรต่างจากของรุ่นก่อน จึงไม่มีจุดที่ต้องทำการตรวจสอบเป็นพิเศษ แต่ถึงขั้นนี้แล้ว เราก็รู้สึกชื่นชมกับการวิ่งที่ปราดเปรียวของ เอสเคพ แม้อาจจะเป็นเพราะมันเป็นรุ่นเครื่องยนต์แบบ 4 สูบเรียงที่หน้าเบา แต่สัมผัสของการตอบสนองอย่างตรงไปตรงมาตามการควบคุมพวงมาลัย และเบนทิศทางไปอย่างรวดเร็วนั้น เป็นสิ่งที่ให้ความรู้สึกที่ดีทีเดียว ขณะที่การปรับตั้งระบบรองรับก็อยู่ในระดับที่แข็งกำลังดีด้วย ดังนั้น แม้จะเพิ่มความเร็ว ก็ไม่สร้างความกังวลแต่อย่างใด
เมื่อทดลองในเส้นทางวิบาก ความปราดเปรียวยังคงมีอยู่อย่างไม่เปลี่ยนแปลง ระบบขับเคลื่อนของ เอสเคพ นั้น บนทางที่มีสภาพการยึดเกาะดี มันเป็นระบบที่ไร้ขีดจำกัดอย่างเทียบเคียงกับเอฟเอฟ และบนทางที่มีสภาพการยึดเกาะไม่ดี เช่น ทางวิบาก ทางหิมะ เมื่อตรวจพบการลื่นไถล ก็จะมีการถ่ายทอดแรงขับเคลื่อนไปยังล้อหลัง โดยการตอบสนองได้อย่างว่องไว และลักษณะการถ่ายทอดแรงขับเคลื่อนก็เป็นธรรมชาติ เราได้ลองวิ่งเลี้ยวโค้งบนทางวิบากที่มีโคลนอยู่ใกล้จุดเปลี่ยนความเร็ว (CLIPPING POINT) ปรากฏว่า แม้กับสภาพทางที่เปลี่ยนไป อากัปกิริยาของรถก็ไม่เปลี่ยนไป ทั้งนี้แม้ว่าจะมีโครงสร้างเรียบง่ายและต้นทุนต่ำ แต่คงไม่มีอะไรที่ไม่น่าพอใจสำหรับการนำไปใช้ขับตามทางป่า หรือใช้เป็นพาหนะสำหรับเล่นกีฬาฤดูหนาว
ถ้าเปิดตัวมาได้ถึง 6 ปีแล้ว คงไม่แปลกที่จะเริ่มมองเห็นความล้าสมัยในการวางแบบ แต่ เอสเคพ นั้น แม้จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใหญ่ในส่วนอื่นๆ นอกเหนือไปจากเครื่องทรงภายนอก/ใน แต่ก็ยังอยู่ในขั้นที่ไม่มีอะไรไม่น่าพึงพอใจสำหรับการใช้งานในปัจจุบัน ทั้งนี้ มันยึดแนวความคิดหลักที่หนักแน่นมั่นคง โดยไม่วิ่งตามกระแสนิยม และมีอุปกรณ์กับสมรรถนะที่ "เพียงพอต่อความจำเป็น" มาแต่แรก เรียกว่า ท่าทีที่เอาจริงเอาจังในการผลิตรถยนต์ของ ฟอร์ด ได้รับการสะท้อนออกมาให้เห็นใน เอสเคพ นี่เอง
การทำโมเดลเชนจ์ที่เน้นด้านความรู้สึกในการขับขี่ มากกว่าค่าที่แสดงเป็นตัวเลขในข้อมูลจำเพาะ
* เมื่อต้องผจญกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพทางอย่างรุนแรง ก็มีการรับมือด้วยการถ่ายทอดแรงขับเคลื่อนอย่างเป็นธรรมชาติมากๆ กล่าวได้ว่า เป็นระบบที่มีการตอบสนองยอดเยี่ยมในฐานะของออนดีมานด์ 4x4 ในแบบพาสสีฟ ดังนั้น ถ้าเป็นการวิ่งบนทางใดๆ นอกเหนือจากครอสส์คันทรี ก็ไม่น่าจะมีอะไรที่ไม่น่าพอใจ
* ด้านความหรู ต้องยกให้แบบหุ้มหนังแท้ แต่การใช้ผ้าหุ้มแบบสปอร์ทก็ให้บรรยากาศที่ดีทีเดียว อีกทั้งความกว้างของพื้นที่โดยสารก็เป็นเสน่ห์ของ เอสเคพ ด้วยเช่นกัน
* แม้จะไม่มีโต๊ะสำหรับพิคนิคติดตั้งไว้ให้ แต่ก็มีพื้นที่บรรทุกสัมภาระที่ราบเรียบ สะดวกต่อการใช้งาน และมีฝาปิด (TONOCOVER) ให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในเกรดเอกซ์แอลทีด้วย
ลูกสูบ 4 สูบวางเรียงในแนวขวาง ดิฟฟ์หน้า ดิฟฟ์หลังใช้ระบบ CONTROL TRUCK II AWD ปกติจะมีสภาพใกล้เคียงกับเอฟเอฟ แต่ RBC ที่อยู่ระหว่างระบบถ่ายทอดกำลังกับดิฟฟ์หลัง จะกระจายแรงบิดของเครื่องยนต์ไปที่ล้อหลังด้วยอย่างเหมาะสมกับสถานการณ์
ข้อมูลจำเพาะ ฟอร์ด เอสเคพ เอกซ์แอลที
มิติ และน้ำหนัก
ยาว/กว้าง/สูง (มม.) 4,470/1,825/1,710
ความยาวฐานล้อ (มม.) 2,620
ความกว้างฐานล้อ (หน้า/หลัง) (มม.) 1,500/1,530
ความสูงท้องรถ (มม.) 195
รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด (ม.) 5.4
น้ำหนักรถ (กก.) 1,550
จำนวนผู้โดยสาร (คน) 5
ขนาดยางรถยนต์ 215/70 R16
เครื่องยนต์
ชนิด เบนซิน 4 สูบเรียง DOHC
ความจุ (ซีซี) 2,260
กำลังสูงสุด (พีเอส/รตน.) 157/6,000
แรงบิดสูงสุด (กก.-ม./รตน.) 20.4/4,000
ความจุถังน้ำมัน (ลิตร) 61
ระบบขับเคลื่อน
แบบ ออนดีมานด์ 4x4
ระบบถ่ายทอดกำลัง
แบบ เกียร์อัตโนมัติ เดินหน้า 4 จังหวะ
ระบบรองรับ
หน้า แมคเฟอร์สันสตรัท คอยล์สปริง
หลัง มัลทิลิงค์ คอยล์สปริง
ระบบเบรค
หน้า/หลัง จาน
เรื่องโดย : จริยา อติชาติ
นิตยสาร 4wheels ฉบับเดือน มกราคม ปี 2550
คอลัมน์ Online : ทั่วไป
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/13944