ค่าย ฟอร์ด เป็นอีกหนึ่งค่ายที่ให้ความสำคัญเรื่องรถพลังงานทางเลือก แต่มีรถประเภทเดียวที่เหมาะสมกับการใช้งานคือ รถไฮบริด ที่เป็นการผสมผสานระหว่างพลังงานรูปผสม คือ ใช้เครื่องยนต์ปกติร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า แม้ว่าพลังงานไฟฟ้าจะนำมาใช้กับรถยนต์ได้จริง แต่มันก็มีข้อจำกัด ขึ้นอยู่กับการนำพลังงานไฟฟ้ามาใช้ การขับเคลื่อนที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบทเตอรี ที่เป็นตัวสะสมพลังงานไฟฟ้า โดยต้องเพิ่มแหล่งจ่ายไฟภายนอกตัวรถ รถประเภทนี้เรียกว่า ELECTRIC VEHICLE มีข้อจำกัดในการใช้งานในเรื่องของระยะทางต่อการชาร์จ 1 ครั้ง จนมีการพัฒนามาให้ตัวรถสามารถผลิตไฟฟ้าได้ในตัว โดยใช้ปฏิกิริยาทางเคมีที่เรียกว่า FUEL CELL แต่ก็ติดปัญหาในเรื่องของอุปกรณ์จำนวนมาก และระยะทางที่วิ่งได้น้อย จึงมีข้อจำกัดเพียงการใช้งานในเมืองหรือการเดินทางสั้นๆ ทั้ง 2 แบบจัดอยู่ในประเภท ZERO EMISSION VEHICLE (ZEV) คือ ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะจากการใช้งาน ข้อเสียก็คือ ต้องใช้เวลาในการประจุไฟค่อนข้างนานประมาณ 7-8 ชม. ขึ้นอยู่กับขนาดความจุของแบทเตอรี

ค่าย ฟอร์ด เป็นอีกหนึ่งค่ายที่ให้ความสำคัญเรื่องรถพลังงานทางเลือก แต่มีรถประเภทเดียวที่เหมาะสมกับการใช้งานคือ รถไฮบริด ที่เป็นการผสมผสานระหว่างพลังงานรูปผสม คือ ใช้เครื่องยนต์ปกติร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า แม้ว่าพลังงานไฟฟ้าจะนำมาใช้กับรถยนต์ได้จริง แต่มันก็มีข้อจำกัด ขึ้นอยู่กับการนำพลังงานไฟฟ้ามาใช้ การขับเคลื่อนที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบทเตอรี ที่เป็นตัวสะสมพลังงานไฟฟ้า โดยต้องเพิ่มแหล่งจ่ายไฟภายนอกตัวรถ รถประเภทนี้เรียกว่า ELECTRIC VEHICLE มีข้อจำกัดในการใช้งานในเรื่องของระยะทางต่อการชาร์จ 1 ครั้ง จนมีการพัฒนามาให้ตัวรถสามารถผลิตไฟฟ้าได้ในตัว โดยใช้ปฏิกิริยาทางเคมีที่เรียกว่า FUEL CELL แต่ก็ติดปัญหาในเรื่องของอุปกรณ์จำนวนมาก และระยะทางที่วิ่งได้น้อย จึงมีข้อจำกัดเพียงการใช้งานในเมืองหรือการเดินทางสั้นๆ ทั้ง 2 แบบจัดอยู่ในประเภท ZERO EMISSION VEHICLE (ZEV) คือ ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะจากการใช้งาน ข้อเสียก็คือ ต้องใช้เวลาในการประจุไฟค่อนข้างนานประมาณ 7-8 ชม. ขึ้นอยู่กับขนาดความจุของแบทเตอรี รถไฮบริด คือ รถยนต์ที่ใช้พลังงานในการขับเคลื่อน ตั้งแต่ 2 แหล่งขึ้นไป โดยมากเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้า เหมาะสมกับการใช้งานในชีวิตประจำวันมากกว่าแบบอื่นๆ เนื่องจากสมรรถนะเทียบเท่ากับรถที่ใช้เครื่องยนต์เพียงอย่างเดียว มีระยะการเดินทางไม่จำกัด เพราะสามารถใช้เครื่องยนต์ที่มีอยู่ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ตลอดเวลา จุดประสงค์ก็เพื่อลดขนาดความจุของเครื่องยนต์ลง แล้วใช้มอเตอร์ไฟฟ้ามาช่วยเสริมแรงบิดให้เพียงพอในการขับเคลื่อน เพราะต้องการให้เครื่องยนต์ทำงานน้อยที่สุด เนื่องจากในจังหวะการเร่งเครื่องจะสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและเกิดมลพิษ จึงนำมอเตอร์ที่มีแรงบิดสูงมาช่วยเพิ่มแรงบิดในการขับเคลื่อน สามารถลดความสิ้นเปลืองและมลพิษที่เกิดจากการเผาไหม้ได้มาก ค่าย ฟอร์ด ได้เปิดตัวรถรุ่น เอสเคพ ไฮบริด เมื่อ 2-3 ปีนี้เอง และเรียกรถประเภทนี้ว่า HEV (HYBRID-ELECTRIC VEHICLE) ในรุ่นแรกใช้เครื่องยนต์ ZETEC พิกัด 2.0 ลิตร แบบ ATKINSON CYCLE เปรียบได้เหมือนกับเครื่องยนต์แบบ 5 จังหวะ แต่ไม่ได้หมายความว่า มีการทำงานแตกต่างจากเครื่องยนต์ 4 จังหวะ ส่วนจังหวะที่ 5 ที่เพิ่มขึ้นนั้น เป็นการเพิ่มจังหวะจุดระเบิดซ้ำอีกครั้ง เพื่อเป็นการเผาไหม้ไอเสียซ้ำอีกครั้ง เลยเรียกว่าเป็นเครื่องยนต์ 5 จังหวะ ซึ่งเป็นการเผาไหม้ในระยะเวลาสั้นๆ ที่มิได้หวังกำลังจากการจุดระเบิดครั้งนี้ แต่หวังเพียงการทำลายส่วนผสมที่ค้างอยู่เล็กน้อยให้หมดจดมากกว่า ใน เอสเคพ รุ่นปี 2007 คันนี้ มีการปรับปรุงเพิ่มเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานมากขึ้น ยังคงใช้เครื่องยนต์ขับเคลื่อนเป็นหลัก แต่ขยับมาใช้พิกัด 2.3 ลิตร แบบ ATKINSON CYCLE เช่นเดิม ให้กำลัง 133 แรงม้า ที่ 6,000 รตน. และเสริมด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 70 กิโลวัตต์ ที่ 5,000 รตน. เพิ่มจากรุ่นที่แล้ว 5 กิโลวัตต์ เครื่องยนต์รุ่นนี้มีสมรรถนะเทียบเคียงเครื่องยนต์บลอค วี 6 ที่ประจำการอยู่ในบอดีเดียวกัน จุดเด่นของเครื่องยนต์ คือ ความประหยัด มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 15.30 กม./ลิตร น้ำมัน 1 ถัง สามารถใช้งานได้ราว 800-860 กม. ทีเดียว ระบบเกียร์เป็นแบบ ECVT ที่มีความสามารถในการถ่ายทอดกำลังได้อย่างเหมาะสม แบทเตอรีแบบนิคเกิล เมทัล-ไฮดไรด์ ติดตั้งอยู่บริเวณพื้นของห้องเก็บสัมภาระในตอนท้าย โดยไม่ทำให้พื้นที่ใช้สอยภายในห้องโดยสารสูญเสียไป ระหว่างการขับขี่ ระบบจะทำการจัดสรรเรื่องการถ่ายทอดกำลังให้เหมาะสมกับสภาพการขับขี่ รวมถึงการนำพลังงานจากการเบรคหรือการชะลอรถ กลับมาเป็นพลังงานไฟฟ้า เอสเคพ คันนี้เป็นรถไฮบริด ประเภท PARALLEL HYBRID พูดให้เข้าใจง่ายๆ คือ เครื่องยนต์และมอเตอร์จะขับเคลื่อนร่วมกัน ตัวมอเตอร์จะทำหน้าที่เสริมแรงบิดให้กับเครื่องยนต์ ในจังหวะที่เครื่องยนต์ต้องรับภาระมากๆ อย่างขณะออกตัว, เร่งแซง หรือเมื่อน้ำหนักบรรทุกมากขึ้น มอเตอร์ไฟฟ้าจะช่วยเพิ่มแรงบิดเพื่อลดการทำงานของเครื่องยนต์ เพราะจังหวะดังกล่าวจะมีการใช้เชื้อเพลิงมาก เพราะต้องการแรงบิดสูง จะมีความสิ้นเปลืองและปัญหาเรื่องมลพิษตามมา เครื่องยนต์รุ่นนี้จัดอยู่ในประเภท SUPER ULTRA LOW EMISSION VEHICLE (SULEV) ถือว่ามีมลพิษต่ำมาก อันเป็นผลมาจากการทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์ และระบบอีเลคทรอนิคส์ที่ใช้ควบคุม